จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ HEALTH
โดย นับดาว
ความน่ากลัวของ "สบู่"
สบู่ที่ว่าก็คือ สบู่ตามห้องน้ำสาธารณะ ที่เชื่อไหมว่า มันคือแหล่งสะสมเชื้อโรคดี ๆ นี่เอง
มหาวิทยาลัย แอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พบประเด็นปัญหาที่สำคัญต่อไลฟ์สไตล์คนรักสะอาด เนื่องจากพบว่า สบู่ชนิดกล่องเปิดฝาแบบเติมที่เราใช้กันอยู่นั้น มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์
นี่คืองานวิจัยที่ช็อกคนอย่างเรา มาก ๆ
สิ่งที่เขาค้นพบก็คือ ในสบู่ล้างมือตามห้องน้ำมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ !
เพราะ จากการเก็บตัวอย่างสบู่จำนวน 541 ตัวอย่างที่เป็นสบู่เหลวแบบเติม และสบู่เหลวบรรจุภัณฑ์ปิด (เมื่อใช้น้ำยาหมดแล้วทิ้ง) พบว่า สบู่เติม 133 ตัวอย่างหรือ 25 เปอร์เซ็นต์ มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อน โดย 65 เปอร์เซ็นต์ของเชื้อที่พบ คือ เชื้อโคลิฟอร์ม ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบมากในสิ่งปฏิกูลของสัตว์เลือดอุ่นมีโอกาสส่งผล กระทบโดยตรงต่อ สุขอนามัยของผู้ใช้ ทั้งในระบบทางเดินหายใจ กระแสโลหิต ระบบปัสสาวะ และการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
เชื้อโรคที่เป็นสิ่งปน เปื้อนเหล่านี้เกิดจากการเปิดฝากล่องเพื่อเติมสบู่นั่นเอง ส่วนสบู่เหลวที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์แบบปิด(เมื่อใช้น้ำยาหมดแล้วทิ้ง) กลับไม่พบเชื้อแบคทีเรียเลย
นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าคเปิดเผย
ก่อนจะกดสบู่ล้างมือ โปรดพิจารณาด้วยใจระทึกพลัน !
ไข้หวัดใหญ่ 2009
เรื่องราวของสุขภาพในปีนี้ คงหนีไม่พ้นโรคฮอตที่ทำเอาผู้คนทั่วโลกต้องตื่นตระหนกกับ "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009" ซึ่งเผยแพร่ไปยังประเทศต่าง ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้ประเทศเม็กซิโกซึ่งเป็นประเทศแรก ๆ ที่โรคนี้แพร่ระบาดต้องเกือบปิดประเทศไประยะหนึ่ง และต่อมาก็ได้แพร่ลุกลามไปทั่วโลก คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน่าตกใจ
สำหรับ ประเทศไทยแม้ว่าในช่วงแรกรัฐบาลจะยืนยันเป็น มั่นเป็นเหมาะว่า จะสามารถป้องกันการเชื้อนี้ไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาในประเทศได้ แต่ในที่สุดก็เกิดการแพร่กระจายไปทั่วประเทศ และมีคนเสียชีวิตติดอันดับต้น ๆ ของโลกด้วย
และด้วยความที่ยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคได้โดยตรง รวมทั้งยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ ทำให้แฟชั่น "หน้ากากอนามัย" ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนทำให้ขาดตลาดไประยะหนึ่ง และราคาจำหน่ายก็แพงขึ้นอย่างไม่คาดคิด ขณะที่น้ำยาล้างมือและแอลกอฮอล์ล้างมือก็ได้รับความนิยมด้วย เช่นกัน ในช่วงเวลานั้นบรรดาผู้ผลิตและร้านค้าแฮปปี้กันอย่างทั่วหน้า
ผลของ การแพร่ระบาดครั้งนี้ ยังลุกลามไปยังเศรษฐกิจภาคต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งการท่องเที่ยว การศึกษา หรือแม้แต่สุขอนามัยต่าง ๆ เพราะในช่วงเวลานั้นถ้ามีเด็กป่วยในโรงเรียนใด ก็จะสั่งปิดโรงเรียนกันเป็นสัปดาห์ ทำเอาปั่นป่วนไปทั่ว และรัฐบาลยังออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกันแบบรายวันอีกด้วย
และแม้ในขณะ นี้สถานการณ์จะดีขึ้น เพราะตัวเลขผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง แต่หลายฝ่ายยังออกมาเตือนไม่ให้ประมาท เพราะไข้หวัดส่วนใหญ่จะระบาดในฤดูหนาว นั่นหมายความว่า โรคนี้อาจจะกลับมารุนแรงได้อีกครั้ง
ยาเฉพาะบุคคล
