สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ดื่มด่ำริมลำคลอง ที่ บ้านศิลปิน คลองบางหลวง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง




บรรยากาศสองฝั่งริมคลองบางหลวง

       กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฉันเคยพาเดินซอกแซกเที่ยวย่านคลองบางหลวงกันมาหนหนึ่ง ในครั้งนั้นไปเดินชมบรรยากาศเก่าๆแถบสะพานเจริญพาศน์ ชมความเป็น "ย่านขุนนาง" หรือละแวกบ้านของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในแผ่นดินเมื่ออดีต
       
       สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับชื่อคลองบางหลวง ฉันก็ขอเกริ่นให้ฟังกันสักหน่อยว่า "คลองบางกอกใหญ่" หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "คลองบางหลวง" นั้น เดิมเคยเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมมาก่อน แต่เป็นแม่น้ำช่วงที่โค้งอ้อมกินบริเวณกว้างตั้งแต่บริเวณโรงพยาบาลศิริราช ปัจจุบัน โค้งจนมาถึงบริเวณวัดโมลีโลกยาราม หรือบริเวณป้อมวิไชยประสิทธิ์ในปัจจุบัน ดังนั้นเวลาแล่นเรือผ่านมาจึงทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปมาก สมเด็จพระชัยราชาธิราช พระมหากษัตริย์ในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาจึงโปรดเกล้าฯให้มีการขุดคลองลัดขึ้น ในปี พ.ศ.2065 เพื่อย่นระยะทางและระยะเวลาสำหรับบรรดาพ่อค้าต่างชาติที่จะมาค้าขายเจริญ สัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอยุธยา

"บ้านศิลปิน คลองบางหลวง" มองเห็นเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งอยู่กลางบ้าน

       เมื่อมีการขุดคลองแล้ว คลองที่ขุดก็กลับมีขนาดใหญ่โตขึ้นเพราะกระแสน้ำสามารถไหลมาตามเส้นทางตรงกัด เซาะชายฝั่งให้กว้างขึ้น แต่แม่น้ำสายดั้งเดิมกลับเล็กลงๆ กลายเป็นคลองสายหนึ่ง ปากคลองทางฝั่งโรงพยาบาลศิริราชเรียกกันว่า "คลองบางกอกน้อย" ส่วนปากคลองอีกด้านหนึ่งทางป้อมวิไชยประสิทธิ์เราเรียกกันว่า "คลองบางกอกใหญ่" นั่นเอง
       
       ส่วนเหตุที่เรียกคลองบางกอกใหญ่ว่าคลองบางหลวงก็เพราะว่า เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมาสร้างราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรีนั้น ก็มีข้าราชการขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านมาจับจองสร้างบ้านกันอยู่ริม คลองบางกอกใหญ่ เพราะเป็นบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวังกรุงธนบุรี ชาวบ้านจึงเรียกคลองแถบนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "คลองบางข้าหลวง" และเหลือเพียง "คลองบางหลวง" กันจนปัจจุบัน

เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองสมัยอยุธยา

       คลองบางหลวงที่ฉันจะพามาชมกันวันนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่แตกต่างไปจาก ครั้งก่อน โดยบริเวณนี้ถือเป็นจุดศูนย์กลางของชุมชนในอดีต ตั้งแต่สมัยยังไม่ได้ขุดคลองลัดบางกอกโน่น นั่นก็คือคลองบางหลวงในช่วงแถบวัดคูหาสวรรค์ ในบริเวณนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง “บ้านศิลปิน คลองบางหลวง” บ้านไม้เก่าสองชั้นทรงมะนิลาของตระกูล "รักสำหรวจ"
       
       ฉันได้คุยกับคุณชุมพล อักพันธานนท์ ศิลปินผู้หลงเสน่ห์ของบ้านไม้ริมคลองและวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนในแถบนี้ จนรวบรวมทุนกับเพื่อนรุ่นพี่มาซื้อและซ่อมบ้านหลังใหญ่ หมดเงินไปก็หลาย หมดแรงไปก็มาก เพียงอยากให้คนได้มาสัมผัสกับบรรยากาศและสิ่งที่เขาเห็นว่ามีคุณค่าในชุมชน แถบนี้

ที่มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มีการต่อเติมมาเรื่อยๆ ตามยุคสมัย ปัจจุบันเพิ่งเปิดให้เข้าชมในรูปแบบของแกลเลอรี่เล็กๆ ขายของที่ระลึก และเป็นมุมสงบริมสายน้ำของคลองบางหลวงให้ผู้ที่ผ่านมาได้แวะพักกายและใจกัน ที่นี่

