จาก โพสต์ทูเดย์

เสน่ห์ของเครื่องดนตรีไทยกับเสียงดนตรี สมัยใหม่ สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยฝีมือคนไทยที่มีความรักในเสียงเพลงแบะรักความเป็นไทย บวกกับความคิดสร้างสรรค์ใช้ประยุกต์ความเป็นไทยให้เข้ากับอุปกรณ์ฟังดนตรี จนได้ออกมาเป็น ลำโพงรูปทรงเครื่องดนตรีไทย หลากชนิด 

ประสิทธิ์ สว่างคำ กล่าวว่า การประดิษฐ์ลำโพงรูปทรงเครื่องดนตรีไทย เกิดขึ้นจากการได้เรียนรู้วิธีประกอบลำโพง และเริ่มต้นนำมาลองประกอบเป็นลักษณะตู้สี่เหลี่ยมธรรมดา แต่เห็นว่าเป็นรูปทรงเหมือนกับลำโพงทั่วไปตามท้องตลาด ไม่มีความน่าสนใจ จึงพยายามทำให้ลำโพงมีรูปทรงที่แตกต่าง สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่พบเห็นได้

ประสิทธิ์

การประดิษฐ์ลำโพงในแนวคิดดังกล่าวต้องใช้เวลาพัฒนาเป็นปี เพื่อจะให้ได้ลำโพงที่มีคุณภาพ ให้เสียงเหมือนกับลำโพงทรงสี่เหลี่ยม เนื่องจากรูปทรงของวัสดุเปลี่ยนไป ทำให้การคำนวณห้องเสียงภายในต้องแตกต่างจากการทำลำโพงในรูปทรง สี่เหลี่ยมธรรมดา ลำโพงตัวแรกจึงใช้เวลาประดิษฐ์เป็นปี กว่าจะได้ลำโพงที่มีคุณภาพเสียงเทียบเท่าลำโพงปกติ

ตัวแรกที่ประดิษฐ์มาได้นั้น เป็นลำโพงรูปทรงกลองยาวขนาดเล็ก

หลังจากนั้นจึงเริ่มนำเครื่องดนตรีไทยชนิดต่างๆ เช่น ตะโพน ระนาด มาประดิษฐ์เป็นลำโพง จัดเรียงที่ตั้งและเสียงให้เหมาะสมกับเครื่องดนตรีแต่ละชนิดด้วย เช่น ใช้ตะโพนเป็นเสียงเบส ใช้ระนาดเป็นเสียงกลาง เป็นต้น เมื่อวางจนครบชุดแล้วจะมีลักษณะการจัดวางเหมือนวงเครื่องดนตรีไทย

“เราชอบทำอะไรที่แตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นทำอยู่แล้ว แม้จะเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน แต่ของเราต้องแตกต่างจากของคนอื่น ประกอบกับเรียนจบทางด้านโบราณคดีมา จึงรู้สึกมีความผูกพันกับเรื่องที่เป็นไทยๆ”

ประสิทธิ์ เล่าต่อว่า เครื่องดนตรีไทยที่นำมาผลิตเป็นลำโพง ถ้าเป็นกลองจะใช้กลองที่ขึ้นรูปมาอยู่แล้วจากหมู่บ้านทำกลองป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นรูปกลองที่มีชื่อเสียงมาก ทราบมาว่าที่นี่เป็นที่ขึ้นรูปกลอง จึงลองไปคุยรายละเอียดและ บอกความต้องการทั้งขนาดของกลอง การลง น้ำยา เป็นต้น

ผู้ผลิตกลองยินดีรับผลิตให้ตามความต้องการ ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และส่งเสริมความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์เครื่องดนตรีของไทย ส่วนเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลอง เช่น ระนาด ฆ้อง จะประดิษฐ์เองทั้งหมดตามหลักของการทำเครื่องดนตรีไทย

ขณะนี้มีลำโพงที่มีรูปทรงเป็นเครื่องดนตรีไทย ได้แก่ กลองยาว ระนาด ฆ้อง ตะโพน 2 หน้า และกลองทัด ในอนาคตจะพยายามพัฒนาให้มีรูปทรงเป็นเครื่องดนตรีไทยชนิดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

