จากประชาชาติธุรกิจ
Health Trend
ปี 2552 ที่กำลังผ่านพ้นไปเป็นอีกปีที่ทั่วโลกตกอยู่ในความกังวลจากการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายแรกในเม็กซิโกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน มา
1 เดือนต่อมาองค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้เป็น ′โรคระบาดระดับสูงสุด′ ที่สามารถแพร่จากคนสู่คนและแพร่ระบาดข้ามประเทศหรือภูมิภาคได้
อย่าง ไรก็ตามในปี 2009 อีกเช่นกันที่วงการแพทย์มีความก้าวหน้าค้นพบวิธีการรักษาโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคเอดส์/เอชไอวี ไข้หวัดใหญ่ 2009 มะเร็งต่อมลูกหมาก และกระดูกพรุน รวมทั้งสามารถหาสาเหตุของโรคร้ายแรงที่เป็นภัยคุกคามชีวิตมนุษย์ อาทิ มะเร็งเต้านม การวิจัยสเต็มเซลล์ การคิดค้นวิธีป้องกันอาการออทิสติสม์ โรคอ้วนในวัยผู้ใหญ่ และอัลไซเมอร์ เพื่อนำไปพัฒนาหาวิธีการรักษาในขั้นต่อไป
ใน เว็บไซต์ของ ′ไทม์ แมกาซีน′ จึงได้จัดอันดับ 10 สุดยอดการค้นพบทางการแพทย์ประจำปี 2009 เพื่อย้ำเตือนว่า แม้โรคภัยไข้เจ็บสมัยใหม่จะพัฒนาตัวมากขึ้น แต่การศึกษาวิจัยทางการแพทย์ก็ยังมีความพยายามจะแก้ปัญหาและค้นหาทางออกให้ จนได้
10 สุดยอดการค้นพบทางการแพทย์ที่ไทม์ แมกาซีน นำมารวบรวมไว้ มีดังต่อไปนี้
1) คำแนะนำให้ตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยการเอกซเรย์หรือแมมโมแกรม
คณะ ทำงานเฉพาะกิจด้านการป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา เพิ่งมีแนวนโยบายใหม่สำหรับการตรวจหามะเร็งเต้านมออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยระบุว่า ให้ผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยการเอกซเรย์หรือแมมโมแกรมเป็นประจำ 2 ปีหน นับเป็นคำแนะนำที่ต่างไปจากเดิมที่ระบุให้ ผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไปตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำปีละ 1 หน
อีก ทั้งยังมีคำแนะนำว่า ให้เลิกตรวจคลำหามะเร็งเต้านมด้วยตนเองด้วย โดยคำแนะนำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐอเมริกา อย่างมากว่า เป็นนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทประกันที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการจ่าย เงินค่าตรวจแมมโมแกรมแก่ผู้ซื้อประกันที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี
แต่ ในที่สุดกฎหมายสาธารณสุขชุดใหม่ของรัฐบาลนายบารัก โอบามา ก็ได้มีการแก้ไขและรับประกันการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยวิธีการใช้แมมโมแกรม และการตรวจโรคเพื่อหาทางป้องกันสำหรับผู้ซื้อประกันทุกวัย
2) การค้นพบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือโรคเอดส์ชนิดใหม่
ใน เดือนกันยายนหลังจากใช้เงินในการทดสอบและพัฒนาวัคซีนในอาสาสมัคร 16,000 ราย มูลค่า 105 ล้านดอลลาร์ ด้วยการนำวัคซีนเก่า 2 ตัวมาผสมและพัฒนาเป็นวัคซีนป้องกันเอชไอวีตัวใหม่ แม้ผลการทดสอบวัคซีนในคนจะสามารถป้องกันการติดเชื้อโรคเอดส์ได้เพียง 31% จากจำนวนอาสาสมัครที่รับการฉีดวัคซีนทั้งหมด แต่การค้นพบครั้งนี้ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นของความหวังของคนทั้งโลก
3) ยกเลิกข้อห้ามใช้เงินรัฐบาลเพื่อการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็ม เซลล์จากตัวอ่อนที่สร้างใหม่
การ ปลดล็อกกฎซึ่งบรรจุไว้ในกฎหมายตั้งแต่สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช โดยประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต นายบารัก โอบามา นับเป็นอีกก้าวของการพัฒนาสเต็มเซลล์เพื่อหาวิธีการรักษาโรค อาทิ อัลไซเมอร์ หรือการปลูกถ่ายอวัยวะ แม้ว่าประเด็นเรื่องการใช้ตัวอ่อนมาทำสเต็ม เซลล์จะยังต้องถกเถียงในเรื่องศีลธรรมกันต่อไปก็ตาม
4) การค้นพบวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ชนิดเอ เอช1เอ็น1