มุมขายของที่ระลึก โปสการ์ดสวยๆ

       "เมื่อผมมาทำบ้านหลังนี้ก็ได้เห็นเสน่ห์ของความเรียบง่าย ของวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนในแถบนี้ที่ไม่ได้ทิ้งถิ่นฐานไปไหน ไม่มีคนนอกเข้ามาอยู่มากมาย แต่พวกเราเป็นคนแปลกใหม่ที่เข้ามาอยู่ในชุมชนก็พยายามจะไม่ทำอะไรที่ขัดกับ วิถีของเขา แต่จะพยายามทำอะไรให้กับชุมชนโดยกลมกลืน ไม่ขัด และเกิดประโยชน์" ชุมพล กล่าว
       
       ในช่วงแรกที่เริ่มเข้ามาในชุมชน ชุมพลและเพื่อนๆ ก็เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนด้วยการสอนศิลปะให้เด็กๆ ในละแวกนี้ จนทำให้เกิดความคุ้นเคยกันไปในแต่ละบ้าน และยังแสดงให้คนในชุมชนเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เข้ามาเปิดบ้านเปิดร้านแสวงหาผล กำไรกันอย่างเดียว แต่มีความต้องการอยู่ร่วมกับชุมชนอยู่ได้อย่างไม่ขัดหูขัดตากับสิ่งที่เขา เป็น ซึ่งก็น่าดีใจว่าเมื่อเริ่มมาปรับปรุงสร้างบ้านศิลปิน คนบ้านใกล้เรือนเคียงก็เริ่มปรับปรุงหน้าบ้านของตัวเองให้ดูดี ทำทางเดินหน้าบ้านใหม่ให้ดูเรียบร้อยสวยงาม ซึ่งชุมพลกล่าวว่า ดีใจกว่าที่ทำบ้านศิลปินเสร็จอีก เพราะแสดงว่าชุมชนร่วมมือกันและเห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำ

แกลเลอรี่เล็กๆบนชั้นสอง

       ฉันได้มาเยือนบ้านศิลปิน ที่คลองบางหลวงในช่วงสายๆ ของวันหยุดวันหนึ่ง จึงได้เห็นบรรยากาศสบายๆของคนแถวๆนั้น ที่ออกมานั่งพูดคุยกันอยู่ที่ริมคลองหน้าบ้าน บ้างก็กำลังเตรียมจัดโต๊ะกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา บ้างก็พูดคุยกันไป มือก็สาละวนอยู่กับงานตรงหน้า ส่วนเด็กๆลงไปจับกลุ่มเล่นน้ำกันในลำคลองส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก
       
       เมื่อมาถึงบ้านศิลปิน ฉันก็เดิมชมสิ่งต่างๆภายในบ้าน ผังของบ้านมีลักษณะเป็นรูปตัวยู (U) ตรงกลางตัวยูมีสิ่งแปลกสะดุดตาที่ไม่คิดว่าจะเจออยู่ในบริเวณบ้าน นั่นก็คือเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสององค์ไม่เล็กเลยที่ตั้งอยู่กลางบ้าน สอบถามมาได้ความว่า เจดีย์นี้เป็นเจดีย์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นส่วนหนึ่งของวัดกำแพง หรือวัดบางจาก วัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านศิลปินฯ เพียงแค่ข้ามสะพานปูนเล็กๆไป เพราะพื้นที่บริเวณนี้ก็เป็นของวัดเสียส่วนใหญ่ เจดีย์องค์นี้จึงมาตั้งอยู่กลางละแวกบ้าน โดยที่ไม่มีใครคิดรื้อทำลายไปแต่อย่างใด

จิบกาแฟไปพร้อมกับชมบรรยากาศริมคลอง

       ยกมือไหว้องค์เจดีย์กันเสียก่อนจะเดินสำรวจกันต่อ ที่ชั้นล่างของบ้านมีมุมจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณอย่างเครื่องเล่นแผ่น เสียง รวมไปถึงหม้อไหต่างๆ อีกมุมหนึ่งทำเป็นร้านกาแฟเครื่องดื่มเล็กๆ และมุมขายของที่ระลึก จำหน่ายโปสการ์ดสวยๆ ราคาถูกฝีมือของคุณชุมพลเองให้คนที่มาชมได้เขียนความประทับใจส่งไปถึงคนที่ ไม่ได้มาด้วย รวมไปถึงยังมีผ้าฝ้ายผ้าพันคอเป็นของฝากติดไม้ติดมือเล็กๆน้อยสำหรับชาวต่าง ชาติที่แวะขึ้นจากเรือหางยาวมาเที่ยวชมอีกด้วย
       
