จากประชาชาติธุรกิจ
เกาะ ติด 10 เทรนด์ผู้บริโภคปีเสือ "เทรนด์วอตชิ่ง" แนะธุรกิจปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ฉลาดเลือกมากขึ้น ทันสมัย ชอบสังคม เปิดเผย เอาใจยาก และขาดเทคโนโลยีไม่ได้ ระบุความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและธุรกิจจะเพิ่มมากขึ้นจนส่งผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปีหน้า และกดดันแบรนด์ต่าง ๆ ให้ต้องสร้างความโดดเด่นและช่างคิด ตอบโจทย์กับสังคมที่เปลี่ยนแปลงและซับซ้อน
เว็บไซต์เทรนด์วอ ตชิ่งดอทคอมระบุว่า ในปี 2553 เทรนด์ของผู้บริโภคจะปรับเปลี่ยนไปกลายเป็นผู้บริโภคที่มีความรู้ความเข้าใจ มีความเชื่อมโยงกับสังคม เปิดเผยและเอาใจยากมากขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอ 10 เทรนด์ผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นในปี 2553 โดยตั้งข้อสังเกตว่าความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและธุรกิจที่มากขึ้น จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ในปีหน้า ซึ่งเท่ากับแบรนด์จะถูกบีบให้ต้อง โดดเด่นและช่างคิดมากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์กับสังคมที่เปลี่ยนแปลง ซับซ้อน และ มีเครือข่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างการที่ทวิตเตอร์เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในการพิจารณาสินค้า ที่ต้องการซื้อ รวมถึงสินค้าที่ตอบสนองการเป็นสังคมเมืองที่ขยายขึ้น รวมถึงเทรนด์สีเขียวและการทำดีที่จะจับต้องได้ง่ายขึ้น
เทรนด์แรกที่ จะเกิดขึ้น คือ การทำธุรกิจในแบบที่ต่างจากปกติ โดยภาคธุรกิจไม่เพียงแค่ต้องทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีของโลก แต่จำเป็นต้องขยับให้สอดคล้องไปกับวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหมายถึงการให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ตามความต้องการ ของกระแสโลก การมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นแทนที่จะโฆษณาทางเดียว
หรือเน้นความร่วมมือกันไปสู่ชัยชนะแทนที่จะแบ่งเราแบ่งเขา มีน้ำใจมากขึ้นแทนที่จะมุ่งแต่ผลประโยชน์
เท รนด์ที่ 2 ปรับสู่ชุมชนเมือง ซึ่งจากรายงานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในปี 2552 ระบุว่า ในศตวรรษที่แล้วมีประชากรโลกไม่ถึง 5% ที่อาศัยในเขตเมือง แต่พอถึงปี 2551 ตัวเลขของคนเมืองกลับทะลุ 50% และคาดกันว่าจะถึง 70% ภายในปี 2593 หรือเท่ากับมีผู้อาศัยในชุมชนเมืองราว 6.4 พันล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะเอเชียจะมีจำนวนประชากรในเขตเมืองถึง 63% หรือราว 3.3 พันล้านคน
คน ในชุมชนเมืองจะมีความทันสมัยมากขึ้น มีความต้องการมากขึ้น ติดต่อสื่อสารและกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้จะเปิดกว้างมากขึ้น และชอบความท้าทาย ซึ่งนี่ทำให้สินค้าที่อิงกระแสนี้เติบโตได้ดี อาทิ วอดก้าแบรนด์ "Absolut" ที่เปิดตัวเครื่องดื่ม Cities Series ในนิวออร์ลีนส์ ลอสแองเจลิส และบอสตัน ซึ่งมีรสชาติเฉพาะที่แตกต่างกัน
รวมถึงแบรนด์เครื่องสำอาง "เกอร์แลง" (Guerlain) ที่เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นเฉพาะ "ปารีส-มอสโก" ที่เน้นกลิ่นผลไม้นำ โดยวางขายในห้างแฮร์รอดส์ในราคา 130 ปอนด์ ส่วนกลิ่นปารีส-นิวยอร์ก ก็ผสมวานิลลา อบเชย และซีดาร์ ขณะที่กลิ่นปารีส-โตเกียว เน้นกลิ่นผสมระหว่างมะลิ ชาเขียว และดอกไวโอเลต
