สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

องคมนตรีเชื่อไตร่ตรองพระราชดำรัสให้ดีเพื่อผ่านพ้นให้ได้

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



"สุรยุทธ์"เผย อาการประชวร"ในหลวง"ดีขึ้น ย้ำทรงยึดรัฐธรรมนูญเคร่งครัด สื่อควรเสนอข่าวจริง "ทักษิณ"โจมตีเพราะเข้าใจผิด องคมนตรีแทรกแซงศาลไม่ได

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2552 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ องคมนตรี เดินทางมายังหมู่บ้านน้ำจวง ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ พิษณุโลก เพื่อติดตามปัญหาที่ทำกินของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เยี่ยมชมชุมชนวิสาหกิจบ้านน้ำจวง พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

พร้อมกับพักค้างคืนยังสถานที่ดังกล่าว ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงานวันปีใหม่ม้ง และชมการแสดงของชาวม้งจัดเตรียมเพื่อรองรับคณะ ทั้งนี้ พล.อ.สุรุยทธ์ ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยด้วย กับชาวม้งได้สอบถามว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้พวกม้งควรจะวางตัวอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่าเราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งพ่อหลวงท่านพูดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา พวกเราทุกคนลองคิดดูว่ามีหน้าที่อะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราให้เต็มกำลัง ท่านไม่ได้บอกว่าให้เราทำอะไร แต่เราต้องกลับมาคิดว่าเราจะต้องอะไรให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว หรือทำมาหากิน

"ทุกคนมีข้อบกพร่องกันทุกคน แม้แต่ผมเองก็มีเหมือนกัน เราต้องกลับมาย้อนมองตัวเองว่ามีข้อบกพร้องตรงไหน ก็แก้ไข นั่นคือสิ่งที่พ่อหลวงบอก ซึ่งผมเองก็ต้องทำเหมือนกันพวกเรา ในฐานะมีหน้าที่จะต้องทำด้วย ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม"

จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนสายทหารถึงกระแสข่าวลือทางที่ไม่ดีต่อพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ช่วงที่ผ่านมา ว่าเป็นเรื่องที่เรามีหน้าที่จะต้องช่วยเสนอสิ่งที่มีเหตุมีผล และความจริงให้ปรากฎ สื่อจะต้องค้นหาความจริงให้กับประชาชนได้รับทราบ ส่วนพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นไม่ทราบว่าประชาชนพอใจหรือ ยัง แต่อย่างน้อยพระองค์ท่านก็ยังทรงงานได้ ถึงแม้จะยังมีพระอาการยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ทรงงานได้ ส่วนจะเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชได้เมื่อไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับแพทย์รักษาพระองค์ท่าน ซึ่งทางแพทย์ก็ดูแลพระองค์ท่านยังใกล้ชิด และเต็มที่

เมื่อถามว่า ทำไมช่วงที่ผ่านมามีข่าวลือเกี่ยวกับพระองค์ท่านตลอด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าสื่อจะต้องค้นหาความจริงที่จะทำให้ประชาชนได้รับทราบว่าอะไรเป็น ข่าวที่มีเหตุมีผล แต่บางครั้งอาจจะยังไม่สามารถที่จะหาความจริงได้ แต่ก็คงจะต้องคิดวิเคราะห์ และประเมินได้ว่าอะไรน่าจะเป็นส่วนที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ทั้งนี้คิดว่าสื่อมีข้อมูลมากกว่าประชาชน ดังนั้นจะต้องทำความชัดเจนให้เกิดขึ้นมาที่สุด

ส่วนคำถามว่า หลายฝ่ายต่างก็อ้างทำเพื่อสถาบัน แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่า "ไม่รู้" แล้วกล่าวต่อว่า ถ้าทุกคนตั้งใจทำก็จะต้องช่วยกันทำให้เป็นไปตามกระแสพระราชดำรัสให้บ้าน เมืองสงบ ถ้าคนตั้งใจทำก็ต้องเป็นแบบนั้น ไม่ควรจะทำให้เกิดความยุ่งยาก

