ASTVผู้จัดการออนไลน์ คงจะยังไม่ช้าเกินไปที่ "ตระเวนกิน"จะเอื้อนเอ่ย "สวัสดีปีใหม่ไทย" หลายคนคงจะได้ไปเที่ยวเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันมาอย่างสนุกสนานให้หายคลายร้อน กันไปอย่างชื่นฉ่ำอุราในช่วงหน้าร้อนนี้ แต่ถ้าใครไม่ชอบออกไปเล่นน้ำให้ตัวเปียก แต่กลับชอบเรื่องกิน ชอบสรรหาของกินใส่กระเพาะให้อิ่มท้องเสียมากกว่า ขอบอกว่ามื้อนี้จะได้สมใจปาก เพราะเราได้ทำการวบรวมเอาของกินน่าสนใจที่เหมาะแก่การกินในหน้าร้อน เพื่อให้เย็นกายพร้อมเย็นใจ แถมอิ่มสบายท้องมานำเสนอให้ทุกคนได้เลือกไปลองลิ้มรสชาติกันแบบตามใจชอบ "ข้าวแช่" เมนูโบราณกินคู่หน้าร้อน อันที่จริงช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การกิน "ข้าวแช่" เป็นอย่างยิ่ง ที่กินแล้วช่วยให้ชื่นฉ่ำคอ เย็นกาย สบายท้อง ชื่นใจกับกลิ่นหอมๆ ของดอกมะลิลอย กินกับเครื่องเคียงสารพัดอย่าง ที่กินแล้วช่วยให้อิ่มท้องแถมกินแล้วช่วยคลายร้อนได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว ว่ากันว่าข้าวแช่เป็นอาหารโบราณ ที่มาจากชาวมอญที่ทำกันในวันสงกรานต์เพื่อถวายพระและนำไปให้ผู้เฒ่าผู้แก่ ที่เคารพนับถือ และต่อมาข้าวแช่ได้เข้าไปเป็นอาหารในวัง เป็นที่นิยมกันสืบทอดมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 จึงเรียกกันว่า "ข้าวแช่ชาววัง" และนิยมกินกันในช่วงหน้าร้อนมาจนถึงปัจจุบันนี้ |
||||
"ร้านหลายรส" ตั้งอยู่ที่ 122 ถ.พระราม 6 คลองประปา สามเสน กรุงเทพฯ เปิด 10.00 - 22.00 น. โทร. 0-2279-2895 "ห้องอาหารดรรชนี" ตั้งอยู่ที่ 18/2-4 เชิงสะพานวันชาติ ถ.ประชาธิปไตย อ.พระนคร กทม. เปิด 11.00-19.00น. โทร. 0-2281-9332 และ "ร้านเซเว่น สไปเซส" ตั้งอยู่ที่ ชั้น2 เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ถ.ราชดำริ กทม. เปิด 10.00-21.00 น. โทร.0-2255-9669 เรียกว่าสะดวกที่ไหนก็เลือกไปกินกันได้ตามสบาย |
||||
เมื่อฤดูร้อนมาถึง อีกหนึ่งของกินไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "ข้าวเหนียวมะม่วง" ซึ่งกลายเป็นของกินคู่หน้าร้อนที่ชวนกินไปเสียแล้ว เพราะเมื่อยามที่ได้กินมะม่วงสุกหอม กับข้าวเหนียวมูนนุ่มๆ ราดน้ำกะทิหอมหวานมัน เป็นอะไรที่เลิศลิ้นเสียเหลือเกิน แล้วการกินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อยนั้น นอกจากจะต้องมีข้าวเหนียวมูนที่อร่อยหอมหวานมุนนุ่มลิ้นแล้ว การเลือกมะม่วงที่นำมากินคู่กับข้าวเหนียวนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมะม่วงที่นิยมนำมากินนั้นก็มีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ "มะม่วงอกร่อง" ลักษณะ มีขนาดผลค่อนข้างเล็ก