จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดย:วินิจ รังผึ้ง |
|||
ด้วยนักวิชาการสาธารณสุขก็ยังคาดว่าจะเป็นเพียงครึ่งของการระบาดจริง เท่านั้น เพราะคนที่เป็นหรือได้รับเชื้อแล้วรักษาเองโดยไม่ไปตรวจรักษาตามสถานพยาบาล ก็มีอยู่อีกมากมาย เจ้าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นี้จึงสามารถสร้างความตื่นตระหนกและหวาดวิตกกันไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนไม่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวไปไหนไกลบ้าน เพราะกลัวจะติดหวัดหรือหวั่นเกรงในความไม่สะดวกต่างๆในการเดินทางไกล จึงทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมีปริมาณลดลงไปด้วย ความจริงในแวดวงนักวิชาการสาธารณสุขและนักระบาดวิทยาของไทยนั้น ก็ได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้ามาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และ ไวรัสสายพันธุ์อื่นๆจะมีการกรายพันธุ์และพัฒนาตัวเองรวมทั้งมีการแพร่ระบาด จนยากที่จะควบคุม เพราะสาเหตุใหญ่ที่มาจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศและสภาพแวดล้อมที่ เป็นตัวเอื้ออำนวยให้ไวรัสและเชื้อโรคชนิดอื่นๆแพร่กระจายขยายตัวได้มากมาย ยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะทำให้โรคเขตร้อนต่างๆมีการแพร่ระบาดรุนแรงยิ่งขึ้นและยังมีการขยาย ตัวออกไปในวงกว้างโดยเฉพาะการแพร่ระบาดเข้าไปยังเขตหนาวที่ปัจจุบันก็มี อุณหภูมิแปรปรวนและสูงขึ้น ทำให้โรคบางชนิดที่ไม่เคยมีก็เกิดมีขึ้นได้ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนว่าไวรัสและเชื้อโรคต่างๆ มีการขยายตัวขึ้นเป็นทวีคูณจากการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศและสภาพแวดล้อม ก็คือ ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยของเรามีปริมาณฝนตกลงมามากกว่าปรกติ คือตกมาตลอดตั้งแต่ฤดูร้อนต่อเนื่องเข้ามาสู่ฤดูฝน และช่วงวันที่ฝนไม่ตกอากาศก็มักจะร้อนจัด ทำให้อากาศมีสภาพร้อนชื้นอย่างมาก จนส่งผลให้พืชพันธุ์เจริญเติบโต พืชผลทางการเกษตรติดดอกออกผลกันดกดื่นเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ลิ้นจี่ เงาะ มังคุด ทุเรียน ลำไย ออกผลเต็มต้นกันจนราคาตกต่ำติดดินจนต้องมีการปิดถนนประท้วงกันไปมากมาย ซึ่งนั่นเป็นผลิตผลและการขยายตัวแพร่พันธุ์ของพืชขนาดใหญ่ๆ เชื้อไวรัสและเชื้อโรคต่างๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน เมื่ออุณหภูมิของโลกและสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวเผยแพร่เผ่า พันธุ์ มันก็เลยออกลูกออกหลานแพร่ระบาดกันจนเต็มบ้านเต็มเมือง และเมื่อโลกมนุษย์ทุกวันนี้เป็นเสมือนยุคที่โลกไร้พรมแดน การเดินทางไปมาหาสู่กันทำได้รวดเร็วสะดวกสบายในทุกมุมโลก เชื้อโรคก็ถือโอกาสทำตัวเป็นผู้โดยสารติดตามผู้คนไปทุกหนทุกแห่ง การควบคุมโรคระบาดจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก |
|||
