สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

โทษฐานเปิดเผยความลับของทางราชการ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

โดย : เขียน ธีระวิทย์


 

เมื่อวันที่ 18-20ธันวาคมที่ผ่านมา สื่อมวลชนไทยแพร่ข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับเอกสาร"ลับมาก"ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศมีถึงนายกรัฐมนตรี

ลง วันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เอกสารฉบับนั้นเป็นข้อเสนอจากกระทรวงการต่างประเทศถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา

เอกสารลับมากฉบับนี้นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูนพรรคเพื่อไทยอ้างว่า มีคนส่งไปให้ทางไปรษณีย์  นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยและแกนนำของ “คนเสื้อแดง” ได้นำเอกสาร “ลับมาก” นี้ไปเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน (18 พ.ย.)

บุคคลทั้งสองและนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยขยายความหรือตีความเพิ่มเติม และกล่าวหารัฐบาลว่า มีแผนที่จะ “ลอบฆ่า” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายจตุพรให้สัมภาษณ์ว่าการล้วงความลับ ของกระทรวงการต่างประเทศไม่เป็นความผิด เปรียบเหมือนเจ้าบ้านรู้ความลับของโจร ข่าวแจ้งด้วยว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาจะฟ้องร้องบุคคลดังกล่าวฐานจารกรรมและ เปิดเผยความลับของทางราชการ คำถามคือเรื่องนี้มีใครทำผิด ทำถูก รัฐบาลควรดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่

เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ปัญหากฎหมายง่ายกว่า ปัญหาการเมือง การดำเนินคดีเรื่องนี้จะต้องผ่านเจ้าพนักงานตำรวจ อัยการ ศาล  เราไม่รู้ว่าผู้ทำคดีแต่ละขั้นตอนนี้มีประสิทธิภาพและความเที่ยงธรรมเพียงใด ถ้าทำกันอย่างตรงไปตรงมา และทุกคนที่เกี่ยวข้องมีความเที่ยงธรรมและถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง คำตอบน่าจะมีดังนี้

1.ในแง่กฎหมาย เอกสารที่ถูกนำออกเผยแพร่ทั้งหมดหรือบางส่วนโดยบุคคลและสื่อมวลชน ตามที่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนนั้นเป็นเอกสาร “ลับมาก”  ของทางการทั้งในรูปแบบ (คือมีข้อความระบุว่า “ลับมาก”) และสาระ (คือมีข้อความที่รัฐบาลเสียหายเมื่อถูกเปิดเผยออกมา) ผู้กระทำ (นายสงวน พงษ์มณี  นายจตุพร  พรหมพันธ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และสื่อมวลชนที่นำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนออกเผยแพร่) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เฉพาะประมวลกฎหมายอาญามีมาตราที่เกี่ยวข้องดังนี้

มาตรา 123 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับ สำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี

มาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งข้อความเอกสารหรือสิ่งใดๆอันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความ ปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี

ถ้าความผิดดังกล่าวมาในสองวรรคก่อน ได้กระทำเพื่อให้รัฐต่างประเทศได้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา 128 และ 129 ผู้เตรียมการและผู้สนับสนุนต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น

เอกสารเรื่องแนวทางการดำเนินการกับ ปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา มีคุณสมบัติเป็นเอกสารลับโดยไม่ต้องสงสัย ตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15

อนึ่ง คำสัมภาษณ์ของนายสงวน พงษ์มณี นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายพร้อมพงศ์  นพฤทธิ์ ที่ตีความหรือขยายความจากเอกสารลับมาก ส่วนที่บิดเบือนจากความจริงนั้น อาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทอีกกระทงหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326  สื่อมวลชนที่ถ่ายทอดข้อความที่ทั้งสามคนพูดใส่ความผู้อื่นก็อาจถูกฟ้องหมิ่น ประมาทด้วย

คำสัมภาษณ์ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยนั้นมีหลายประเด็นที่อาจถูกฟ้องฐานหมิ่นประมาท ที่สำคัญคือ

1) โฆษณาว่า เอกสารฉบับนี้เป็นแผนลอบฆ่าทักษิณ   

2) การตีความหรือขยายความจากเอกสารที่เสนอให้รัฐบาล"ขจัดภัยคุกคามหลัก"เอกสารข้อ 3(1) เป็นการกำจัดทักษิณ

(3) และคำกล่าวหาอภิสิทธิ์ และกษิต ที่ว่าจะใช้อำนาจแทรกแซงฝ่ายตุลาการโดยสั่งศาลให้เร่งดำเนินคดีกับทักษิณที่ค้างอยู่ในศาล

2.รัฐบาลมีทางเลือกที่จะฟ้องหรือไม่ ฟ้องศาลหรือไม่?  ในคดีหมิ่นประมาท กษิตและอภิสิทธิ์ (หรือกระทรวงการต่างประเทศและสำนักนายกรัฐมนตรี) ผู้เสียหายจะฟ้องหรือไม่ฟ้องศาลก็คงได้

