จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
คลัง ติวเข้มกว่าหนึ่งร้อยหน่วยงานใช้เงินแผนลงทุนไทยเข้มแข็ง เน้นเปิดประมูลอย่างโปร่งใสและรายงานข้อมูลอย่างครบถ้วน หวั่นปัญหาทุจริต
นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังได้ เชิญหน่วยงานที่อยู่ภายใต้แผนการลงทุนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน กว่า 100 หน่วยงานเข้าร่วมประชุม เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานและการดำเนินงาน รวมถึงแนวทางการรายงานผลการเบิกจ่ายเงินและการดำเนินโครงการ รวมทั้งหารือถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการ โดยมีหน่วยงานที่ทำหน้าในการกำกับดูแลเข้าร่วมชี้แจงถึงแนวทางการดำเนิน งานอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ได้ย้ำถึงการดำเนินงานที่คุ้มค่าและโปร่งใส และต้องสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงมากเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชันและการทุจริตในการ ดำเนินโครงการ และได้แจ้งว่าสำนักงบประมาณจะพิจารณารายการประกอบการขออนุมัติจัดสรรเงิน อย่างละเอียดและขอให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันตรวจสอบมูลค่างาน กำกับ ติดตามการดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันการกระทำอันเป็นทุจริต ซึ่งโครงการลงทุนไทยเข้มแข็งจะต้องสามารถแสดงข้อมูลให้ประชาชนสามารถเข้า ตรวจสอบได้
สำนักงบสั่งทบทวนราคากลาง "อย่าเก่าเกินไป"
“สำนักงบประมาณยังขอให้แต่ละหน่วยงานกลับไป พิจารณาราคากลางของโครงการลงทุนว่า ไม่เป็นราคาที่เก่าเกินไป เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการประมูลงาน ส่วนการกรอกข้อมูลโครงการลงทุนต่างๆ นั้น ที่ผ่านมามีการกรอกข้อมูลที่ผิดพลาดบ้าง ก็ขอให้แต่ละหน่วยงานดำเนินการให้ถูกต้อง” เขากล่าว
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ติดตามการดำเนินโครงการโดยตรง ก็อยู่ระหว่างการประเมินผลโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใน SP1 ซึ่งมีวงเงินกว่า 9 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็จะมีการประเมินโครงการลงทุน SP2 ด้วย โดยแจ้งว่า จะมีการประเมินใน 3 ระดับ ทั้งระดับภาพรวมต่อเศรษฐกิจ ระดับสาขาการลงทุน และ ระดับโครงการลงทุนว่ามีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจรวมถึงรายได้ของประเทศอย่างไร
ด้านสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง และ ศูนย์เทคโนโลยี ได้ร่วมกันชี้แจงถึงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินจากคลัง การจัดหาพัสดุด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้ง รายงานผลการเบิกจ่ายและความก้าวหน้าของโครงการด้วยระบบ PFMS-SP2 ซึ่งจะดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้น ประชาชนก็จะเข้าดูข้อมูลได้อย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อประเมินและติดตามผลการลงทุน
ชี้ระบบตรวจสอบได้ผลเมื่อหน่วยงานร่วมมือ
นอกจากนี้ เขากล่าวว่า ในการหารือกับธนาคารโลกเพื่อติดตามความก้าวหน้าจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งธนาคารโลกให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการให้คำปรึกษาเรื่องการกำกับ ติดตามโครงการลงทุนไทยเข้มแข็ง โดยธนาคารโลกได้กล่าวชื่นชมระบบสารสนเทศที่ใช้ในการกำกับติดตามความก้าวหน้า โครงการ PFMS-SP2 ว่า มีศักยภาพในการจัดสรรข้อมูลและสามารถเผยแพร่ผลการติดตามแก่สาธารณชนได้อย่าง โปร่งใส อย่างไรก็ดี ระบบจะสมบูรณ์ได้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของหน่วยงานเจ้าของโครงการในการจัด ส่งข้อมูลที่มีคุณภาพครบถ้วนและตรงต่อเวลาด้วย
ในแง่แผนการชำระหนี้เงินกู้ที่กู้มาใช้ใน โครงการลงทุนไทยเข้มแข็งนั้น เขาเชื่อว่า รัฐบาลจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ สะท้อนจาก แนวโน้มรายได้ของรัฐบาลที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในปีงบประมาณ 2553 นี้