รูปทรงผลค่อนข้างแบน ตรงส่วนท้องเป็นทางยาวจนเห็นได้ชัด มีเสี้ยนน้อย เมื่อแก่จัดผลสุกเต็มที่ จะมีผิวของเปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง มีกลิ่นหอม เนื้อมะม่วงจะสีเหลืองเนียนละเอียด รสหวานจัด และอีกพันธุ์คือ "มะม่วงน้ำดอกไม้" มี ลักษณะผลขนาดใหญ่ ผลอ้วนเกือบกลม หัวใหญ่ปลายแหลม ผลค่อนข้างยาว เนื้อมาก เมล็ดเล็ก มีผิวบาง เมื่อผลสุกจะมีผิวสีเหลือง มีกลิ่นหอม เนื้อละเอียดมีเสี้ยนน้อย รสหวานนุ่มกินอร่อยลิ้น เรียกว่าหน้าร้อนที่มาถึงนี้หากใครกำลังมองหาร้านขายข้าวเหนียว มะม่วงรสเลิศลิ้มลองอยู่ล่ะก็ เรามีร้านเจ้าเด็ดเจ้าดังมาแนะนำให้ไปชิมกันอยู่หลายร้าน ดังนี้ "ร้านข้าวเหนียว นายแว่น" ตั้งอยู่ที่ 9/14 ปากทางเข้าบางขุนนนท์ ถ.บางกอกน้อย-ตลิ่งชัน กทม. เปิดขายตั้งแต่เดือนก.พ. ไปจนถึงประมาณต้นเดือน ก.ค. ขายจันทร์-ศุกร์ 08.30-21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 08.00-21.00 น. โทร. 0-2433-2011 |
||||
"ร้านข้าวเหนียวมะม่วงบุญทรัพย์" ตั้งอยู่ที่ ปากซอยตลาดหลวง บางรัก ริมถนนเจริญกรุง เปิดทุกวัน 08.00-20.00 น. โทร. 0-2234-4086 "ร้านแม่วารี" ที่ ตั้ง เลขที่ 1 ซ.ทองหล่อ (สุขุมวิท 55 ) ถ.สุขุมวิท เขตคลองเตย กทม. เปิดขายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-2392-4804, 0-2714-0419 "ร้านข้าวเหนียวมะม่วงแม่เก่ง" ตั้งอยู่ในร้านรุ่งสินพานิช ปากซอยทางเข้าหมู่บ้านรวมโชค ซอยโชคชัย4 /54 ถ.ลาดพร้าว ติดกับร้านถ่ายรูปโกดัก เปิดทุกวัน 05.30-21.00 น. โทร 0-9881-2349, 0-2538-3331 "ร้านก. พานิช" ตั้งอยู่ที่ 431-433 เยื้องปากซอยแพร่งภูธร ถ.บ้านตะนาว กทม. ร้านอยู่ริมถนน เปิดทุกวัน 07.30-19.30 น. โทร. 0-2221-3554 และ"ร้านข้าวเหนียวมูนแม่ประไพศรี" มีหลายสาขาด้วยกัน จ. นนทบุรี ตั้งอยู่ที่ 80/200 หมู่ 4 ซ.ศรีพรสวรรค์ สวนใหญ่ จ.นนทบุรี เปิดทุกวัน 04.00-20.00 น. โทร. 0-2527-1407 ตลาดอตก. (จตุจักร) เป็นแผงร้านตั้งอยู่ตรงทางขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดทุกวัน 08.00-19.00 น. โทร. 0-2271-3315 เมืองทองธานี ตั้งอยู่ที่ตลาดรวมใจ เมืองทองธานี เปิดทุกวัน 08.00-19.00 น. โทร. 0-1913-0656 นอกจากนี้ก็ยังมีขายที่ห้างบิ๊กซีทั้ง 8 สาขา คือ สาขาติวานนท์, รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ, ลาดพร้าว, สะพานความ, งามวงศ์วาน, ราชดำริ, หัวหมาก เปิดทุกวัน ปิดเปิดตามเวลาของห้างฯ |
||||
