สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชะตาของนาเกลือและดอนหอยหลอด/คอลัมน์ส่องความคิด

จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :บานาน่า:


 


นานมาแล้วที่ไม่ได้เห็นนาเกลือใน จ.สมุทรสงคราม วันนี้นาเกลือของเมื่อวันวานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมากมาย นาเกลือในวันนี้กลายเป็นสนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุด กลายเป็นโกดังเก็บของ และในอนาคตจะกลายเป็นอะไรไม่มีใครรู้

นั่นเพราะชาวนาเกลือหลายแปลงประกาศขายพื้นที่ที่เคยทำนาเกลือ ซึ่งคงไม่แตกต่างกับชาวนาที่ประกาศขายที่ หรือชาวสวนที่ไม่ต้องการทำสวนอีกต่อไป เนื่องจากราคาสินค้าที่ถูกลง แต่ต้นทุนกลับสูงขึ้น ต่อให้ทำเท่าไรก็ไม่รวยสักที แถมยังเป็นหนี้เป็นสินอีกต่างหาก

นอกจากนี้แล้ว การทำนาเกลือยังต้องขึ้นอยู่กับความเป็นไปตามดินฟ้าอากาศ ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อน ปัจจุบันเกลือถุงเล็กยังมีราคาไม่ถึง 1 บาท แม้คนขายจะพยายามขายในราคาถุงละบาท แต่ไม่วายถูกคนซื้อที่ขับรถผ่านมาแวะซื้อพร้อมต่อราคา

เกลือรสเค็ม สีขาวเจือขุ่นเล็กน้อย จากนาเกลือแห่ง จ.สมุทรสงคราม ในวันนี้กลับถูกมองข้าม แม้จะมีคนซื้อบ้าง แต่ก็ต้องได้ในราคาแสนถูก แต่ชาวนาเกลือทุกคนกลับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง ไป หากรายรับไม่สามารถ เจือจุนกับรายจ่าย แถมไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ เป็นใครก็ต้องหาทางอยู่รอดใหม่

ใครถอดใจไปก่อนแล้วขายที่ มีเงินใช้ ก็เป็นตัวอย่างให้กับเพื่อนบ้านเห็นว่า ทำแล้วสบาย แล้วใครจะไม่ทำตาม วันนี้ถ้าสังเกตกันให้ดี หน้าแปลงนาเกลือติดประกาศขายเกือบจะทุกแปลง

ถ้าชาวนาเกลือขายที่ไปหมด ที่ที่ขายไปกลายเป็นพื้นที่สำหรับสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ตามแต่ผู้ซื้อจะนำไปใช้ทำอะไร อีกไม่นานนาเกลือแห่ง จ.สมุทรสงคราม คงเหลือเพียงแค่ชื่อ หรือกลายเป็นตำนานเหลือเพียงภาพถ่ายให้เล่าต่อไปสู่คนรุ่นหลัง จะนึกเสียดายก็สายไปเสียแล้ว หากวันนี้ นาเกลือของชาวนาเกลือยังถูกละเลยและถูกมองข้าม

จริงๆ แล้วนาเกลือแบบนี้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ยิ่งประเทศในแถบตะวันตก ยุโรป อเมริกา คงหาแทบไม่ได้ หากจะอนุรักษ์ไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาหารการกินของคนไทย เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย แต่คำถามคือ แล้วใครจะเป็นคนลุกขึ้นมาช่วยเหลือโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง และอาจจะไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนไทยด้วยกัน และเพื่อชาติ

ใกล้ๆ กันนั้นใน จ.สมุทรสงคราม ยังมี ดอนหอยหลอด ซึ่งในวันนี้กำลังทำการปรับปรุงพื้นที่สำหรับต้อนรับนักเที่ยว แต่เป็นการปรับปรุงพื้นที่อย่างไม่มีทิศทาง และไม่เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ใครๆ ก็พยายามกล่าวถึงตลอดเวลา เช่น การถมดินขยายพื้นที่ในเขตที่เป็นป่าโกงกาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซออกซิเจน และยังเป็นแหล่งของการเพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตในน้ำที่สำคัญ

ตลอดฝั่งริมน้ำของดอนหอยหลอดถูกเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร ร้านขายของ โดยไม่มีการดูแลระบบการกำจัดของเสียในร้านอาหารเหล่านั้นไม่ให้ทิ้งขยะและ น้ำเสียลงในแม่น้ำ

ส่วนสินค้าที่จำหน่ายในพื้นที่ดังกล่าวก็แพงลิบลิ่ว พ่อค้าแม่ค้าตั้งราคาสูงเพื่อรอให้คนซื้อต่อรอง หากไม่ต่อรองผู้ซื้อก็จ่ายแพงกว่าโดยไม่รู้ตัว โดยไม่มีใครเข้ามาดูแลควบคุม

ในวันนี้ดอนหอยหลอดยังมีคนไทยเป็นส่วนใหญ่เข้ามาท่องเที่ยว แต่หากปราศจากการจัดการที่ดีแล้ว แหล่งท่องเที่ยวนี้ก็จะเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา และความ เพิกเฉยจากการเอาใจใส่

หากมีการดูแลกันอย่างจริงจัง ดอนหอยหลอดอาจจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างชาติอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ

และที่สุดแล้วก็จบลงด้วยคำถามเดียวกันว่า แล้วใครจะเป็นผู้ดำเนินการ ก็ผู้มีอำนาจที่มีหน้าที่ทำงานรับผิดชอบโดยตรง หากไม่รีบดำเนินการในตอนนี้ ต่อไปนอกจากจะต้องสูญเสียเงินเพื่อปรับปรุงเพิ่มขึ้นแล้ว ดอนหอยหลอดอาจจะเหลือแต่ชื่อไปอีกหนึ่งแห่งก็เป็นได้

ถ้ารัฐบาลอยากให้คนไทยเที่ยวเมืองไทย อยากให้ชาวต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทย ก็ต้องจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้ดี ให้น่ารัก แล้วคนไทยและคนต่างชาติจะได้รักเมืองไทย และเที่ยวเมืองไทยอย่างอนุรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกัน

view