เมื่อถามว่า เป็นห่วงในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมาหรือไม่ว่า ทำไมสถาบันกษัตริย์ถึงถูกโจมตีอย่างหนัก คำตอบคือ เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก แต่ก็เป็นหน้าที่สื่อทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมา เรื่องอะไรไม่บังควรจะนำมาเป็นข่าว หรือไม่ควรจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ ตนคิดว่าคนไทยที่มีความเคารพในสถาบันก็น่าจะรู้ตัวควรจะปฏิบัติอย่างไร นั่นเป็นส่วนที่เห็นว่ามีเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลังๆ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งนี้เห็นว่าเป็นคนส่วนน้อย แต่ก็เป็นสื่อที่สามารถเข้าไปดูได้ ถ้าใครสนใจอยากเข้าไปดูก็เข้าไปดู เป็นเรื่องค่อนข้างลำบากที่จะสกัดกั้น แต่ถ้าเป็นสื่อสามารถแสดงถึงการควรไม่ควรก็น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ได้มาก

ต่อคำถามกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์พาดพิงสถาบันกษัตริย์ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เราไม่ได้เข้าไปดำเนินการอะไร แต่เป็นหน้าที่ของใคร คนนั้นก็จะต้องเอาไปคิดและหาวิธีจะต้องดำเนินการ ไม่ได้เป็นหน้าที่ของทางองคมนตรีจะต้องเข้าไปดำเนินการ

"พันตำรวจโททักษิณปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ สัมภาษณ์ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร สื่อต้องไปค้นหาความจริง ช่วยให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมากที่สุด ข้อมูลที่บิดเบือน หรือคลาดเคลื่อนออกมาแล้วครึ่ง แต่ครั้งต่อไปก็ควรจะต้องแก้ไขให้เกิดความชัดเจน นี่จะเป็นส่วนที่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ไม่อย่างนั้นจะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนตลอดเวลา"

ส่วนลักษณะการเคลื่อนไหวของพ .ต.ท.ทักษิณเป็นเช่นไนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ได้ติดตามอยู่ ก็เหมือนกับคนไทยทั่วไปที่ติดตามไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ต่อเมื่อถามถึงความแตกแยกของคนไทยจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่ทราบว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นอย่างไร ถ้าเป็นอย่างที่พูดกันมาโดยตลอดว่ามีความรับผิดชอบรู้หน้าที่ของเรา และพยายามทำให้ดีที่สุด ก็น่าจะเป็นประโยชน์ได้ตามกระแสพระราชดำรัส คือทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ถ้าคนส่วนใหญ่ได้คิดตามกระแสพระราชดำรัสตนก็คิดว่าน่าจะผ่านพ้นห้วงเวลาช่วง เวลานี้ไปได้

เมื่อถามต่อว่า ทำไมถึงเอาชนะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้สักที หรือเพราะอยู่ที่จิตสำนึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ เองหากต้องการจะหยุดการเคลื่อนไหว พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะเป็นเรื่องของความคิด เป็นเรื่องของความเชื่อของคนที่ได้มีโอกาสที่เกี่ยวข้อง จะไปห้ามไม่ให้คนคิดก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจะทำอย่างไรเสนอเหตุผลแนวทางที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนมากที่สุด ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ทุกคนจะได้คิดกันได้ถ้าหากว่าเรามีแต่เสนอในเรื่องของความขัดแย้ง มองดูแล้วบ้านเมืองก็มีแต่ความแตกแยก ผู้คนก็มีแต่ความหดหู่ มันก็คงไม่ใช่สิ่งที่ดี ทำอย่างไรที่เราจะมองและหาโอกาสแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์

เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้ขอให้องคมนตรีช่วยทำหน้าที่อย่างไรบ้าง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนก็มีหน้าที่อยู่แล้ว ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้มากที่สุด เมื่อถามว่า ในอนาคตประเทศไทยจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็อยู่ที่พวกเรา ไม่ได้อยู่ที่ใครอื่น ถ้าพวกเราร่วมมือกันก็จะมีความสามัคคีและมีความสงบเกิดขึ้น แต่ถ้าพวกเราไม่ร่วมมือกันก้ไม่มีโอกาส ทำอย่างไรที่จะทำให้พวกเราร่วมมือกันก็อยู่ที่การสร้างความคิดเสนอแนวทางที่ น่าจะเป็นประโยชน์ให้พวกเราได้ช่วยกันคิด ก็จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบและก้าวหน้าไปได้เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน อื่นๆ

คนส่วนใหญ่ยังเห็นสถาบันกษัตริย์ยังสำคัญต่อบ้านเมือง

เมื่อถามว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ จะแก้ไขปัญหาลำบากหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าไปในรายละเอียด ได้แต่ติดตามข่าวที่ปรากฎออกมา ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นหรือไม่อย่างไร คงเป็นเรื่องรัฐบาลจะติดตาม ตนเองไม่ได้มีข้อมูลที่ลึกซึ้งอะไร แต่ก็น่าจะหาทางแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลของประเทศเพื่อน บ้านได้ ในส่วนของประชาชนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ประชานที่อยู่ตามแนวชายแดนก็มีความกังวลแม้ว่ายังไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมา แต่เขาก็กังวลว่าการค้าขาย การไปมาหาสู่จะทำได้นานแค่ไหน

เมื่อถามว่า สถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านจะดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า โอกาสที่จะดีก็คงมี แต่อยู่ที่พวกเราจะช่วยทำให้ดีขึ้นหรือไม่ ส่วนหนทางที่จะหยุด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่นั้น ระบุว่าไม่ทราบเหมือนกัน แต่ต้องช่วยกันคิด ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างลำบาก แต่คงไม่พ้นการคิดพิจารณาของคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าเราไม่เห็นด้วย ไม่รับฟังกับวิธีการที่เสนอออกมา เราก็คงไม่จำเป็นต้องไม่ทำอะไร เพียงแค่ไม่เห็นด้วยไม่ปฎิบัติตามที่เราไม่เห็นว่าสมควรที่จะทำแค่นั้นก็ เป็นประโยชน์อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายห่วงเรื่องการจาบจ้วงสถาบันควรจะมีแนวทางแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการแสดงออกออกของคนไทยส่วนใหญ่แสดงออกว่า พวกเรายังคงรักและมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ก็เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยที่จะเอาไปพูดกันหรือวิพากวิจารณ์ก็คงไม่มีผล กระทบ เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ยังเห็นว่าสถาบันมีความสำคัญต่อชาติบ้านเมืองของเราอยู่

เมื่อถามว่า เปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อนที่ยืนยันว่าสถาบัน เป็นสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง แต่ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้เกิดขึ้น แต่การเคลื่อนไหวยังมีอยู่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยยังวนเวียนใน วัฎจักรเดิมโดยมีการใช้มวลชนอยู่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง ก็ต้องหาผู้ที่เห็นด้วยหาผู้ที่สนับสนุน แต่ถ้าเราไม่เห็นด้วยไม่สนับสนุน ในที่สุดความเห็นที่แตกต่างจะค่อยๆลดลงไป

เมื่อถามว่าสงครามประชาชนมักจะเกิดใน ทุกยุคทุกสมัยพล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเกิดสิ่งที่เกิดขึ้นที่เรียกว่าความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นมาตลอด เราในฐานะที่เป็นคนไทยคงต้อช่วยกันทำห้เกิดความเป็นธรรมขึ้นมา ไม่ว่าจะพบที่ไหนก็ตาม ตนคิดว่าทุกคนจะเข้าใจ เพราะมันคงไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นสมบูรณ์ 100% ก็ต้องมีข้อบกพร่องมีปัญหาใหม่ๆเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นถึงจะเป็นผัญหาใหญ่ก็จะเป็นปัญหาเล็ก อยู่ที่ความร่วมมือของเราเอง

