รายงานโดย :วารุณี สิทธิถาวร:
|
ปี2553 การส่งออกได้รับการคาดหวังว่าจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง คำถามสำคัญคือแนวโน้มค่าเงินบาทปีนี้จะแข็งค่าต่อหรือไม่
สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ประมาณการว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าทดสอบระดับ 33 บาท ต่อเหรียญสหรัฐ โดยเงินบาทอาจอยู่ที่ระดับ 32.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553
ในช่วง 3-6 เดือนแรก หลายประเทศจะยุติมาตรการผ่อนคลายแบบพิเศษ โดยเฉพาะการถอดถอนมาตรการด้านสภาพคล่องและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลอดจนสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางในเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้และอินเดียที่อาจเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 3-6 เดือนแรกของปี รวมถึงธนาคารกลางจีนอาจส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
แม้เฟดจะทยอยยุติมาตรการ ผ่อนคลายพิเศษในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 แต่สัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคลุมเครือ ทำให้ภาพความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเอเชียช่วงครึ่งแรกปี 2553 น่าจะมีความชัดเจนมากกว่าภาพแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้สกุลเงินเอเชียโน้มไปในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะ 1 ปี ข้างหน้า มีการคาดการณ์ว่าเอเชียจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับที่สูงกว่า ภูมิภาคอื่นๆ โดยเศรษฐกิจของประเทศแถบเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น อาจขยายตัวประมาณ 7.7% ในปี 2553
ความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเอเชีย อาจทำให้หลายๆ ประเทศในเอเชียต้องเผชิญกับการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้สกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางการของประเทศในเอเชียคงเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินและอาจออกมาตรการควบคุม เงินทุนเพื่อสกัดเงินทุนเก็งกำไร เพื่อให้การ แข็งค่าของสกุลเงินในประเทศสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของภาคส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเวลา 1 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกรณีที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต้องล่าช้าออกไปกว่า ที่ตลาดคาดการณ์ไว้
สำหรับ ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ต้อง ติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจสหรัฐ หากตลาดแรงงานและการใช้กำลังการผลิตสหรัฐฟื้นตัว อาจช่วยจำกัดแนวโน้มการอ่อนค่าเงินเหรียญสหรัฐได้บางส่วน แต่ตราบใดที่เฟดยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อวัฏจักรดอกเบี้ย ไทยจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับภาพรวมทั้งปี 2553 หากกระแสความแข็งแกร่งของสกุลเงินในภูมิภาคมีความต่อเนื่องตลอดทั้งปี อาจ ทำให้เงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในช่วงปลายปี 2553
อย่างไรก็ตาม อัตราการแข็งค่าของเงินบาทอาจไม่โดดเด่นไปกว่า สกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะ 1 ปีข้างหน้า ยังคงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเด็นทางการเมือง และการเร่งฟื้นคืนความเชื่อมั่นของภาคเอกชน
ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็น ค่อยไป และเกิดขึ้นในลักษณะของ “การปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ” ซึ่งก็คือการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจากระดับที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ มากกว่าจะเป็นไปในลักษณะ “การคุมเข้มนโยบายการเงิน” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ฐานะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2553 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของเงินบาทเช่นกัน ก็มีแนวโน้มลดลงมาที่ระดับ 1-1.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากที่คาดว่าจะบันทึกยอดเกินดุลราว 2.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2552