จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :ว.วชิรเมธี: |
โปร่งใสก็คือ สุจริตปราศจากคอร์รัปชัน ในประเทศไทยมีคนรวยจำนวนมาก นิตยสาร Forbes จัดอันดับทุกปี 500 คนรวยทั่วโลก คนไทยติดอันดับทุกปี ปีละสิบกว่าคน
แต่ มีคนรวยไม่กี่คนในประเทศไทยที่มีเงินแล้วสามารถเดินเหินในสังคมอย่างสง่า ผ่าเผย เหตุผลก็เพราะคนเหล่านั้นมีแต่เงิน ทว่าขาดบารมี บารมีที่ว่าก็ไม่ได้เกิดมาจากเงิน แต่เกิดจากการมีชีวิตที่สะอาดสะอ้าน อาตมภาพได้อ่านชีวประวัติของยอดคนไทยคนหนึ่ง คนคนนี้มีชีวิตที่ขาวสะอาดมาก ท่านคืออดีตประธานองคมนตรี ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ |
กล่าวคือ ท่านเป็นตุลาการหัวหน้าคณะที่ต้องพิจารณาคดีใหญ่คดีหนึ่ง ระดับลูกท่านหลานเธอ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่ เราต้องไม่ลืมว่า ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นั้นเป็นตุลาการคนแรกของประเทศไทย ที่พิพากษาตัดสินคดีรัฐมนตรีทุจริตแล้วนำรัฐมนตรีขังคุกจนตาย รัฐมนตรีท่านนี้เป็นใครลองไปค้นหาดู ก่อนที่ท่านจะทำเช่นนั้นได้ ท่านมีประวัติอันโชกโชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน ในวันที่ท่านจะตัดสินคดีใหญ่ของลูกท่านหลานเธอคนนั้น จำเลยพยายามติดต่อพบท่านทุกวิถีทาง ไปขอพบท่านที่ทำงานท่านบอกว่า ขอโทษนะครับ ผมทำงานในพระปรมาภิไธยของในหลวง ไม่ขอรับแขก ซึ่งผมมีสิทธิให้คุณให้โทษได้ในที่ทำงาน คนที่มาพบก็บอกว่า ท่านครับ ผมขอเลี้ยงข้าวท่านข้างนอกสักมื้อได้ไหมครับ อาจารย์สัญญาบอก ขอโทษนะครับ ภรรยาของผมทำข้าวกล่องให้มารับประทานในที่ทำงานแล้ว ตกลงล็อบบี้ท่านทางไหนก็ไม่ได้
จนถึงวันหนึ่งก่อนการตัดสินจะเริ่มขึ้น มีผู้หญิงคนหนึ่งขับรถไปจอดหน้าบ้านพักของท่าน พอเดินเข้ามาอาจารย์สัญญารู้เลยว่าจำเลยมาหา เป็นผู้ทรงอิทธิพลเสียด้วย อาจารย์สัญญาออกจากบ้านพักมายืนรออยู่ที่กลางสนามหญ้า คิดดูก็แล้วกัน ท่านป้องกันตัวเองขนาดไหน ถ้ารับแขกในบ้าน ความยุติธรรมท่านจะถูกตั้งข้อสงสัย ท่านออกมายืนอยู่กลางสนามหญ้า จำเลยคนนั้นมาถึงก็ควักเงินออกมาฟ่อนหนึ่ง ใส่มือให้อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ แล้วพูดว่า ท่านคะ เงินนี้ให้ท่าน ชื่นชมในความสุจริตของท่าน ไม่ใช่สินบนนะคะ เพราะไม่ได้ขอให้ท่านทำอะไรให้เลย ไม่ใช่รางวัลด้วยเพราะท่านยังไม่ได้ทำอะไรให้ แค่ชื่นชมเฉยๆ ทันทีที่เงินถึงมืออาจารย์สัญญา อาจารย์สัญญาโยนเงินก้อนนั้นลงกลางสนามหญ้า ใครคนหนึ่งมากระซิบอาจารย์สัญญาว่า คุณทำไมไม่เก็บเงินเหล่านี้ไว้ล่ะ เพราะคุณไม่ยอมรับเงินน่ะสิ ถึงลำบากยากจนอยู่ทุกวันนี้
ประโยคนี้ทำให้อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลูกชายของท่านนายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ เขียนไว้ในไดอะรีว่านั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมเห็นพ่อโกรธมากที่ สุดในชีวิต ใครจะดูถูกพ่อในประเด็นไหนก็ได้ ดูถูกว่าจนก็ได้ ดูถูกว่าล้าหลังก็ได้ ดูถูกว่าเชยก็ได้ ดูถูกว่าโง่ก็ได้ แต่อย่ามาดูถูกพ่อของท่านว่าเป็นคนขี้โกง นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ บอกว่า วันนั้นเป็นวันที่พ่อโกรธที่สุดในชีวิตที่มีคนมาหยามเกียรติภูมิถึงในบ้าน ท่านโยนเงินก้อนนั้นทิ้งลงบนสนามหญ้าแล้วเดินกลับเข้าบ้าน
ต่อมาเรื่องนี้ก็ทราบถึงพระเนตรพระกรรณ และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สามัญชนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตราชการ ทุกๆ ทาง อยู่ในสายตุลาการเป็นถึงประธานศาลฎีกา อยู่ในสายวิชาการเป็นถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ในสายการเมืองเป็นถึงนายกรัฐมนตรีพระราชทานสองสมัย ออกจากวงการการเมืองถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประธานองคมนตรี ทันทีที่ถึงแก่อสัญกรรมคนไทยสร้างอนุสาวรีย์ให้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนเล็กๆ คนหนึ่งเป็นสามัญชนกลายเป็นยอดคนของสยามประเทศได้เพราะอะไร เพราะมีโอกาสโกงแต่ไม่ทำ ชีวิตนี้ขอมีชีวิตที่สะอาดสะอ้าน
ความโปร่งใสเช่นที่อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประพฤติปฏิบัติ คือสิ่งที่สังคมไทยกำลังขาดอยู่ในเวลานี้ ในอนาคตทุกท่านทุกคนจะต้องออกไปเป็นองคาพยพส่วนหนึ่งของสังคมไทย อย่าลืมว่าเมื่อท่านหาเงินหาทองหาเกียรติภูมิชื่อเสียง สร้างเนื้อสร้างตัวมีครอบครัวที่มั่นคงแล้ว อย่าลืมหาชีวิตที่โปร่งใสเอาไว้ให้ตัวเองด้วย