โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ในส่วนของ "โอกาส" ของประเทศไทยนั้นยังมีอยู่แน่นอน แล้วแต่ใครจะมองเห็นหรือไม่
ผม อยู่ในวงการธนาคารมานานหลายสิบปี ได้เห็นความขึ้นลงของวงการธุรกิจทั้งใหญ่น้อย และของประเทศมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สุดของวงการค้าและธุรกิจ ก็คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์มันมีขึ้นและก็มีลง ถ้าลงแล้วเดี๋ยวก็ขึ้น วัฏจักรแห่งชีวิตเศรษฐกิจมันเป็นอย่างนั้น ตอนเศรษฐกิจตกต่ำทุกคนลำบากยิ้มไม่ออก ดูอะไรก็ให้มืดไปรอบด้าน คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าจะทำให้ดีได้อย่างไร แต่อีกไม่นานหลังจากนั้น คนที่คิดว่ากำลังจะล้มละลาย ก็กลับกลายเป็นเศรษฐีได้อีกครั้ง
เรื่องนี้สำคัญมากผมอยากจะบอกให้ทุกๆ คนได้สังวรได้เสมอว่า "อย่าสิ้นความหวังเลย พรุ่งนี้พออาทิตย์ขึ้น วันใหม่ก็จะมาถึง ความมืดมิดของค่ำคืนก็จะหายไป" ขอให้ตั้งอยู่ในความหวังตลอดเวลา ว่าโอกาสภายหน้ายังมีอีกแยะ เมื่อถึงยามลำบากก็ต้องอดทนลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุด อย่าเพิ่งไปทวนกระแสให้มากนักในช่วงนี้ ขอให้ประคองตัวให้อยู่รอดไปก่อนจะดีที่สุด
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็ค่อยๆ หาทางแก้ไขให้ดีที่สุด ถ้าอะไรที่พอจะขายออกไปได้ ก็ต้องยอมเพื่อความอยู่รอด ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ศึกษาเฝ้าดูสถานการณ์โดยรอบ เปิดหูเปิดตารับข่าวสารต่างๆ ให้มากที่สุด และคิดอยู่เสมอว่าถ้าสถานการณ์กระเตื้องดีขึ้นอีกครั้งเราจะต้องทำอะไรบ้าง กับธุรกิจและชีวิตของเรา พูดตรงๆ ก็คือ เราต้องมีแผนทั้งรับและแผนรุก ตามแต่สถานการณ์จะอำนวย
ตัวอย่างเช่น ต่อไปการส่งออกไปประเทศคู่ค้าทางตะวันตกก็จะไม่ฟู่ฟ่าขยายตัวรวดเร็วอย่าง แต่ก่อนอีกแล้ว ดังนั้น จึงต้องหาช่องทางค้าขายกับตลาดอื่น อาทิเช่น ในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้เชื่อว่าประเทศจีน อินเดีย และประเทศในภาคพื้นเอเชียจะเจริญเติบโตได้ดีกว่า ฉะนั้นหนทางการค้าขายกับประเทศในแถบนี้ จึงต้องคิดหาทางเอาไว้แต่เนิ่นๆ
อย่างธนาคารกรุงเทพก็เช่นกัน เวลานี้เราเน้นประเทศจีนเป็นหลัก นั่นคือ วิสัยทัศน์ของเรา เราได้เปิดสาขาธนาคารไปแล้วมากมายหลายแห่ง และก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจต่อไปอีก เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่มาก มีประชาชนและกำลังซื้อมหาศาล และที่สำคัญ คือ เป็นประเทศพัฒนาใหม่ เหมือนชายหนุ่มอายุเพิ่งย่างเข้ายี่สิบกำลังวังชานับวันจะมีมากขึ้นทุกขณะ อนาคตมีไกลแน่อย่างนี้ เป็นต้น
ในแต่ละสาขาวิชาชีพต่างก็มีอุปสรรคและโอกาสไม่เหมือนกัน ผมไม่สามารถรอบรู้ได้ทุกอย่าง แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ทุกคนมีโอกาสไปถึงอนาคตได้ทั้งนั้น ถ้าพยายามดูพยายามสังเกตและพยายามศึกษาให้ดี โอกาสในการฟื้นตัวและขยายธุรกิจจะง่ายขึ้น การไปถึงอนาคตก็จะราบรื่น ถ้าภาคเอกชนทำได้ดีประเทศชาติโดยรวมก็จะดีงามไปด้วยเป็นธรรมดา
สำหรับความหวังของประเทศไทยในอนาคตนั้น แม้ว่าขณะนี้ สถานการณ์ด้านการเมืองดูสับสนวุ่นวายอย่างมากเหลือเกิน มองไม่ออกว่าจะยุติลงเมื่อไรหรืออย่างใด แต่ก็หวังไว้เสมอว่าจะต้องหาวิธีการแก้ไขได้เช่นกัน ในด้านเศรษฐกิจนั้นประเทศไทยประสบปัญหา 2 เรื่องพร้อมๆ กัน คือ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และปัญหาขาดเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลพยายามทำอยู่ ก็ดูจะถูกต้องสมควรทีเดียว
โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดย การเร่งลงทุนในด้านสาธารณูปโภค และปัจจัยขั้นพื้นฐาน อาทิเช่น ในด้านการศึกษา โทรคมนาคม และเกษตรกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นในการช่วยพยุงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ให้ตกต่ำ ลงตามสภาวะของโลก ทุกประเทศเขาก็กำลังทำกันอยู่ ปัจจัยเรื่องเงินทุนเป็นปัญหารองเพราะไม่มีเงินก็ต้องไปกู้เขามาก่อน และผ่อนใช้ไปเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งก็ไม่น่าจะกินเวลานานนัก
(ฉบับวันจันทร์ติดตามข้อเสนอทิศทางในอนาคตของชาติ)