จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
โดย จรัญ ยั่งยืน
แม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบคำนี้นัก แต่มันกลับมีเรื่องราวให้ชวนคิดแบบนี้อยู่เรื่อยในสังคมของเรา
เรื่อง หนึ่งที่ยังค้างคาใจอยู่ทุกวันนี้ คือการมาของห้างต่างชาติที่ดาหน้าเข้าปักหลักทุกหย่อมหญ้า สวนทางกับการล้มหายตายจากของร้านโชห่วยที่เหลือพื้นที่คับแคบจนหาที่ยืนไม่ ได้
ทุกวันนี้ห้างค้าปลีกใหญ่ของต่างชาติขนเงินกลับบ้านไปเป็นกอบเป็นกำ แต่โชห่วยที่เหลืออยู่ตามซอกเล็กซอกน้อยก็อยู่ด้วยลมหายใจรวยริน
เพราะว่ากฎหมายของรัฐกว่าจะออกมาบังคับได้ใช้ก็เรียกว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ตามไม่เคยทันการบุกไปข้างของธุรกิจต่างชาติ
ขณะเดียวกัน เราก็ไม่เคยมีวีรบุรุษที่จะอาสามาเป็นหัวขบวนจัดการให้ร้านโชห่วยเป็นเครือข่ายที่ทันสมัยอยู่คู่กับคนไทยตลอดไป
ตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวพูดกันว่า มีเศรษฐีชาวอาหรับเข้ามากว้านซื้อที่นาของคนไทย ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
นั่น เท่ากับว่าพวกเขาเห็นขุมทองของข้าวไทยที่ออกรวงเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตาจึง คิดเข้ามาครอบครองเพื่อหาผลประโยชน์ แล้วทำไมเราจึงไม่มีองค์กรที่มาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม โดยที่มองเห็นอนาคตกันยาวๆ
การทุ่มทุนเข้ามายึดครองที่นาของต่างชาติ นั้นย่อมไตร่ตรองแล้วว่า ต่อไปข้าวน่าจะสร้างผลประโยชน์อย่างมหาศาลแก่เขาในอนาคต เพราะการเพิ่มขึ้นของคนสวนทางกับการลดลงของพื้นดินสำหรับการเพาะปลูก อาหารที่จะป้อนปากพลเมืองโลกนับวันแต่จะน้อยลง
ใครยึดครองขุมอาหารย่อมได้เปรียบ ?
ถ้ารัฐบาลเราจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราน่าจะหมดยุคชาวนาไทย กระดูกสันหลังของชาติที่มีหนี้สินพะรุงพะรัง อดมื้อกินมื้อ
แล้วเดินหน้าเข้าสู่ยุคชาวนาไทยที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เจือจานครอบครัวอย่างอยู่ดีมีสุข
ผม เคยคุยกับคนอีสานพลัดถิ่นหลายคน เขาบอกว่าเขาอยากจะไปทำนาอยู่กับบ้าน แต่ปัญหามันอยู่ที่ข้าวราคาไม่สม่ำเสมอ รายได้ไม่พอกิน ระบบชลประทานไปไม่ทั่วถึง ไม่สามารถทำนาได้ตลอดปี และการแปรรูปเพิ่มมูลค่าข้าวก็ยังไม่เข้มแข็งจริงจัง
ผมอยากเห็นวีรบุรุษชาวนาขึ้นมาสักคน ไปที่ไหนก็มีอนุสาวรีย์ไว้ให้ผู้คนยกย่องเทิดทูนในความสามารถ
เพราะ ผมรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งที่เห็นชาวนาไทยในสายเลือดต้องจากลูกเมีย พ่อแม่ มาเข็นรถขายผลไม้ ขับแท็กซี่ มาเป็นคนรับใช้ มาเป็นกรรมกรก่อสร้าง
ทำไมไม่มีใครคิดทำให้พวกเขายิ่งใหญ่สมค่าผู้ผลิตข้าวส่งออกปีละ 8-9 ล้านตัน
ส่วนเรื่องการเมืองนั้นในแบบที่เล่นกันอยู่ในยุคปัจจุบัน ผมได้มองข้ามไปนานแล้ว
ผม ไม่เคยเชื่อเรื่องนักการเมืองที่ชอบอ้างว่ามีหัวใจประชาธิปไตย แต่ไม่เคยเคารพสิทธิเสรีภาพของคนอื่น คอยแต่คิดว่าเป็นพวกมัน ไม่ใช่พวกกู ถ้ากูเห็นหน้ามันที่ไหน กูต้องล้อมด่า กูต้องขับไล่
คนแบบนี้จะมาเป็นผู้นำในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร
เพราะแค่เคารพสิทธิเสรีภาพของคนอื่นเขายังไม่ทำ แล้วจะให้เชื่อว่าพวกเขามีความเชื่อในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร
น่า จะเป็นพวกนักโกหกทั้งหลายที่เมื่อเขาโกหกตัวเองสำเร็จ เขาก็สั่งสมประสบการณ์เพื่อโกหกคนอื่นอย่างแยบยลขึ้นเรื่อยๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเป็นหลัก
ในเรื่องระบอบ ประชาธิปไตย ผมไม่เคยหวังว่าจะมีผู้นำ หรือมีฮีโร่ที่ไหนมาชูธงนำ เพราะหากว่าหัวใจของคนส่วนใหญ่เป็นประชาธิปไตยโดยเข้าใจกันอย่างถูกต้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีใครมาชี้นำ
ในบางครั้งผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็กมาก แต่ตัวนักการเมืองไม่คิดจะข้ามให้พ้นกัน
ผม อยากได้ฮีโร่ชาวนามายกระดับชาวนาให้เป็นชนชั้นกลางมีรายได้ทัดเทียมกับคน เมือง และทำให้ชาวนาไทยชูธงเป็นชาวนาอันดับหนึ่งของโลกอยู่ตลอดไป
ใครคิดว่ามีดีพอก็ควรอาสานะครับ
เพราะถ้าท่านทำได้ ข้ออ้างเรื่องความเหลื่อมล้ำก็ไม่สามารถสำรอกจากปากนักการเมืองได้อีก
จะช่วยผลักดันให้การเมืองในบ้านเราพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง
ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คิดได้เมื่อสายไปเหมือนหลายเรื่องหลายราวที่ผ่านมา