จากประชาชาติธุรกิจ
นาย ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการประชุมกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ ว่าได้มีการรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เมื่อ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ หลังการประชุมได้มีงานเลี้ยงสังสรรค์ ส.ส. ที่ไปร่วมประชุม และมีการเรี่ยไรเงินจาก ส.ส. พรรคเพื่อไทยในงาน โดยอ้างว่าเป็นการทอดผ้าป่าไปให้สื่อมวลชน และยังมีนักการเมืองผู้หนึ่งกล่าวติดตลกอีกว่า เรี่ยไรเงินพานักข่าวไปอาบน้ำ (อาบ อบ นวด)
โดยที่ประชุมกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่า
๑. นักข่าวที่เรียกร้องและรับเงิน ถือเป็นการกระทำที่ผิดข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ข้อ ๒๒ ที่ว่า ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ต้องละเว้นการรับอามิสสินจ้างอันมีค่า หรือผลประโยชน์ใด ๆ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด อันจะขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูก ต้องรอบด้าน นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ และดูแคลนวิชาชีพตัวเอง ตามข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ข้อ ๒๐ อีกด้วย ส่วนนักการเมืองที่ให้อามิสสินจ้างอันมีค่าหรือผลประโยชน์ใด ๆ ยังถือว่าเป็นการให้สินบน และเป็นการดูแคลนวิชาชีพสื่อมวลชนอีกด้วย
๒. ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ยังมีมติให้แจ้งต่อคณะกรรมการควบคุมจริยธรรม เพื่อขอให้ทำหนังสือถึงบรรณาธิการสื่อมวลชนทุกประเภท ให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า มีผู้สื่อข่าวหรือช่างภาพในสังกัดคนใดได้รับเงินด้วยหรือไม่ เนื่องจาก การสอบถามข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากผู้สื่อข่าวในงานเลี้ยง มี ส.ส. อ้างว่า ได้นำเงินประมาณ ๘๐,๐๐๐ บาท ให้ช่างภาพสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เพื่อแจกจ่ายแก่ช่างภาพช่องอื่น ๆ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน และไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวิชาชีพสื่อมวลชนโดยรวม จึงขอให้ผู้บริหารองค์กรสื่อฯ สอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎระเบียบของแต่ละองค์กร โดยเร็วที่สุด และสมาคมฯ ขอทราบผล เพื่อจะได้แถลงต่อสาธารณชนได้ทราบต่อไป
๓. ประสานงานกับองค์กรวิชาชีพด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ถึงการดำเนินการในเรื่องนี้
อนึ่ง ที่ประชุมกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้มีการปรึกษาหารือถึงเหตุการณ์ช่วงก่อนปีใหม่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนัก ข่าว ต้องมีการตรวจสอบและไตร่ตรองข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อป้องกันความผิดพลาดใน การรายงานข่าว ที่อาจเกิดผลกระทบต่อแหล่งข่าวและสร้างความสับสนต่อสังคมในข้อเท็จจริงต่างๆ และให้นักข่าวพึงตระหนักว่าการทำข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งมีความอ่อนไหว และมีผลกระทบต่อส่วนรวมสูง หากการทำข่าวขาดการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ขอให้นักข่าวทุกคนยึดมั่นในการทำหน้าที่เพื่อประโยชนของส่วนร่วมและ ยึดหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์