อีก หนึ่งกระแสแห่งปี คงต้องยกให้กับความก้าวหน้าของ วิวัฒนาการทางการแพทย์ ในด้านเภสัชพันธุศาสตร์ ซึ่งเป็นผลพวงหนึ่งของการถอดรหัสพันธุกรรม ที่ช่วยให้แพทย์ สามารถปรับขนาดหรือปรุงยาให้เหมาะสมกับแต่บุคคล และยังช่วยย่นเวลาในการค้นหาและพัฒนายาใหม่ให้สั้นยิ่งขึ้น
สำหรับ เภสัชศาสตร์ หรือ Pharmacogenomics เกิดจากการผสมผสานของเภสัชศาสตร์กับความก้าวหน้าด้านข้อมูลพันธุกรรม ที่เน้นลงถึงระดับพันธุกรรมดีเอ็นเอจนถึงสปินส์ ซึ่งเป็นความแตกต่างเพียง 0.1% ของรหัสพันธุกรรมมนุษย์ ซึ่งนอกจากจะนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง และยาที่ใช้เฉพาะบุคคลแล้ว ยังเป็นการรักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติในระดับพันธุกรรมของแต่ละบุคคลอีก ด้วย
และนี่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ...ซึ่งในอนาคตการรักษาในรูปแบบนี้ น่าจะช่วยร่นระยะเวลาและทำให้การรักษาตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ขณะ นี้มีบรรดาโรงพยาบาลหรือศูนย์สุขภาพหลายแห่งหันมาจัดการท่องเที่ยวเชิง สุขภาพ ซึ่งรวมการเดินทางท่องเที่ยวไว้กับการตรวจเช็กสุขภาพ หรือการออกกำลังกายนอกสถานที่ ซึ่งมีทั้งหมอผู้เชี่ยวชาญและพยาบาลวิชาชีพเดินทางไปร่วมกับผู้ป่วย หรือผู้สนใจ โดยการให้คำแนะนำในการรักษาสุขภาพ หรือแม้แต่การจัดคอร์สต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของผู้รักสุขภาพอย่างแท้จริง
เพราะ นอกจากจะได้พักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติ ทั้งทะเลหรือภูเขาแล้ว ในภาคทฤษฎีที่คุณหมอจะมาชี้แนะหรือให้คำแนะนำต่าง ๆ รวมทั้งในภาคปฏิบัติที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมด้วย ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่สนใจรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือก...ที่จับกลุ่มคนรักสุขภาพโดยตรง
เรื่องยุ่ง ๆ ของ SMS
ช่วง นี้ฮิตส่งข้อความทางมือถือกันเหลือเกิน แต่เมื่อคนใช้ไปในทางที่ผิดก็ยุ่งกันอีกแล้ว เพราะผลสำรวจจาก Pew Internet & American Life Project ที่สำรวจวัยรุ่นในอเมริกากว่า 800 คน พบว่า 15% ของวัยรุ่นอายุ 12-17 ปีที่ใช้โทรศัพท์มือถือได้รับภาพนู้ดหรือภาพ ที่ล่อแหลม และ 4% บอกว่าพวกเขาเคย ส่งภาพ หรือวิดีโอนู้ดของพวกเขา
นอก จากนั้นวัยรุ่นที่จ่ายค่าโทรศัพท์เองและสามารถส่งข้อความได้อย่างไม่จำกัด มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากกว่าวัยรุ่นที่ใช้มือถือของพ่อแม่หรือถูก ห้ามไม่ให้ส่งข้อความเกินกำหนด รวมถึงวัยรุ่นที่พ่อแม่มักจะเช็กมือถือเป็นประจำ ก็มักจะได้รับข้อความพวกนี้น้อยหรือไม่ได้รับเลย
การส่งข้อความ เซ็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ในความสัมพันธ์ในวัยรุ่น บางคนส่งข้อความเซ็กซ์เฉพาะกับคนที่สานสัมพันธ์อยู่ แต่ข้อความเหล่านั้นก็มักจะถูกส่งต่อไปหาคนที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเลิกกัน มีบางคนบอกว่า การส่งข้อความเซ็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของวัยรุ่น เพราะว่ามันง่ายกว่าการเดตในแบบเก่า ๆ
ตัวการของเทรนด์การส่งข้อ ความเซ็กซ์ มาจากจำนวนวัยรุ่นที่ใช้มือถือมีเพิ่มมากขึ้น ในปี 2547 เด็กวัยรุ่นอายุ 12 ปี จำนวน 18% มีมือถือ และในปี 2009 ได้พุ่งไปถึง 58% รวมถึงปัจจุบันคนสนใจที่จะเลือกซื้อมือถือที่มีกล้องเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทาง แก้ในเรื่องนี้พ่อแม่ควรจะคุยกับลูกมากกว่า และอย่าไปโทษโทรศัพท์มือถือ เพราะการโทษเทคโนโลยีมันเหมือนกับการโทษรถยนต์ที่มีคนเมาเป็นคนขับ เราต้องโทษคนที่ใช้เทคโนโลยีต่างหาก
