จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :นคร มุธุศรี นายกก่อตั้งสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย:
มีความพยายามผลักดันให้ผู้บริหารการจัดการ อาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรรอยู่ในกรอบกติกาเฉกเช่นเดียวกันกับการประกอบ วิชาชีพอื่นๆ อย่างเช่น วิศวกรและสถาปนิก ฯลฯ มานับสิบๆ ปี แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสักกะที
ไม่ต้องสาธยายว่าเป็นเพราะจั๋งได๋ มาว่าถึงผลกระทบจากที่ไม่มีการดูแลควบคุมผู้คนในอาชีพนี้ให้อยู่ในร่องในรอยกันดีกว่าคอนโดมิเนียมน่าอยู่น่าอาศัยนับร้อยๆ แห่งกลายเป็นสลัมลอยฟ้าอีกหลายสิบอาคารกำลังจะถูกตัดน้ำ ตัดไฟ เหตุเพราะทุจริตคอร์รัปชัน
ผู้บริหารอาคารชุดกว่าครึ่งค่อนไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อกฎหมาย
ผู้จัดการตึกสูงหลายแห่งมุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
หนักไปยิ่งกว่านั้น
ผู้จัดการนิติบุคคลบางชุมชนตั้งตัวเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย มีลิ่วล้อเดินขนาบซ้ายขนาบขวาเอาไว้ข่มขู่ชาวบ้านชาวช่องเขา
ที่มาที่ไปของผลกระทบข้างต้นเกิดจากต้นสายปลายเหตุ 2-3 ประการ
“ผู้จัดการไม่มีความรู้ความเข้าใจข้อกฎหมายและการบริหารการจัดการชุมชนที่ถูกต้อง” หนึ่งล่ะ
“ไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา” อีกหนึ่ง
และข้อสำคัญประการท้าย
“ไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดกำกับดูแลควบคุม”
ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่าๆ มานั่นแหละคือ “ปัญหา” ที่มีต้นตอจากการบริหารการจัดการที่ไม่เอาไหน ผู้อยู่ในแวดวงบ้านจัดสรรและอาคารชุดถึงได้ทั้งผลักทั้งดันให้มีการ “จดทะเบียนผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านและผู้จัดการคอนโดมิเนียม” เป็นระยะ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “รังสรรค์ นันทกาวงศ์” นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย และผม นคร มุธุศรี ได้เข้าพบท่านอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ถกในรายละเอียดเรื่องนี้อีกหน ต่างมีความเห็นตรงกัน
ถึงเวลาต้อง “ขึ้นทะเบียนกำกับดูแลผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านและคอนโดฯ” เสียที
แต่เพื่อให้บุคคลที่นั่งในตำแหน่งผู้จัดการมีคุณภาพเต็มร้อย ทั้งกรมที่ดินและสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทยต้องพึ่งพาสถาบันการ ศึกษาที่มีชื่อเสียงเป็นผู้กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนควบคู่กันไปด้วย
บทสรุปสุดท้ายออกใบประกอบวิชาชีพ (License) ให้ผู้จัดการบ้านและคอนโดมิเนียม โดยมี 3 องค์กรหลักรับผิดชอบ
กรมที่ดิน ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลอาคารชุดทั่วประเทศไทย มีหน้าที่ “ขึ้นทะเบียนผู้จัดการ” ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการฝึกสอนพร้อมออกใบประกาศนียบัตรให้ผู้ผ่านการอบรม
สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ควบคุมจรรยาบรรณมิให้ออกนอกลู่นอกแถว
นอกจาก 3 องค์กรข้างต้นแล้ว การเคหะแห่งชาติเจ้าของโครงการบ้านและอาคารชุดเอื้ออาทร ขอถือโอกาสเข้ามาร่วมแจมผลิตบุคลากรบริหารชุมชนเพื่อยกระดับให้เป็นมืออาชีพ ทัดเทียมกับต่างประเทศอีกหน่วยงาน
พูดถึงเมืองอื่นๆ ทั่วโลก อย่างเช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และเกาะฮ่องกงใกล้ๆ เรา ก่อนจะเข้าสู่วิชาชีพบริหารโครงการหลังการขายได้จะต้องผ่านการเรียนในระดับ ปริญญาตรีทุกราย
สยามเมืองยิ้มของเราอีกหน่อยก็ต้องพัฒนาให้เหมือนๆ กับเขา
นอกจากการเรียนการสอนในด้านวิชาการ แล้ว ผู้อบรมวิชาชีพบริหารการจัดการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม ทุกท่านยังต้องเข้าคอร์ส “เวิร์ก ช็อป” อีกอย่างน้อยๆ 3-4 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้แน่นเอี๊ยดจริงๆ
เถอะ...แม้จะผ่านการศึกษาอบรมจนจบและได้รับใบรับรองจากมหาวิทยาลัย แต่การก้าวสู่ตำแหน่ง “ผู้จัดการ” บริหารโครงการหลังขายจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ครบถ้วนด้วย
อายุอานามจะต้องไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และ/หรือผ่านประสบการณ์เป็นผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้าน-อาคารชุดมาไม่น้อยกว่า 1 ปี
ผ่านการอบรมหลักสูตรบริหารหมู่บ้านและอาคารชุดจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เป็นสมาชิกสามัญสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
มีชื่ออยู่ในทะเบียนผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านและอาคารชุด ณ กรมที่ดิน
ส่วนลักษณะต้องห้ามที่ไม่สามารถ “ขึ้นทะเบียน” เป็นผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านและคอนโดฯ ได้มีอยู่ 4-5 ประการ
หนึ่ง “เป็นบุคคลล้มละลาย”
สอง “เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากทางราชการ หรือหน่วยงานของรัฐและเอกชน ฐานทุจริตต่อหน้าที่”
สาม “เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด เว้นแต่เป็นโทษโดยประมาทหรือลหุโทษ”
สี่ “เคยถูกถอดถอนจากการเป็นผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านหรือ นิติบุคคลอาคารชุด เหตุเพราะทุจริตหรือมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี”
ห้า “ถูกถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย และ/หรือถูกถอดถอนชื่อออกจากทะเบียนของกรมที่ดิน”ที่ว่าๆ มาข้างต้นคือกฎกติกาและเงื่อนไขการเป็นผู้บริหารทรัพย์สินยุคใหม่...!!