จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ CSR Talk
โดย ดร.อัศวิน จินตกานนท์ ที่ปรึกษาอาวุโสกลุ่มบริษัททีม และมูลนิธิอนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย
ประเทศที่พัฒนาทางเศรษฐกิจทำกิจกรรม CSR ในประเทศกำลังพัฒนา
องค์กร และบริษัทเอกชนจากประเทศที่พัฒนาทางเศรษฐกิจหันมาทำ CSR ในประเทศกำลังพัฒนาที่เขามีสาขาหรือดำเนิน ธุรกิจอยู่ ทั้งนี้เพื่อมนุษยธรรมและการสร้างภาพลักษณ์ หลาย ๆ องค์กรหันมาช่วยเหลือด้านสุขอนามัย เช่น การป้องกันและบรรเทาโรค HIV/AIDS อหิวาตกโรค วัณโรค และมาลาเรียในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากแมลงและสัตว์ที่เป็นพาหะต่าง ๆ เช่น ยุงจะทำให้ไข้เลือดออกแพร่กระจายมากขึ้น และเชื้อไข้หวัดนก สามารถกระจายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา หมู่บ้านที่ด้อยโอกาสในประเทศที่สาม เช่น ด้านการศึกษา การมีไฟฟ้าใช้ในชนบท การมีน้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย ด้านสุขภาพมารดาและเด็กแรกเกิด บริการ ด้านการเงินให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ (ธนาคารหมู่บ้าน และ micro finance) บริการ ด้านบ้านพักอาศัยสำหรับผู้ไร้ที่อยู่ (ในสหรัฐอเมริกาและในประเทศที่สาม) ให้ความช่วยด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
ในด้านการศึกษาในประเทศของ เขาและในประเทศที่สาม มีกิจกรรมมากพอสมควร เช่น การศึกษาเด็กเล็กและชั้นประถม (early learning) การศึกษาขั้นมัธยมศึกษา (high school) การให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และหนังสือสำหรับห้องสมุด การให้ทุนการศึกษา และนอกจากนี้ยังมีการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น ผู้ประสบภัยธรรมชาติ (Tsunami)
มูลนิธิ Bill and Melinda Gates ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ใหญ่และมีเงินช่วยเหลือมาก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพิจารณาการให้ทุนของเขา
และเพื่อบริษัทที่กำลังคิดที่จะให้ทุนเพื่อนำไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอาจจะลองนำไปพิจารณาดู
การเลือกสรรกิจกรรมที่จะทำ CSR ควรคำนึงถึงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1.กิจกรรมอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนด้อยโอกาสมากที่สุด
2.กิจกรรมอะไรถูกละเลยและถูกลืมมากที่สุด
3.ความช่วยเหลืออะไรที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อชุมชนมากที่สุด
4.เราจะหานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสมได้จากไหนและอย่างไร
5. เราจะทำงานร่วมกันเป็นทีมกับ ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือธุรกิจอื่นได้หรือไม่และอย่างไร (เพื่อความยั่งยืนของกิจกรรม)
เมื่อได้คำตอบแล้วมูลนิธิ Bill and Melinda Gates จะพยายามหาโครงการที่เหมาะสมโดยพิจารณาดังนี้
1.เป็นโครงการที่สามารถวัดผลได้
2.เป็นโครงการที่ป้องกันปัญหามากกว่าแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว
3.เป็นโครงการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีและยั่งยืน
4.เป็นโครงการที่สามารถหาองค์กร ร่วมบริจาคเงินหรือ partner (ผู้ร่วม ช่วยเหลือ) ที่จะร่วมต่อเติมให้โครงการ สำเร็จได้
5.เป็นโครงการที่ส่งเสริมงานที่มูลนิธิสนับสนุน
กิจกรรม CSR ในประเทศ
สมาชิกสมาคมอาเซียน
ก่อน ที่จะคุยกันเรื่องกิจกรรม CSR ในประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียน เราควรจะต้องเข้าใจลักษณะของแต่ละประเทศเสียก่อน เพราะแต่ละประเทศมีความคล้ายคลึงและแตกต่างกันพอสมควร ทั้งในแง่ของความเจริญทางเศรษฐกิจ ความร่ำรวยของประเทศและประชาชน การกระจายรายได้ของประเทศ ศาสนาประจำชาติ ระบอบการปกครอง และระดับการศึกษาของประชากร
สมาคมอาเซียนมีสมาชิกทั้งสิ้น 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม มีประชากรทั้งสิ้น 560 ล้านคน และมีรายได้ประชาชาติรวมทั้งสิ้น 1,100 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำการค้าขายระหว่างกันปีละประมาณ 1,400 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีพลังการซื้อและการทำ การค้าระหว่างกันที่สำคัญกลุ่มหนึ่ง
สมาชิกสมาคมอาเซียน มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน เช่น ประเทศที่ใหญ่ที่สุด (ระหว่างอินโดนีเซียและสิงคโปร์) ใหญ่กว่าประเทศที่เล็กที่สุดถึง 2,700 เท่า ในแง่ของประชากรประเทศที่ใหญ่ที่สุด (อินโดนีเซีย) มีประชากรมากกว่าประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุด (บรูไนดารุสซาลาม) 580 เท่า และในแง่ของความร่ำรวย ประเทศที่ร่ำรวยที่สุด (ในแง่ของรายได้ประชาชาติ/ ประชากร สิงคโปร์กับพม่า) ร่ำรวยกว่าประเทศที่ยากจนที่สุดถึง 142 เท่า ระดับการพัฒนาของ CSR และความต้องการของชุมชนในแต่ละประเทศก็ต่างกัน รายได้ประชาชาติ/ประชากรในอาเซียนนำโดยสิงคโปร์ ตามด้วยมาเลเซียและไทย
ปัจจุบัน ระดับการพัฒนาของ CSR ในแต่ละประเทศต่างกันมาก เนื่องจากการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ต่างกัน วัฒนธรรมที่ต่างกัน ศาสนา ระบบการศึกษา และระบอบการปกครองที่ต่างกัน เช่น ภาคธุรกิจเอกชนในประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม และพม่า ถูกควบคุมโดยกลไกของรัฐ
ภาคธุรกิจของประเทศดังกล่าวยังเล็กและยัง ไม่สามารถให้การสนับสนุนกิจกรรม CSR ได้ดีนัก ส่วนในเรื่องความเข้าใจในกิจกรรม CSR ก็ยังไม่ดีพอ
(ติดตามอ่านรายละเอียดการทำงาน CSR ของประเทศอาเซียนต่อได้ในฉบับ วันจันทร์ 26-28 ตุลาคม 2552)
อ้างอิง
1.Bill and Melinda Gates Foundation
2.Global Warming and the Spread of Disease.
3.www.nrdc.org/globalwarming/ fcons.asp.