จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"อำพล เสนาณรงค์"เชื่อในพระบรมโพธิสมภาร เมืองไทยมีทางออก คนไทย90%เป็นกลาง ไม่ตอบเรื่องเจรจา"ทักษิณ" ยันสถาบันองคมนตรีเป็นกลางไม่ท้อแม้ถูกด่า
เมื่อ เวลา 09.00 น. ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ จัดกิจกรรม“ร้อยรวมดวงใจ เทิดไท้องค์ราชัน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 พร้อมเรียนเชิญ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ร่วมบรรยายพิเศษเรื่อง “ข้าราชการไทยใสสะอาด ตามรอยพระยุคลบาท”
นายอำพล กล่าวในตอนหนึ่งว่า มีข้าราชการหลายท่านไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เช่นมีการฉ้อราษฎร์บังหลวง มีการทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างข้าราชการเมือง กับข้าราชการประจำ โดยเฉพาะเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ข้อสำคัญคือ “นาย”หรือ ผู้บังคับบัญชา เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทั้งนี้หากข้าราชการปฏิบัติตามระเบียบก็จะทำให้ข้าราชการมีความโปร่งใสสะอาด แน่นอน
"ตอนนี้ประเทศไทยมีข้าราชการประมาณ 4 แสนกว่าคน ซึ่งจะดูแลให้เป็นระเบียบวินัยค่อนข้างยาก เห็นว่าข้าราชการจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำรงตน รักษาชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของราชการโดยรวม ดังนั้นเห็นว่าสิ่งที่พึ่งของเราในตอนนี้คือ หนึ่ง สถาบันพุทธศาสนา และ สองสถาบันพระมหากษัตริย์"
ในช่วงท้าย นายอำพล ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วง 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 เหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียชีวิตของประชาชนเกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงหาความยุติธรรม และความเป็นกลางทางการเมืองอย่างมั่นคง พร้อมกับฉายสไลด์รูป พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี เสื้อเหลืองคือมหาจำลอง (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) ส่วนเสื้อน้ำเงินคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งในวันนั้นมีทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และเสื้อน้ำเงิน จนกระทั่งสมัยนี้มีคนถามว่าทำไมถึงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะมันก็มีเหตุผลคงจะต้องติดตามต่อไป
หลังจากนั้น นายอำพล ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิบัติตัวของคนไทยต่อสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งของบ้าน เมืองว่า ต้องทำตัวเป็นคนดี และพยายามเป็นคนดีตามพระราชกระแสดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทุกคนจะต้องมีความสามัคคี มีความรัก และเป็นคนดี อยากให้พระองค์ท่านมีความสุขก็จะต้องมีความสามัคคีกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้เป็นห่วงเรื่องคนไทยที่ยังไม่มีความสามัคคีกันน้อยมาก นายอำพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ตนพยายามไม่ไปเกี่ยวข้องมาก เพราะว่าอยากให้จิตใจเป็นปกติ ก็จะไม่สนใจอะไรมาก แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นคนดี และเชื่อมั่นตามหลักพระพุทธศาสนา คนทำดีก็ได้ดี คนทำชั่วก็ได้ชั่ว ดังนั้น ก็อยากจะทำความดีเพื่อได้รับความดี
เมื่อถามว่า เป็นห่วงบ้านเมืองในปีหน้าอย่างไร เพราะดูเหมือนว่าปัญหาความขัดแย้งก็จะยังไม่จบ นายอำพล กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน และไม่กล้าให้ความเห็น
ส่วนคำถามเรื่อง สถาบันองคมนตรีมักจะถูกฝ่ายการเมืองหยิบยกขึ้นมาโจมตีนั้น นายอำพล กล่าวว่า ก็เป็นห่วง แต่ก็เชื่อว่าไม่ได้ทำอย่างที่เขาว่า เราพยายามทำความดีตลอด และทำตามระเบียบหน้าที่ของเขา ตนไม่ทราบข่าวเขาว่าอะไร แต่คิดว่าเราพยายามทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้ว
เมื่อถามว่า มีขบวนการจ้องล้มสถาบันองคมนตรีรู้สึกอย่างไร นายอำพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ถามต่ออีกว่า ในฐานะอยู่ในสถาบันองคมนตรี อยากเห็นบ้านเมืองเป็นอย่างไร นายอำพล กล่าวว่า อยากเห็นบ้านเมืองสงบ มีความรัก ความสามัคคีกัน