ขณะ นี้มีหลายประเทศอยู่ในระหว่างทดลองฉีดให้กับอาสาสมัคร เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการป้องกันโรค ในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มฉีดวัคซีนนี้ 1 ล้านชุดให้กับกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ผู้ปกครองของทารกต่ำกว่า 6 เดือน และผู้ที่อยู่ในภาวะของโรคหอบหืดและโรคเบาหวาน
อย่าง ไรก็ตามจากผลสำรวจล่าสุดในสหรัฐยังพบด้วยว่า มีชาวอเมริกันกว่า 55% ที่ปฏิเสธจะรับการฉีดวัคซีน เนื่องจากยังกังวลถึงความปลอดภัยในการใช้วัคซีนดังกล่าว
5) พบ ′ไอพีเอส เซลล์′ ใช้แทนสเต็มเซลล์ได้
การ สร้างเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์จากเซลล์ที่โตเต็มที่แล้วมาเปลี่ยนแปลง โครงสร้างให้เหมือนกับเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนของมนุษย์ที่เรียกว่า ′ไอพีเอส เซลล์′ หรือ induced Pluripotent Stem Cells โดย การค้นพบอันใหม่นี้เป็นการค้นพบไอพีเอส เซลล์จากเซลล์ผิวหนังของหนู จากห้องทดลองในจีนเมื่อเดือนกรกฎาคม และมีผลยืนยันว่า ไอพีเอส เซลล์สามารถใช้แทนสเต็ม เซลล์จากตัวอ่อน เพื่อรักษาอาการของโรคบางชนิดได้จริง
6) การเจาะเลือดหามะเร็งไม่ได้ช่วยค้นพบโรคได้เร็วขึ้น
การค้นพบว่าการตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยวิธีที่เรียกว่า ′พีเอสเอ′ หรือ Prostate-Specific Antigen ซึ่งเป็นการตรวจหามะเร็งจากการเจาะเลือดอาจไม่ได้บ่งชี้ถึงการหาทางรักษาโรคได้เร็วขึ้นอีกต่อไป
เมื่อ สถาบันมะเร็งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาศึกษาในอาสาสมัครชาย 76,000 ราย แล้วแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยพีเอสเอกับอีกครึ่งหนึ่งไม่ ได้ตรวจด้วยพีเอสพี เมื่อเวลาผ่านไป 7 ปีกลับพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูกหมากและเคยผ่านการตรวจด้วยพีเอส เอแล้ว 50 ราย ขณะที่ผู้ที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากอีก 44 ราย เป็นผู้ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจด้วยพีเอสเอมาก่อน
7) ค้นพบต้นเหตุทำให้เป็นออทิสติสม์
การ ศึกษาพบว่าโครโมโซมลำดับที่ 5 ที่บ่งชี้ว่ามีส่วนสำคัญถึง 15% ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการออทิสติสม์ในเด็กอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีเด็ก 1 ใน 100 คน มีอาการออทิสติสม์และยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร แต่การค้นพบว่าโครโมโซมลำดับที่ 5 มีผลทำให้เกิดอาการออทิสติสม์ครั้งนี้เป็นการค้นพบที่สำคัญสำหรับการหาวิธี ป้องกันโรคได้
8) พบยาใหม่รักษาโรคกระดูกพรุน
ยา รักษาโรคกระดูกพรุนตัวใหม่จะทำหน้าที่ไปสกัดกั้นการทำลายเซลล์กระดูกในร่าง กาย แต่ขณะนี้ตัวยาดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐ หรือเอฟดีเอ แต่มีการคาดการณ์ว่า หากยาดังกล่าวสามารถวางจำหน่ายในท้องตลาดได้ น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่ายารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน เช่น โฟซาแม็กซ์ โบนิวา และรีคลาสท์
9) พบยีนทำให้เป็นอัลไซเมอร์
มี การค้นพบยีน 3 ตัวที่คาดว่ามีผลทำให้เซลล์ประสาททำงานไม่เป็นปกติ และทำให้เกิดความปรวนแปรในระบบความจำ เป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ โดยการค้นพบนี้ทำให้แพทย์มีความหวังว่าจะสามารถต่อยอดและพัฒนาวิธีการรักษา อัลไซเมอร์ต่อไปในอนาคต
10) Brown Fat ทำให้เกิดโรคอ้วนในผู้ใหญ่
การค้นพบว่าไขมันสีน้ำตาล หรือ Brown Fat ซึ่ง ปกติจะทำหน้าที่สลายพลังงานแทนการสะสมพลังงานนั้น อาจทำให้เกิดโรคอ้วนในวัยผู้ใหญ่ได้ แต่ในปัจจุบันคนที่มีอายุมากขึ้น การทำงานของไขมันสีน้ำตาลกลับทำได้ลดลง และไปสะสมอยู่ที่ลำคอมากขึ้น ซึ่งมีผลให้คนที่เคยรูปร่างผอมบางอาจมีคอโตกว่าคนที่อ้วนกลมกว่า โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น จะพบว่ามีเซลล์ไขมันสีน้ำตาลมากกว่าคนในพื้นที่อื่นมาก