สำหรับลวดลายที่สวยงามบนลำโพงรูปทรงเครื่องดนตรีไทย เริ่มแรกของการประดิษฐ์ไม่ได้ใส่ลวดลายอะไรลงไปบนลำโพงเลย แต่ได้คำแนะนำให้ลองลงลวดลายประเภทลายไทยลงไป เพื่อความสวยงามและดึงดูดความสนใจมากขึ้น

ช่วงแรกใช้วิธีลงรักปิดทอง แต่ต้นทุนการทำสูงมาก อีกทั้งเมื่อทองถูกสัมผัสมากๆ จะดำ จึงเปลี่ยนมาใช้สีอะครีลิกผสมทองแทน ราคาถูกกว่า ทั้งเขาและภรรยาจึงได้ไปเรียนเขียนลายไทย หัดวาดลวดลายเอง จนสามารถวาดลงบนลำโพงเองได้ โดยลำโพงทุกตัวจะวาดลวดลายเองกับมือ

ในช่วงหลังที่เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก จำเป็นต้องออกแบบลายลงคอมพิวเตอร์ พิมพ์ออกมาเป็นสติกเกอร์ และเครื่องตัดลวดลายออกมา ถ้าใช้วิธีวาดมือทุกอันจะผลิตไม่ทันตามความต้องการของลูกค้า โดยสินค้าแต่ละชิ้นจะใช้เวลาผลิตเฉลี่ยประมาณ 20 วัน แล้วแต่ขนาดของลำโพง

“คุณสมบัติของลำโพงของเรา นอกจากจะใช้เป็นลำโพงธรรมดาแล้ว ยังนำไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เป็นลำโพงของคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กได้อีกด้วย อนาคตเราจะพัฒนาสินค้าไปเรื่อยๆ จนให้ได้เป็นลำโพงไร้สาย”

เมื่อผลิตลำโพงออกมาสมบูรณ์แบบแล้วก็ได้เริ่มนำสิ่งประดิษฐ์ไปจด ทะเบียนอนุสิทธิบัตร จดสิทธิบัตรด้านการออกแบบ และจดสิทธิบัตรด้านตราสินค้า หรือแบรนด์ ใช้ชื่อแบรนด์ “Classic Golden Ear” เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ และเป็นการส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทย

ประสิทธิ์ กล่าวว่า พอมีสินค้าอยู่ในมือแล้ว จึงได้เข้าอบรมการทำแผนธุรกิจเพื่อหาช่องทางขายสินค้า หาวิธีทำสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีโอกาสไปออกบูธกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เลยเริ่มมีลูกค้าสนใจ ติดต่อ นำสินค้าไปวางขาย

ขณะนี้สินค้ามีวางขายอยู่ในคิง เพาเวอร์ ที่เดียวเท่านั้น ช่องทางอื่นขายสินค้าตรงผ่านทางออนไลน์ในเว็บไซต์ www.lampongthai.com ลูกค้าที่สนใจส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ

ขณะเดียวกัน ข้อมูลของสินค้าลำโพงรูปทรงเครื่องดนตรีไทย ส่วนใหญ่จะไปอยู่ในแหล่งข้อมูล ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการเป็นแหล่งสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งก็มีส่วนทำให้คนรู้จักสินค้ามากยิ่งขึ้น

ปีนี้ประสิทธิ์มีเป้าหมายจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยจะทำแบรนด์เป็นสติกเกอร์ไปติดตามหลังรถยนต์ เพื่อให้คนสนใจ รู้จักในตราสินค้า อีกทั้งจะส่งเสริมการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากปีนี้สินค้าได้รับรางวัล OTOP 4 ดาว จากเดิมในปี 2549 ได้เป็นสินค้า OTOP 3 ดาว เท่ากับว่าสินค้าได้รับการการันตีเรื่องคุณภาพ สามารถใช้เป็นจุดขายอีกทางด้วย