       อีกมุมหนึ่งของบ้าน จัดทำเป็นโต๊ะเก้าอี้สำหรับทำเครื่องประดับอย่างพวกเครื่องเงิน หรือจิเวลรี่ โดยมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปากรมาเป็นผู้สอน พอให้ได้บรรยากาศของความเป็นบ้านช่างทองเมื่อในอดีต ใครที่สนใจขอเชิญมาเรียนได้ทุกวันอาทิตย์ คิดค่าเล่าเรียนชั่วโมงละ 200 บาทเท่านั้น

แหล่งพักผ่อนในกรุงเทพฯอีกแห่งหนึ่ง

       และหากขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ก็จะได้ชมแกลอรี่เล็กๆ จัดแสดงภาพของศิลปินที่เป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาฝากขาย ใครใคร่ซื้อก็ซื้อได้ หรือถ้าไม่ใคร่ก็เดินชมกันไปได้เพลินๆ ส่วนมากจะเป็นภาพบรรยากาศริมน้ำในสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงภาพบรรยากาศของคลองบางหลวงแห่งนี้ด้วย
       
       แต่ฉันว่า แค่ได้มาชมภาพวิถีชีวิตริมคลองที่ดูสะอาดสะอ้าน บ้านแต่ละหลังไม่ปล่อยให้ทรุดโทรม ได้นั่งกินกาแฟหอมๆ หรือใครไม่กินกาแฟก็สั่งนมเย็นสั่งโกโก้ นั่งจิบเครื่องดื่มไปริมน้ำ เรือก๋วยเตี๋ยวหรือผัดไทแล่นผ่านมาก็โบกเรียกแก้หิว หรือหากเรือหางยาวพาฝรั่งผ่านมาเที่ยวก็ยิ้มแย้มโบกมือบ๋ายบายให้พวกเขาบ้าง แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

นั่งเล่นสบายๆที่หน้าบ้าน

       และถ้าใครอยากจะได้บรรยากาศแบบไทยๆ ฟังดนตรีไทยในอากาศเย็นๆ ก็ให้มาในวันลอยกระทง เพราะในวันนั้นจะมีวงดนตรีไทยของเด็กๆ มาเล่นกันที่หน้าบ้าน และในช่วงค่ำกระทงจากคลองแถบนี้จะไหลมาตามน้ำมารวมกันที่หน้าบ้านศิลปิน เสียงเทียนส่องวิบๆวับๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามสายน้ำ คงเป็นภาพที่สวยงามไม่น้อยเลย
       
       อ้อ...แล้วขากลับก็อย่าเพิ่งผ่านเลย "วัดคูหาสวรรค์" ไปเสียเฉยๆ แวะเข้าไปไหว้พระกันเสียก่อน เพราะวัดนี้เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี วัดนี้เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี แต่เดิมมีชื่อว่า "วัดศาลาสี่หน้า" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ได้มาทรงบูรณปฏิสังขรณ์ และได้เปลี่ยนชื่อวัดมาเป็นวัดคูหาสวรรค์

พระประธานในพระอุโบสถวัดคูหาสวรรค์

       ในครั้งนั้นรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิราบ พระประธานในพระอุโบสถวัดคูหาสวรรค์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามเป็น อย่างยิ่ง มาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพน และทรงขนานพระนามว่า "พระพุทธเทวปฏิมากร" และทรงพระกรุณาโปรดให้สร้างพระประธานขึ้นใหม่สำหรับประดิษฐานเป็นพระประธาน แทนพระพุทธเทวปฏิมากร รวมทั้งยังได้ทรงสถาปนาพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญและเสนาสนะต่างๆในวัดขึ้นอีกเป็นอันมาก
       
       



       
       "บ้านศิลปิน คลองบางหลวง" ตั้งอยู่ริมคลองบางหลวง การเดินทาง หากขับรถส่วนตัวมา ให้ขับเข้ามาทางซอยเพชรเกษม 28 จนสุดซอยเพื่อมายังวัดคูหาสวรรค์ สามารถจอดรถได้บริเวณลานจอดรถของวัด และเดินมาตามทางเดินริมคลองทางขวามืออีกประมาณ 150 เมตร ก็จะเจอ "บ้านศิลปินฯ" หรือหากมาด้วยรถประจำทาง ให้มาลงรถที่ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาจนสุดซอย จากนั้นเดินข้ามสะพานข้ามคลองบางหลวง แล้วเลี้ยวซ้ายมาตามทางเดินริมน้ำ ก็จะเจอ "บ้านศิลปินฯ" เช่นกัน

view