ซึ่งเราท่านทุกคนต่างก็มีส่วนด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะทางตรงหรือทาง อ้อม ทางตรงก็เช่นการขับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้วปล่อยไอเสียออกมา ทางอ้อมก็เช่นการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นอกจากจะก่อให้เกิดความร้อนแล้ว การผลิตไฟฟ้าก็ต้องใช้น้ำมัน ใช้ถ่านหิน ใช้พื้นที่ป่ามาสร้างเขื่อนเป็นต้น นอกจากนี้การใช้สินค้าทุกชนิดในชีวิตประจำวัน ซึ่งสินค้าเหล่านั้นต้องใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติ ผ่านกระบวนการผลิตจากโรงงาน ผ่านกระบวนการขนส่ง ซึ่งล้วนมีส่วนก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกด้วยกันทั้งสิ้น ความจริงเจ้าปรากฏการณ์เรือนกระจกนั้นมิใช่จะเป็นสิ่งเลวร้ายด้าน เดียว แต่กลับมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างสูงยิ่งหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น ในภาวะที่สมดุล เพราะปรากฏการณ์เรือนกระจกนั้นมีส่วนช่วยให้พื้นผิวโลกมีอุณหภูมิที่อบอุ่น เพราะก๊าซเรือนกระจกเช่นก๊าซคาบอนไดออกไซด์ และไอน้ำที่อยู่ในชั้นบรรยากาศนั้น ทำหน้าที่เป็นเสมือนแผ่นกระจกในเรือนกระจกที่ชาวเมืองหนาวใช้เป็นโรงเรือน สำหรับปลูกพืช ซึ่งแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังโลกส่วนใหญ่จะสะท้อนกลับไป แต่จะมีความร้อนและรังสีบางส่วนที่เมื่อสะท้อนจากพื้นโลกกลับขึ้นไปก็จะ สะท้อนก๊าซเรือนกระจกกลับลงมายังผิวโลกอีก นั่นจึงทำให้โลกใบนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส ซึ่งหากไม่มีปรากฏการณ์เรือนกระจกเช่นนี้ โลกก็จะมีอุณหภูมิหนาวเย็นถึงติดลบ 20 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นโลกจะมีสภาพเหมือนยุคน้ำแข็ง มนุษย์ สัตว์ และพืชก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นกัน แต่ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่รักษาสมดุลให้ปรากฏการณ์เรือนกระจกอยู่ในภาวะแห่งความพอดี โดยเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปในบรรยากาศอย่างมากมายอยู่ทุกเมื่อเชื่อ วัน ปริมาณความร้อนและรังสีที่ถูกกักขังไว้ในเรือนกระจกที่หนาแน่นขึ้นก็จะเพาะ บ่มให้โลกร้อนขึ้นๆ จนเป็นผลให้เกิดความแปรปรวนของฤดูกาลและสภาพดินฟ้าอากาศ จนก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่น น้ำแข็งในแถบขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว แผ่นดินไหว ไฟป่า คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง พายุเฮอริเคน พายุใต้ฝุ่นที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ฝนตกหนัก น้ำท่วมใหญ่ ดินถล่ม ระดับน้ำทะเลท่วมสูงขึ้น ชายฝั่งถูกกัดเซาะ รวมทั้งโรคระบาดในเขตร้อนจะแพร่ระบาดทวีความรุนแรงขึ้นและขยายพื้นที่การ ระบาดไปทั่วโลก ธรรมชาติสร้างสมดุลไว้บนผืนโลกจนเกิดพืช สัตว์และมนุษย์ขึ้นมาอาศัยอยู่บนผืนโลกอย่างมีความสุข หากเราทำลายความสมดุลให้สูญสิ้นไปแล้วเราจะอยู่อย่างไรบนโลกใบนี้ ช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อดูแลรักษาโลกของเราวันนี้คงยังไม่สาย ด้วยการร่วมใจกันประหยัดพลังงาน ใช้ทรัพยากรของโลกอย่างประหยัดและคุ้มค่า เพียงเท่านี้เราก็จะมีส่วนดูแลรักษาโลกใบนี้ร่วมกัน |