จาก โพสต์ทูเดย์
รายงานโดย :เรื่อง / ภาพ สุธน สุขพิศิษฐ์: |
ความคิดถึงมักจะคู่กับความเสียดาย ถ้าสิ่งที่คิดถึงมันหมดไปก็พอ ช่างมัน แต่ถ้าคิดถึงเรื่องของกินนี่จะติดใจติดปากไม่ค่อยลืม
ซึ่ง ผมว่าของกินที่เคยติดปากนั้นอาจจะไม่ใช่รสชาติของตัวมันเองอย่างเดียว อาจจะมีเรื่องของบรรยากาศ ร้านที่ขาย คนขาย หรืออาจจะรวมทั้งคนกินด้วย ถึงร้านนั้นจะย้ายไปที่ใหม่ มีคนรุ่นใหม่ขาย อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องคิดถึงที่เก่าในบรรยากาศเดิมๆ อยู่ดี
วันนี้จะย้อนรอยของกินที่ศาลาแดงครับ ย่านที่ค่อนข้างจะคุ้นเคย เพราะทำงานอยู่ที่ตึกอื้อจือเหลียงอยู่หลายปี กลางวันก็เดินมากินถึงศาลาแดง เลิกงานแล้วยังมากินอีก บางวันก็กินแบบรากงอก แล้วอาจจะมีแถมเสาร์ อาทิตย์ อีกต่างหาก ไปร้านที่ตอนกลางวันคนแน่นก็ไปวันหยุดแทน หรือไปซื้อของเข้าบ้าน เรียกว่าวนเวียนอยู่แถวศาลาแดงนานเหมือนกัน
สมัยก่อนคนก็ขวักไขว่ไม่แพ้สมัยนี้ เพียงแต่ว่าร้อนและสว่างกว่า เพราะไม่มีร่มเงาของทางรถไฟฟ้าเหมือนสมัยนี้ อีกอย่างหนึ่งเวลาข้ามถนนในตอนกลางคืนต้องรีบเดิน เพราะไม่อย่างนั้นจะโดนนกนางแอ่นที่มาเกาะสายไฟกลางถนนขี้รดหัว ก็แปลกดีที่ที่อื่นๆ เขาสร้างตึกไม่มีหน้าต่างให้นกนางแอ่นอยู่ ให้อยู่มืดๆ เพื่อจะเอารัง แต่ไม่รู้ว่าทำไมนกนางแอ่นถึงมาชอบแสงสีเสียงที่ศาลาแดง อาจจะเบื่อที่มืดๆ จำเจเหมือนคน ต้องมาหาที่สนุกๆ บ้าง
ของกินมื้อกลางวัน พวกก๋วยเตี๋ยวหรือพวกอาหารตามสั่งไม่มากเหมือนสมัยนี้ ที่ผมประทับใจ มีร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าหนึ่งอยู่เยื้องๆ กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แถวร้านขายยา อร่อยมาก ทั้งๆ ที่น้ำซุปนั้นใสๆ ซึ่งอาจจะมาจากซี่โครงไก่ที่เลาะเนื้อสับใส่ชามก๋วยเตี๋ยวแล้วก็เอาซี่โครง ไก่ใส่ในหม้อน้ำซุป ยิ่งขายไก่วันหนึ่งหลายๆ สิบตัวก็หมายความว่ามีซี่โครงเยอะด้วย ก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ยิ่งต้มยำ ใส่ถั่วลิสงตำ พริก มะนาว อร่อยเตลิดเปิดเปิง อย่างแห้งก็อร่อย เขาจะชโลมน้ำมันกับเส้นก๋วยเตี๋ยวจนโชก แล้วใส่เครื่องถั่ว พริก มะนาวครบ ก็อร่อยครบเครื่อง ไม่น่าเชื่อว่าเลิกขายไปดื้อๆ ตอนนี้ไปเจอก๋วยเตี๋ยวไก่ที่ไหนก็ว่าสู้เจ้านี้ไม่ได้