ต่อคำถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อสายมาพูดคุยกับองคมนตรี เพื่อเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาจะทำให้สถาการณ์บ้านเมืองดีขึ้นหรือไม่ นายอำพล กล่าวว่า "ไม่ทราบเหมือนกัน"
ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า แนวทางออกในการแก้ไขปัญหาควรจะเป็นอย่างไร นายอำพล กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา รวมถึงหน่วยงานหลักต่างๆ องคมนตรีไม่มีหน้าที่อันนี้โดยตรง เพียงแต่เราพยายามรักษาความดีไว้เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยากฝากอะไรไปถึง นายอำพล กล่าวว่าคงไม่กล้าฝากไปหรอก เพราะว่าฝากไปเขาก็คงไม่เห็นด้วย และอาจจะว่ากลับมาด้วย เพราะก่อนหน้านี้ เคยไปบรรยายที่ ก.พ. และเมื่อพูดความจริงเขาก็โกรธ จึงพยายามจะไม่พูดไปกระทบกระเทือนใคร และการบรรยายวันนี้จึงเป็นทางการ ที่ผ่านมาผมไปพูดที่ ก.พ.มา และมีการพูดเล่นมากไปหน่อย ก็เลยโดนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และไม่ชอบก็ว่าผมมา
"การที่ผมเอาข้อเท็จจริง หรือความจริงมาพูด ก็มีคนรับได้ และรับไม่ได้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาผมโดนด่าเยอะมาก แต่ก็มีคนชมเยอะเหมือนกัน หากยกตัวอย่างไม่ดีขึ้นมาก็อาจจะไปโดนคนไม่ดีขึ้นมา ฉะนั้นตัวอย่างที่ไม่ดีเห็นเยอะ แต่ยกขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นผมจึงไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์อะไร เพราะองคมนตรีจะต้องเป็นกลาง อีกทั้งผมวิจารณ์อะไรออกไปก็จะเป็นช่องว่าง หรือ ช่องทางให้กับคนที่จ้องโจมตีหยิบยกขึ้นมา” นายอำพล กล่าว
เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าฝ่ายที่ด่าท่านยังไม่เปิดใจรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น นายอำพล กล่าวว่า "ใช่ครับ แต่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน"
เมื่อถามถึงความรู้สึกท้อแท้ต่อความขัด แย้งในบ้านเมืองหรือไม่ นายอำพล กล่าวว่า ไม่เคยท้อแท้ ตนไปต่างจังหวัดมาเยอะ และทุกคนพยายามตั้งประเด็นถามแบบพวกคุณ ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแบบนั้นใช่มั้ย บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ใช่มั้ย ถ้าตนบอกว่าใช่เขาก็ว่าองคมนตรีว่าอย่างนั้น ดังนั้น ตนจนปฏิเสธว่าไม่ทราบจริงๆ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าบ้านเมืองมีทางออก เพราะเชื่อว่ายังมีคนดีอยู่เยอะมากกว่า 80 - 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังดี และเป็นกลางให้กับประเทศชาติมีอยู่เยอะ
เมื่อถามว่า ในฐานะที่องคมนตรีเป็นสถาบันหลักอีกสถาบันหนึ่งอยากให้มองว่าบ้านเมืองจะไป รอดหรือไม่ นายอำพล กล่าวว่า ไม่พูดกันเรื่องนี้ เพราะตอนนี้มีงานเยอะ และพยายามไม่วิเคราะห์ปัญหานี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าเป็นห่วงบ้านเมือง ขณะเดียวกัน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องบ้านเมืองอะไร เพราะมีภารกิจเยอะเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวคิดว่า พล.อ.เปรม ไม่ท้อต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เห็นได้ชัดคือหน้าตาก็เฉย ๆ เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าช่วงหลัง พล.อ.เปรม จะถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างหนัก นายอำพล กล่าวว่า คงชิน และทำใจได้
เมื่อถามย้ำว่า เราจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องนี้อย่างไร นายอำพล กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ และตอบไม่ถูก"
ต่อคำถามว่า คนไทยยังวิตกกังวลว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะไม่มีทางออก นายอำพล กล่าวว่า "ยังมีทางออก และเชื่อในพระบรมโพธิสมภาร และเชื่อสิ่งที่ปกป้องเมืองไทยว่ายังเกิดขึ้นได้"
ในตอนท้ายถามว่า ทางออกของประเทศคือการเจรจา องคมนตรี อำพล กล่าวว่า "ไม่ทราบ"
ถามอีกว่า หากคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายหันหน้ามาเจรจากันจะเป็นทางออกที่ดีใช่หรือไม่ นายอำพล กล่าวว่า ก็อาจจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายเจรจา
ต่อคำถามว่า สถาบันองคมนตรีความเป็นกลาง 100 เปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายอำพล กล่าวว่า "ดูจากการปฏิบัติได้ ซึ่งเราพยายามทำหน้าที่ของเรา"