"ไอศกรีม" หรือ "ไอติม" เป็นของกินเย็นๆ หน้าร้อน ที่ไม่ว่าเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ หากเห็นไอศกรีมเป็นไม่ได้ต้องวิ่งเข้าหาไอศกรีมกินกันให้อร่อยคลายร้อนเป็น ทุกรายไป หลายคนที่ชอบกินไอศกรีมจะรู้กันบ้างหรือเปล่าว่าไอศกรีมนั้นมีที่มาที่ไป อย่างไร?? เราไปสืบเสาะหาข้อมูลได้ความมาว่า "ไอศกรีม" (Ice Cream) คนทั่วไปมักคิดว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากตะวันตก แต่จริง ๆ แล้วกำเนิดในประเทศจีนนี่เอง เกิดจากการนำหิมะบนยอดเขามาผสมกับนํ้าผลไม้ และกินในขณะที่หิมะยังไม่ทันละลายดี จนปลายศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโลเดินทางไปจีนและชื่นชอบ จึงนำสูตรกลับไปอิตาลีและมีการเติมนมลงไปกลายเป็นสูตรของเขาโดยเฉพาะ และแพร่หลายไปในอิตาลี ฝรั่งเศสและข้ามไปอังกฤษ คนอิตาลีถือว่าตนเองเป็นต้นตำรับไอศกรีมแบบที่นำมาปั่นให้เย็นจนแข็ง เรียกว่าเจลาติน (Gelatin) แล้วแพร่หลายไปในฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 16 ข้ามไปอเมริกา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนอเมริกันมาก |
||||
นั่นคือความเป็นมาของไอศกรีมพอสังเขป ส่วนถ้าใครเกิดอยากกกินไอศกรีมหวานๆ เย็นๆ ขึ้นมตอนนี้ เราก็มีร้านไอศกรีมเจ้าเด็ดมาแนะนำให้เลือกไปลิ้มรสกัน ใครสะดวกที่ไหนก็เลือกไปกันได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมแบบไทยๆ หลากรสชาติ ที่ร้าน "ไอส์เบิร์ก" ตั้งอยู่ที่1/9 ถ.เทศา ซอย 2 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เปิดทุกวันคู่ เวลา 14.00 – 21.00 น. เบอร์โทร. 0-3424-1607, 08-9122-5162 มากินไอศกรีมโอมเมดที่ "Scoop Me" ตั้งอยู่ที่ 309/5 ถ.จันทร์ วัดพระยาไกร บางคอแหลม กทม. เปิดทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น. โทร.0-2211-4535 หรือแวะมากินไอติมโบราณแบบไทยๆ ที่ร้าน “ไอติมโบราณ” ตั้งอยู่ตรงข้ามตลาดน้ำคลองลัดมะยม ถ.บางระมาด แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. โทร.08-9215-2659 (ตลาดน้ำคลองลัดมะยมเปิดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และมากินไอศกรีมโฮมเมดไทยๆ เน้นคุณภาพที่ร้าน "ทิพย์รส" ตั้งอยู่ที่ ถ.มหาไชย ซ.สำราญราษฎร กทม. ตรงประตูผี อยู่ถัดจากร้านผัดไททิพย์สมัย เปิดทุกวัน 19.00-01.00 น. และมีอีกหนึ่งสาขาอยู่ที่เตาปูน โทร. 08-1985-2970 แต่ถ้าชอบกินไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนเจลาโตโฮมเมดต้องมาที่ "คอฟฟี่ แอนด์ โคนส์" (Coffee & Cones) ตั้งอยู่ที่ 23 ซ.อารีย์ ถ.พหลโยธิน 7 สามเสนใน พญาไท กทม. เปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น. โทร. 0-2279-0872, 08-9486-3806 หรือมาชิมไอศกรีมค็อกเทล ที่ "Amaltery" ตั้งอยู่ที่Central World ชั้น 7 โทร. 0-2613-1710 และ ที่ Erawan Bangkok โทร. 0-2252-0232 เปิดปิดตามเวลาของห้าง และมากินไอศกรีมผัดที่ "ไอซ์สโตน" ตั้งอยู่ที่ บริเวณชั้น G อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.30 น. วันเสาร์เปิด 10.00-17.00 น. โทร. 0-2233-3344 |