เมื่อถามว่าในช่วงต้นมกราคมปีหน้าจะมี การตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นชนวนทำให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบ เพราะว่าไม่ได้ติดตาม และไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาคดีไปถึงไหนอย่างไร แต่กระบวนการยุติธรรมตนคิดว่าเราทำมาอย่างดีที่สุดให้ความเป็นธรรม ให้การพิจารณาในแง่กฎหมายและข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่สมควรที่จะยอมรับกันได้ ไม่ใช่ว่าเราดำเนินการโดยไม่มีข้อเท็จจริงหรือกฎหมายรองรับ

เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มักอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็มาสู้กันในชั้นศาล เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้มาต่อสู้ชั้นศาล แต่เมื่อมาต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม เมื่อมาถึงขั้นสุดท้ายก็ต้องยอมรับ เมื่อถามว่าจะต้องมีการเจรจากันก่อนหรือไม่ระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ และทางรัฐบาลที่จะเปิดโอกาสให้เข้ามา พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ว่าจะเป็นอย่างไรแต่กระบวนการยุติธรรมกับรัฐบาลมันควรจะแยกกัน มันไม่ควรจะเกี่ยวข้องกัน กระบวนการยุติธรรมก็พิจารณาไปตามหลักฐาน มีข้อกฎหมายรองรับ

ยืนยันองคมนตรีสั่งศาลไม่ได้-ไม่รู้ใครจะเป็นองค์คณะ

เมื่อถามว่าควรจะต้องมีการเจรจากับพ .ต.ท.ทักษิณก่อนหรือไม่จะเอาอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะพิจารณา เมื่อถามว่าสมัยที่ท่านเป็นรัฐบาลมีความพยายามจะจับคู่ขัดแย้งมาคุยกัน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า มันไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่าในช่วงที่ตนทำหน้าที่ยังไม่มีความชัดเจนในด้านต่างๆ ช่วงนั้นก็เป็นเวลาแค่สั้นๆ

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่า ฝ่ายตรงข้ามคือสถาบันองคมนตรีและพล.อ.เปรม และมีการวิจารณ์ว่าเข้าไปแทรกแซงขบวนการยุติธรรม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านั้น หน้าที่ขององคมนตรีคือการถวายคำปรึกษาให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนเรื่องอื่นๆเป็นของหน่วยงานอื่นก็ทำกันต่อไป หน้าที่ที่ชัดเจนก็มีอยู่แค่นั้น ซึ่งการถวายคำปรึกษาในเรื่องต่างๆเราก็ต้องมีข้อมูล บางครั้งก็ต้องหาข้อมูล

เมื่อถามว่า องคมนตรีสามารถสั่งศาลได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า จะไปสั่งได้อย่างไร เรายังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นองค์คณะผู้พิพากษาบ้าง จะไปสั่งได้อย่างไรมันสั่งไม่ได้ เพราะเขาก็มีวิธีการขั้นตอนต่างๆ แม้กระทั้งในศาลเองก็ไม่รู้ว่าใครจะขึ้นเป็นคณะผู้พิพากษา ที่รู้กระบวนการขององคมนตรี ทำให้เรารู้วิธีการที่ทำให้เกิดความยุติธรรม เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงจากทางด้านอื่น โดยเฉพาะศาล เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบอ้างว่า คตส.ที่เสนอข้อมูลเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมมาจากฝ่ายตรงข้ามและมาจากการแต่ง ตั้งของ คมช.พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต่อสู้กันได้ในชั้นศาล มีข้อมูลอะไรที่มาหักล้างก็มาหักล้างกันได้ในชั้นศาล ศาลเปิดโอกาสให้อยู่แล้ว ซึ่งเขาสามารถกลับมาใช้ขบวนการนี้ได้ ถ้าศาลวิเคราะห์ได้ว่าข้อมูลใดน่าเชื่อถือมากกว่า ก็จะเป็นไปตามนั้น ไม่ใช่ศาลจะฟังข้อมูลฝ่ายเดียว