มาตรงแถวหัวถนนศาลาแดง ฝั่งขวาหรือฝั่งถนนธนิยะ มีร้านทิพรส เป็นร้านใหญ่โล่งๆ มีรายการอาหารหลายอย่าง ทำนองอาหารตามสั่ง แต่ที่ทุกคนต้องสั่งเป็นอาหารนำร่องคือ เปาะเปี๊ยะทอด ผมจำไม่ได้แล้วว่าทำไมถึงอร่อย แต่ทุกคนต้องกิน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ร้านนี้ก็หายไปแล้วเหมือนกัน
เดินเลยมาจนถึงศาลาแดงซอย 4 ที่เยื้องๆ กับถนนคอนแวนต์ ปากซอยมีร้านเป็ดย่างชื่อจารุวรรณ บอกตรงๆ ว่า เฉยๆ เพราะผมมีร้านเป็ดย่างที่อื่นเป็นร้านที่ชอบกว่าอยู่แล้ว ของดีต้องเดินเข้าไปในซอยสักห้องเดียว ชื่อร้านเลิศรส ร้านนี้ยังขายอยู่ครับ ของอร่อยของร้านคือข้าวไก่อบ เป็นเนื้อไก่ชิ้นอยู่ในน้ำซอสมีถั่วฝักยาวเป็นท่อนๆ มาด้วย จะราดไก่นี้มาบนข้าว ซึ่งข้าวไก่อบสไตล์นี้ก็ไม่เคยเห็นที่อื่น เมื่อกินข้าวแล้วต้องตามด้วยของหวานเป็นคัสตาร์ด ของร้านนี้อร่อยมาก มีกลิ่นไหม้น้ำตาลนิดๆ เรียกว่าต้องกิน ร้านนี้ยังขายอยู่จนทุกวันนี้ ขายทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น กลางวันคนจะแน่นหน่อย
ฝั่งตรงข้ามหรือใกล้ๆ หัวถนนคอนแวนต์มีร้านเก่าแก่ร้านหนึ่ง ใหญ่หลายห้อง ชื่อภัตตาคารคาร์ลตัน ขายอาหารฝรั่งแบบจีนไหหลำ พวกสลัดเนื้อสัน สตูลิ้น สันในหมูชุบแป้งทอดราดด้วยน้ำซอสเม็ดถั่วลันเตา ร้านนี้เก่าแก่คู่กับศาลาแดงเลย พนักงานเสิร์ฟรุ่นเก่าที่เป็นอาแป๊ะใส่เสื้อขาวแบบราชปะแตน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายคน ใครดูว่าเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟ แต่หารู้ไม่ว่านั่นแหละผู้ก่อตั้งของร้าน ทุกคนเป็นหุ้นส่วนทั้งสิ้น พอกลางคืนจะมีดนตรี เป็นเพลงยุค 60 นักร้องร้องเพลงของเอลวิส เพลสลีย์ เนล ชิเดกา คลิฟ ริชาร์ด นักร้องผู้หญิงก็ร้องเพลงของ ซู ทอมซัน แบรนดา ลี ใครอยากฟังเพลงยุคนั้น เพลงไหน วงเขาเล่นได้หมดครับ ร้านนี้เพิ่งเลิกไป เห็นว่าหมดสัญญาเช่าตึก ก็น่าเสียดาย
มาทางถนนพัฒนพงษ์บ้าง ก่อนจะถึงถนนพัฒนพงษ์มีซอยเล็กๆ ที่ขายกระเป๋าเดินทาง แล้วจะเจอกับฟู้ดแลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นซูเปอร์สโตร์รุ่นแรกเลย ที่อื่นๆ ที่ดังๆ ในสมัยนี้ยังไม่ถือกำเนิดเลย สมัยก่อนจะซื้ออาหารกระป๋องของนอก ไวน์ แม้กระทั่งสบู่ แชมพู ของนอกต้องมาที่ฟู้ดแลนด์นี้ ร้านก็เล็กมาก แถมจอดรถหน้าร้านได้ไม่กี่คัน และติดกันกับฟู้ดแลนด์นี้มีร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ ฮอตด็อก นี่ก็เป็นแห่งแรกอีกเหมือนกัน มีมาก่อนแมคโดนัลด์นานนับสิบปี เวลาจะไปไหนไกลๆ จะเอาของกินพอแก้หิวก็มาซื้อที่นี่ หรือกลับบ้านดึกไม่ต้องไปแวะหาข้าวต้มรอบดึกกิน ก็มาซื้อแฮมเบอร์เกอร์หรือฮอตด็อกที่นี่ ร้านนี้ไม่อยู่แล้วครับ