แต่สำหรับคดีการได้มาหรือเปิดเผยความ ลับของทางราชการ  รัฐ  (ก.ต. หรือสำนักนายกรัฐมนตรี) อาจจะไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ดำเนินคดีกับการทำผิดกฎหมาย  ก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต  มีความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (นอกจากจะอธิบายให้ศาลเชื่อว่า ที่ไม่ฟ้องก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยสุจริต)

3.ถ้ารัฐบาลเลือกดำเนินคดีกับบุคคลที่ เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด (ผู้ที่เป็นต้นตอในการนำเอกสารฉบับนี้ส่งให้นักการเมือง นักการเมืองที่ได้เอกสารมาอยู่ในความครอบครองและเผยแพร่ สื่อมวลชนที่นำข้อมูลลับออกเผยแพร่) รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า เอกสารฉบับนี้เป็นความลับจริง การเผยแพร่ออกไปทำให้รัฐบาลไทยและประเทศไทยเสียหาย เช่นในเอกสารข้อ

3.2.3 นั้นเป็นข้อเสนอเกี่ยวกับกลยุทธ์ของไทยที่ควรใช้ตอบโต้รัฐบาลกัมพูชา (ซึ่งมีฐานะเป็นรัฐปฏิปักษ์ของไทยแล้ว) ตามความเหมาะสม ข้อนี้ควรถือเป็นความลับ มิเช่นนั้นรัฐบาลที่เป็นศัตรูต่อไทยอาจจะใช้วิธีการยั่วยุไทยมากขึ้น โดยขยายความขัดแย้งไปสู่ระดับประชาชน  (เพราะรัฐบาลไทยไม่ต้องการ) มีประเด็นอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่ไม่ควรให้รัฐบาลคู่กรณีรู้กลยุทธ์ของไทย ข้อนี้พิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ไม่ยากนัก

4.มีหลายประเด็นที่ไม่ควรถือว่า เป็นความลับ ในทางการเมืองระหว่างประเทศ บางทีรัฐบาลที่ฉลาดรู้ดีว่า คู่พิพาทไม่รับฟังนโยบายและยุทธวิธีของตนที่แถลงโดยเปิดเผย จึงออกอุบายสื่อสารให้คู่พิพาทรับรู้โดยทางเอกสารลับ เช่น ในเอกสารฉบับนี้ ข้อ 3.3 พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในกรณีที่เลวร้ายที่สุด รัฐบาลไทยอาจจะต้องพิจารณาตัดสัมพันธ์ทางการทูตฯ ความจริงเรื่องนี้ไม่ต้องปกปิดเป็นความลับก็ได้

ประเด็นที่ควรสื่อสารให้รัฐบาลฮุนเซน ทราบอย่างชัดเจนมากกว่าที่มีอยู่ในเอกสารลับฉบับนี้ก็คือ ถ้ารัฐบาลกัมพูชาให้ทักษิณใช้แผ่นดินกัมพูชาจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเป็นฐาน ปฏิบัติการต่อต้านรัฐบาลไทย ไทยจะใช้มาตรการที่เหมาะสมทุกประการ (รวมทั้งการปฏิบัติการทางทหาร) เพื่อปราบกลุ่มกบฏทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกประเทศ ภายในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ

5.ข้าพเจ้าขอแสดงความชื่นชมกระทรวงการ ต่างประเทศที่ได้ทำเอกสารกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาความ สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เชื่อว่าฝ่ายทหารก็คงมีเอกสารลับทำนองเดียวกันนี้ องค์กรใดที่มีอำนาจหน้าที่ปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศ ควรทำเอกสารการดำเนินงานทั้งในด้านนโยบายและการปฏิบัติเพื่อรักษาและส่ง เสริมผลประโยชน์ของไทย ทั้งที่เป็นแผนงานระยะสั้นและระยะยาว ทั้งที่เป็นเอกสารลับสุดยอดจริงๆ และลับปลอม  คนไทยทุกหมู่เหล่าควรส่งเสริมและให้กำลังใจ

อย่างไรก็ตาม ถ้ากระทรวงการต่างประเทศไม่ได้จงใจทำให้เอกสารลับมากฉบับนี้เปิดเผยออกมา ก็คงสืบหาตัวไส้ศึกออกมาได้ไม่ยากนั้น ผู้ทำผิดควรได้รับโทษตามความเหมาะสม

*บทความของศูนย์โลกสัมพันธ์ไทย  www.thaiworld.org  ซึ่งจะลงเว็บในวันที่ 25 ธันวาคม 2552

 

Tags : โทษ ฐานเปิดเผย ความลับทางราชการ สงวน พงษ์มณี จตุพร พรหมพันธ์

view