สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ตะลึง!การศึกษาไทยโรงเรียนแค่ 20%ได้รับการพัฒนา สถานศึกษาโอนไปท้องถิ่นแค่381แห่งบัณฑิตจบด้านสังคมเฟ้อ

จาก ประชาชาติธุรกิจ



ผู้สื่อข่าว ประชาชาติออนไลน์ รายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี( 18 ส.ค.) ได้เห็นชอบข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ    แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ สภาพปัญหาการศึกษาไทย ที่หลายประเด็นน่าเป็นห่วง
ประเด็นสำคัญ ประเด็นแรกคือ สถานศึกษาที่จัดการศึกษาระดับ ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา  จำนวนร้อยละ 20.3  จากจำนวน 22,425 แห่ง ที่ต้องได้รับการพัฒนา
ประเด็นที่สอง ด้านการผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ อาจารย์  มีการสูญเสียอัตราครูไปเนื่องจาก นโยบายจำกัดอัตรากำลังคนภาครัฐและมาตรการจูงใจให้ครูออกก่อนเกษียณ  ปัญหาครูสอนไม่ตรงตามวุฒิและการขาดแคลนครูในบางพื้นที่  ครูขาดการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและขาดความเอาใจใส่
ประเด็นที่สาม การกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาจากส่วนกลางสู่เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา  ยังไม่มีอิสระและความคล่องตัวในการบริหารจัดการ  การถ่ายโอนสถานศึกษาไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีเพียง  381 แห่ง  และการศึกษาเอกชนไม่ขยายตัวเท่าที่ควร
ประเด็นที่สี่  การผลิตและพัฒนากำลังคน   ผู้สำเร็จอาชีวศึกษากว่าร้อยละ 70 ศึกษาต่อระดับปริญญา  ตรี ทำให้ขาดแคลนกำลังคนระดับกลาง  ผู้สำเร็จขาดคุณลักษณะด้านความรู้และทักษะที่จำเป็น  การผลิตกำลังคนด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์เกินความต้องการ   
ทั้ง นี้   สาระสำคัญของข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง  ได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่า "คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ" โดยกำหนดเป้าหมาย  ภายในปี 2561 มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
กรอบแนวทางการปฏิรูปการศึกษา  กำหนดไว้ว่า จะพัฒนาคุณภาพคนไทยยุคใหม่  ที่มีนิสัยใฝ่เรียนรู้  สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต มีความสามารถในการสื่อสาร  สามารถคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา  คิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจิตสาธารณะ มีระเบียบวินัย คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้อย่างเป็นกัลยาณมิตร มีศีลธรรม  คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม  มีจิตสำนึกและความภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  รังเกียจการทุจริตและต่อต้านการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง

view