ในซอยเล็กๆ ข้างร้านแฮมเบอร์เกอร์มีตึกหนึ่งที่ชั้น 3 เป็นร้านอาหารอิตาเลียนชื่อ บ็อบบี้ อาร์ม ร้านนี้สมัยแรกเริ่มทีเดียวมีวงดนตรี นักดนตรีอิตาเลียนชื่อวง ฟรังโก้ ทอมเบ็ตต้า นี่ก็เป็นร้านอาหารอิตาเลียนรุ่นบุกเบิกของเมืองไทยอีกเช่นกัน แต่ตอนนี้หายไปแล้วหรือยังไม่รู้ ส่วนวงดนตรีอิตาเลียนนั้นเป็นตำนานของเมืองไทยไปแล้ว
มีแปลกอย่างหนึ่งที่ถนนพัฒนพงษ์นั้นเต็มไปด้วยบาร์อะโกโก้ แต่มีร้านทิพท๊อพ ซึ่งขายของกินอยู่ร้านหนึ่ง ของกินอย่างอื่นผมจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ที่ทุกคนต้องมากินคือ ขนมครก ขนมครกที่อื่นนั้นกินตอนเช้า แต่ที่นี่จะกินตอนดึก แถวนั้นปิดตี 2 ก็ยังมีคนมากินขนมครก ไม่รู้ว่าใส่ยานอนหลับหรือไง เพื่อที่กลับบ้านจะได้หลับสบาย
ผมชอบเดินถนนพัฒนพงษ์เหมือนกัน แต่จะไม่เข้าบาร์อะโกโก้ ไม่จำเป็นต้องเข้าก็รู้ก็เห็น เพราะที่ทำงานผมมีคอลัมนิสต์ฝรั่งคนหนึ่งชื่อเบอร์นาร์ด ทริงค์ แกจะเขียนเรื่องบาร์อะโกโก้โดยเฉพาะ มีชื่อคอลัมน์ว่า ไนท์อาวท์ และมีช่างภาพคู่หู ซึ่งไปถ่ายดาราเต้นอะโกโก้มาและพรินต์รูปมาให้เจ้าของคอลัมน์เลือก แล้วโต๊ะคอลัมนิสต์คนนั้นกับโต๊ะผมก็อยู่ติดกัน จึงเห็นรูปที่เขาถ่ายมา ถ่ายเอาชัดอย่างเดียว ยิ่งชัดเท่าไหร่ก็ยิ่งทุเรศ ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปดูของจริง
ที่ชอบไปถนนพัฒนพงษ์ก็ไปกินร้านมิซซู เป็นร้านอาหารของคนญี่ปุ่น ร้านนี้ยังอยู่ครับ มีทั้งอาหารญี่ปุ่นและสเต๊ก อาหารญี่ปุ่นที่อร่อยก็มีสุกี้แห้งแบบญี่ปุ่น และโคโรเกะ เป็นมันฝรั่งผสมแฮมชุบแป้งทอด สเต๊กก็มีสาริกาสเต๊ก ทีโบนสเต๊ก และพ็อกช็อป
ร้านนี้เก่าแก่นานมากกว่า 35 ปี ตัวเจ้าของที่เป็นคนญี่ปุ่นไม่เคยแก่เลย เมื่อ 35 ปีก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น ร้านนี้เด็ดอย่างตรงรักษาบุคลิกของร้านคงเส้นคงวาไม่เคยเปลี่ยนแม้กระทั่ง ผ้าม่าน เคยเอามือไปโดนเหนียวหนึบเลย ไปร้านนี้ทีไรเหมือนกับมาย้อนอดีต แต่อร่อยครับ เป็นของดีที่ยังเหลือแห่งเดียวในถนนพัฒนพงษ์
นี่ก็เป็นการย้อนรอยของกินที่ศาลาแดงครับ หมดไปก็มี ยังอยู่เหมือนเดิมก็มี ว่างๆ น่าไปครับ