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มักจะโจมตีองคมนตรี โดยเฉพาะตัวท่านเองว่าอยู่เบื้องหลังการปฎิวัติ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ถือสาอะไร เพราะว่าความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยงข้อง ถือว่าสิ่งที่พูดไปก็เป็นที่ผู้พูดเข้าใจผิด ได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและมองบุคคลอื่นในแง่ร้าย ตนไม่เคยมองคนอื่นในแง่ร้าย ตนไม่ไม่เคยใช้วิธีการนอกกฎหมาย ตนได้เคยพูดกับบรรดาผู้ที่เคยเข้ามาพบตนตอลดเวลาว่า ตนไม่อยากเห็นคนไทยจับอาวุธมาเข่นฆ่ากันเอง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยในภาคใต้ หรือคนไทยในภาคไหนก็ตาม อยากให้มาหาวิธีแก้ไขปัญหาและช่วยกัน นั้นคือสิ่งที่ตนอยากเห็นมากกว่า

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ฟัง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าท่านฟังใคร เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่องคมนตรีถูกเรียกว่าอำมาตย์ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่จะเรียกอย่างไร หน้าที่ขององคมนตรีก็มีแค่นั้น ทำตามหน้าที่ที่เขียนไว้ว่าเป็นผู้ที่ถวายคำปรึกษาและข้อคิดเห็นแก่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อถามว่า การจาบจ้วงองคมนตรีถือเป็นการก้าวล้วงไปถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือ ไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า องคมนตรีคงไม่ได้คิดอะไร ก็อยู่ที่ท่านทั้งหลายจะคิดกันว่าอะไร ตนคิดว่าคงไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นผลกระทบอะไรมากมายนะ แต่คนบางส่วนอาจจะคิดว่ามีผลกระทบ แต่ตนไม่ได้คิดว่ามีผลกระทบ

เมื่อถามว่า พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงที่องคมนตรีถูกจาบจ้วงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองเลย จะไม่มีพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็เป็นเรื่องที่พวกเราต้องหาทางแก้ไข ท่านทรงยึดมั่นอยู่ในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า บางท่านก็ฟ้อง อย่างประธานองคมนตรีก็มีการฟ้องบ้าง แต่ส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เป็นความจริง ฟ้องไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ซึ่ง พล.อ.เปรม ก็ฟ้องบางส่วนที่เคยขึ้นเวทีปลุกระดมในที่สาธารณะชน สำหรับในส่วนของตนก็คงไม่ฟ้องในเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการ ปฎิวัติ เพราะความจริงพิสูจน์ได้ด้วยการทำหน้าที่และการปฎิบัติ ซึ่งทุกคนก็จะรู้เองว่าตนเป็นคนอย่างไร

ถ้า"ทักษิณ"ต่อสายมาพร้อมคุย-แต่ไม่รู้จะคุยอะไร

เมื่อถามว่า รู้สึกเบื่อ รำคาญ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่ได้เบื่อหรือรำคาญอะไร แต่หากช่วยกันทำให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบได้ก็จะดี เมื่อถามว่า เคยคิดจะต่อสายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าววา ตนคงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำอย่างนั้น ตอนนี้ตนอยู่ตรงนี้ก็ค่อนข้างลำบากที่จะเข้าไปทำประเด็นทางการเมือง เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสายมาคุยจะว่าอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่มีปัญหา ตนก็คุยทุกครั้งที่พบกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าคุยกันจะพูดกันเรื่องอะไร เพราะตนก็ยังไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร แต่ทุกครั้งที่พบกันตนก็ไม่เคยปฎิเสธที่จะพูดคุย แม้แต่กระทั้งตอนที่เจอกันที่งานศพมารดาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็พูดคุยกัน  

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสทำให้เหลืองกับแดงกลับมาสมานฉันท์กันได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันอย่างไร ที่จะทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกอยากแก้ไขปัญหาของชาติได้ และการที่จะแก้ก็คือการทำให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่เกิดความขัดแย้งจนถึงขั้นทำให้คนเกิดความกังวล เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแต่ต้องเวลาในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน

 

Tags : องคมนตรีเชื่อ ไตร่ตรองพระราชดำรัสให้ดี เพื่อผ่านพ้นให้ได้

view