เท รนด์ที่ 3 หาข้อมูลแบบเรียลไทม์ เนื่องจากเว็บเครือข่ายสังคม อาทิ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ มีส่วนทำให้ผู้บริโภคสามารถแลกเปลี่ยนความคิดและตรวจสอบ ข้อมูลผ่านโลกไซเบอร์ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่ง เพื่อน ๆ ในโลกอินเทอร์เน็ตจะร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ที่เราต้องการรู้ อาทิ แอปพลิเคชั่น EezeeRator ของ Air Valid ที่เปิดให้ผู้โดยสารสามารถโพสต์ความเห็นเกี่ยวกับไฟลต์บินต่าง ๆ ได้ และในปีหน้าบริการที่ใช้ประโยชน์จากคลังสมองขนาดใหญ่เช่นนี้จะแพร่หลายมาก ขึ้น
เทรนด์ที่ 4 แค่หรูไม่พอ ต้องพิเศษด้วย โดยเทรนด์วอตชิ่งคาดว่าหลังยุควิกฤตเศรษฐกิจ เทรนด์หรูจะกลับมาอีกครั้ง แต่จะเปลี่ยนนิยามความหรูที่เน้นเรื่องความใหญ่โตและราคาแพง มาเป็นความหรูแบบพิเศษ เฉพาะเจาะจง เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนตัวมากขึ้น และหากยิ่งหายากก็จะยิ่งดึงดูดใจบรรดาคนฐานะดีที่ต้องการความเอ็กซ์คลูซีฟ
อย่าง กรณีของยี่ห้อเสื้อผ้าหรู "เบอร์เบอร์รี่" (Burberry) ที่มีแบรนด์ "บลู ลาเบล" ไลน์สินค้าเฉพาะในญี่ปุ่น เน้นเสื้อผ้าที่พอดีตัว และโฉบเฉี่ยวกว่าสไตล์ของแบรนด์เบอร์เบอร์รี่
เทรนด์ที่ 5 การบรรจบกันของโลก ออนไลน์และออฟไลน์ โดยปี 2553 จะเป็นปีที่เว็บเครือข่ายสังคมมีส่วนช่วยสร้าง เครือข่ายในชีวิตจริงได้ เหตุการณ์ในโลกออนไลน์สามารถเกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง ผู้บริโภคสามารถใช้โลกออนไลน์ในการสร้างเครือข่ายเพื่อนที่มากขึ้น ขณะเดียวกันพวกเขาก็พบปะกันในโลกจริง ๆ ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเพื่อนคอเดียวกัน
เทรนด์ที่ 6 รักษ์โลกได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคมีส่วนขับเคลื่อนกระแสนี้ ประกอบกับกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จะทำให้เทรนด์สีเขียวเข้มข้นขึ้น แต่จะต้องเน้นให้ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจสามารถร่วมเทรนด์สีเขียวได้ง่าย ขึ้น
เทรนด์ที่ 7 โลกแห่งการตามรอยและแจ้งเตือน เพื่อให้ผู้บริโภคประหยัดเวลา กันลืม และลดความผิดพลาด คล้ายกับระบบติดตามของบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์ ซึ่งสามารถนำมาใช้กับเรื่องอื่น ๆ อาทิ การแจ้งเรื่องตารางรถไฟล่าช้าผ่านทวิตเตอร์ หรือการใช้ระบบจีพีเอสตามรอยเพื่อน ๆ
เทรนด์ที่ 8 ปันน้ำใจมากขึ้น ซึ่งเทรนด์ทำดีมีน้ำใจจะแพร่หลายมากขึ้นในปีหน้า โดยธุรกิจจะเปิดให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมบริจาคหรือร่วมทำความดีด้วย อย่างเช่น "ไอเกีย" เชนค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของโลก ที่วางขายโคมไฟที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในราคา 19.99 ดอลลาร์ จะร่วมบริจาคโคมไฟเท่ากับจำนวนที่มีผู้ซื้อให้กับ "ยูนิเซฟ" เพื่อช่วยเด็ก ๆ ในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วน "พีแอนด์จี" มีโครงการบริจาควัคซีนกันบาดทะยักเท่ากับจำนวนผ้าอ้อมที่ขายได้
เท รนด์ที่ 9 ใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลจากโลกอินเทอร์เน็ต อาทิ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ มายสเปซ ซึ่งผู้บริโภคยุคใหม่มีความเข้าใจมากขึ้น ขณะที่บริษัทก็เริ่มใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้เพิ่มขึ้น
เทรนด์ สุดท้าย ผู้บริโภคจะโตขึ้น จะมีความดิบ หัวดื้อ และเปิดเผยมากขึ้น ผู้บริโภคจะไม่ใช่คนที่ไม่มีข้อมูล หรือขาดประสบการณ์ พวกเขาจะเปิดใจรับ นวัตกรรม สินค้าไอเดียล้ำ ๆ รสชาติ แปลก ๆ แหวกแนวมากขึ้น ยกตัวอย่าง "อเมริกัน แอปพาเรล" แบรนด์เสื้อผ้าอเมริกันที่เปิดตัวเสื้อยืดหนุนการแต่งงานอย่างถูกกฎหมายของ กลุ่มรักเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น