||||
ของหวานที่มีชื่อเสียงและเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกอย่างหนึ่งต้อง "ลอดช่อง"งานนี้เราไม่เกี่ยงร้านว่าจะเป็นลอดช่องไทยหรือลอดช่องสิงคโปร์ขอเพียงอร่อยดับร้อนเป็นใช้ได้ ก่อนอื่นขอพาไปรู้จักความแตกต่างของลอดช่องสองประเภทนี้ก่อน ลอดช่องสิงคโปร์นั้น แท้จริงแล้วต้นกำเนิดไม่ได้มาจากประเทศสิงคโปร์ แต่ต้นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยนี่เอง แตกต่างจากลอดช่องไทยตรงที่ ใช้แป้งมันสำปะหลังมาปั้น และนวดให้เหนียว รับประทานกับกะทิสด และน้ำเชื่อม น้ำแข็งป่น คำว่า สิงคโปร์ มาจาก บริเวณที่ตั้งร้านนี้ ที่เป็นเจ้าแรก ในการทำ "ลอดช่องสิงคโปร์" เพราะเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ร้านนี้บังเอิญไปตั้งอยู่บริเวณ หน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์ (เดิม) หรือโรงหนังเฉลิมบุรี บนถนนเยาวราช และเมื่อลูกค้าจะไปทาน ก็มักจะเรียกว่า "ไปทานลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์" สุดท้ายก็เรียกให้สั้นลงว่า "ลอดช่องสิงคโปร์" แทน ส่วนลอดช่องไทยเก่าแก่ขนาดพบข้อความปรากฏอยู่บนศิลาจารึก เอ่ยถึงชื่อขนมไทยไว้ 4 ชนิดนั่นก็คือ เม็ดแมงลัก ลอดช่อง ข้าวตอกและข้าวเหนียว ซึ่งจะตักใส่มาในถ้วยโดยมีน้ำกะทิแยกมาไว้เติมต่างหาก ใครอยากกินอะไรก็เลือกตักตามนั้น |
||||
ร่ายยาวถึงประวัติลอดช่อแล้วก็ต้องพาไปรู้จักร้านลอดช่อง ขอเริ่มที่ร้าน "ลอดช่องสิงคโปร์" ตั้งอยู่ที่ 680-682 ถ.เจริญกรุง สามแยกหมอมี แขวง/เขต สัมพันธวงศ์ กทม. เจ้าแรกตำนานความอร่อยที่มีมายาวนานกว่า 60 ปี บนถนนเยาวราช สูตรของขนมลอดช่องสิงคโปร์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการใช้กะทิ แบบเข้มข้น เพื่อให้ได้ความหอม มัน ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เทศกาลสงกรานต์จะหยุดร้านวันที่ 11 – 20 เม.ย. นี้ โทร. 0-2221-5794, 08-1651-4444 และมีอีก 1 สาขาตรงสี่แยกสะพานควาย ใกล้ห้างบิ๊กซี โทร. 0-2278-1299เปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุด สนใจติดต่อโทร. 0-2221-5794 ลอดช่องร้านต่อมาที่จะพาไปรู้จัก คือ "ลอดช่องโบราณ" ย่านบางลำพูขายมาเกือบสิบปีการันตีคุณภาพ พิเศษที่อบน้ำกะทิด้วยควันเทียนเพิ่มความหอม ร้านตั้งอยู่ข้างเคเอฟซีบางลำพู เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ตั้งแต่เวลา10.00-16.30น. โทร.0-2280-7111,0-2629-5744-5 |