จากประชาชาติธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอในโลกธุรกิจ และล่าสุดเกิดกับ "บิสซิเนส วีก" นิตยสารชื่อดัง ที่อยู่ในอาณาจักรสื่อมาตั้งแต่ ปี 2472
หลัง จากประกาศขายกิจการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เพราะเศรษฐกิจถดถอยและการแข่งขันจากอินเทอร์เน็ตทำให้ ยอดโฆษณาของบิสซิเนส วีก และคู่แข่งรายอื่นๆ น้อยลง ทั้งนี้คนวงในคาดว่าบลูมเบิร์ก แอลพี จะต้องควักเงินราว 2-5 ล้านดอลลาร์ ซื้อกิจการนี้จากแมคกรอว์-ฮิลล์
ปี เตอร์ เกรเออร์ ประธานกรรมการของบลูมเบิร์ก ชี้ว่า การซื้อกิจการนิตยสารและเว็บไซต์ของบิสซิเนส วีก จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจออนไลน์ โทรทัศน์ และโทรศัพท์มือถือของบริษัท และคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
ด้าน เดเนียล ดอคโทรอฟฟ์ ประธานของบลูมเบิร์ก ระบุว่า บริษัทซื้อแบรนด์ ที่น่าเคารพ และจะปรับให้เป็นนิตยสาร ข่าวธุรกิจรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในโลก
ทั้งนี้ บิสซิเนส วีก เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจสื่อและข้อมูลของแมคกรอว์ฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เล็กที่สุด รองจากบริการการเงินและการศึกษา โดยแมคกรอว์ฯ ชี้แจงว่า การขายกิจการนี้จะช่วยบริษัทสามารถ หันไปเน้นสร้างแบรนด์อื่นๆ ของบริษัทได้
ปัจจุบัน บิสซิเนส วีก มีผู้อ่านราว 4.7 ล้านคนต่อสัปดาห์จาก 140 ประเทศทั่วโลก สำนักงานข้อมูลผู้พิมพ์ (PIB) ระบุว่า นิตยสารนี้มียอดขายโฆษณาไตรมาส 2 ลดลง 30% เหลือ 43.9 ล้านดอลลาร์ เทียบกับยอดโฆษณาเฉลี่ยในธุรกิจที่ลดลง 22%
ขณะที่หน้าโฆษณาเฉลี่ย ของนิตยสารทั้งธุรกิจลดลง 30% ในช่วงไตรมาส 2 โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกัน และการเงิน ซื้อหน้าโฆษณาน้อยลง 51% ขณะที่หน้าโฆษณายานยนต์ลดลง 49% โดยบิสซิเนส วีก มีหน้าโฆษณาลดลง 34% ในช่วงรอบ 3 เดือนนับถึงเดือนมิถุนายน ส่วนคู่แข่งอย่างฟอร์จูนมียอดหน้าโฆษณาลดลง 45% ฟอร์บสลดลง 40%
สำหรับการซื้อขายกิจการครั้งนี้ นิวยอร์ก ไทม์ส ได้ตีพิมพ์ความคิดเห็นของไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนิวยอร์กว่า เขาคิดว่าการซื้อกิจการบิสซิเนส วีก ของบลูมเบิร์ก เป็นการดำเนินการที่ดี และ เขาไม่เคยเชื่อว่าธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ตายแล้ว และเชื่อเสมอว่าในปัจจุบันสื่อสิ่งพิมพ์มีปัญหา 2 ประการ คือประการแรก การขาดโฆษณา ซึ่งบางส่วนจะกลับมาในอนาคต และปัญหาประการหลัง คือไม่มีใครซื้อหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร ก็เพราะสื่อมวลชนไม่เขียนในสิ่งที่คนต้องการอ่าน
นอกจากนี้ ในช่วงไล่เลี่ยกัน ซีเอ็นเอ็นระบุว่า กลุ่มคอนเดเนสท์ ได้ตัดสินใจปิดตัว กูร์เมต์ นิตยสารอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ ที่เริ่มวางแผงตั้งแต่ปี 2484 พร้อมนิตยสารอีก 3 เล่ม คือ คุกกี้ นิตยสารคู่ใจพ่อแม่ เอลีแกนต์ ไบรด์ และโมเดิร์น ไบรด์ นิตยสารคู่มือเจ้าสาว
ขณะที่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม รีดเดอร์ส ไดเจสต์ ได้ยื่นขอความคุ้มครองจากศาล ล้มละลายสหรัฐ เพราะหนี้ท่วมหลังรายได้โฆษณาและยอดขายลดลง และเมื่อวันที่ 22 กันยายน ดาวโจนส์ แอนด์ โค. เจ้าของนิตยสารข่าวฟาร์อีสเทิร์น อีโคโนมิก รีวิวประกาศยุติการตีพิมพ์นิตยสารฟาร์อีสเทิร์น ที่อยู่ในวงการมานานถึง 63 ปีในเดือน ธันวาคมปีนี้ เพราะรายได้จากการโฆษณาและจำนวนผู้อ่านลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อัล ดิกุยโด ซีอีโอของเซต้า อินเตอร์แอ็กทีฟ บริษัทที่ปรึกษาการตลาดดิจิทัลในนิวยอร์ก ให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ troymedia.com ว่า ผู้บริโภคยุคใหม่หันไปเสพข่าวสารทางสื่อออนไลน์มากขึ้น และ นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2551-กุมภาพันธ์ ปีนี้ มีนิตยสารปิดตัวไปแล้วกว่า 600 หัว ขณะที่ยอดพิมพ์ของหนังสือพิมพ์เฉลี่ยลดลงกว่า 7% และภายในปีนี้ คาดว่า ยอดนิตยสารดิจิทัลจะพุ่งถึง 8,000 หัว พร้อมยอดสมาชิกกว่า 31,500,000 คน
