จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ใครมาทีหลังอาจต้องพ่ายแพ้ให้กับความแข็งแกร่งของ "ขาใหญ่" แต่นี่อาจจะใช้ไม่ได้กับ "คาราบาวแดง" ผู้มาทีหลัง แต่ไม่ด้อยกว่าใคร
บทสรุปจากการสนทนาของชาย 2 คน ต่างวงการ "แอ๊ด คาราบาว" หรือ ยืนยง โอภากุล และ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ แห่งโรงเบียร์ เยอรมันตะวันแดง กลายเป็นจุดเริ่มของแบรนด์น้องใหม่เครื่องดื่มชูกำลังที่หากย้อนกลับไป ณ เวลานั้น การก่อเกิดของ "คาราบาวแดง" เรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการนี้มาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะการข้ามห้วยสู่โลกธุรกิจอย่างเต็มตัวของ แอ๊ด คาราบาว ควบด้วยตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ ยิ่งทำให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมากมายด้วยสีสัน และสงครามด้านการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
"นักรบผู้ยิ่งใหญ่" "รัฐนาวา" และอีกหลายๆ ภาพยนตร์โฆษณาและแคมเปญทางการตลาดล้วนมีส่วนชุบชีวิต "คาราบาวแดง" ให้ยืนระยะ และเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด และ เต็มไปด้วยข้อจำกัดนานารูปแบบจากกฎข้อบังคับทางกฎหมาย และกำลังซื้อที่หดตัว
"วันข้างหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คาราบาวแดงก็ยังแข็งแกร่งและอยู่ในตลาดนี้ต่อไป"
เสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มคาราบาวแดง เปิดใจถึงเส้นทางการต่อสู้ในช่วงที่ผ่านมา และมองถึงโอกาสในวันข้างหน้าเท่าที่แบรนด์นี้จะเดิน และเติบโตได้
การสู้ในฐานะแบรนด์น้องใหม่ของคาราบาวแดงที่ผ่านมาเรียกว่า เทียบชั้น และ เท่าทัน กับพี่ใหญ่ในตลาด
มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ที่เรียกว่าเป็นคัมภีร์การต่อสู้หลักทางการตลาดของเครื่องดื่มชูกำลัง คาบาวแดง ก็มี แอ๊ด คาราบาว เป็นแม่เหล็ก พร้อมสู้ศึกโรดโชว์ และคอนเสิร์ตแทบจะทั่วทุกมุมเมืองมาแล้ว
นั่นเป็นการขยับตามเกมที่ผู้เล่นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังถนัด และฟาดฟันกันมาอย่างยาวนาน แต่ในขณะเดียวกันในฐานะน้องใหม่ คาราบาวแดง ก็ต้องเร่งผลักดันตัวเองให้โดดเด่น เป็นที่จดจำให้มากที่สุด
"สาวบาวแดง" กลไกที่แม่ทัพใหญ่คาราบาวแดงเชื่อว่า จะเป็นตัวทำแต้มสำคัญให้กับแบรนด์นี้ได้หลังเดินตามสูตร A-B-C-D อย่างครบเครื่องมาแล้ว
A- เป็นแอ๊ด คาราบาว ที่วันนี้ เป็นทั้งสัญลักษณ์ และแม่เหล็กทางการตลาด
B- การสร้างแบรนด์ที่ต่อยอดการรับรู้ และความแข็งแกร่งมาจาก แอ๊ด และ คาราบาว
C- คาราบาวแดง ซึ่งก็คือตัวโปรดักท์
D - ช่องทางจัดจำหน่ายที่แน่นปึ้กจาก เสริมสุข เน็ตเวิร์คการจัดส่งที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ
การจัดตั้งทีม "สาวบาวแดง" และหน่วยรถตู้ออกตระเวนตามร้านค้า และชุมชน ยังคงเป็นสิ่งที่ เสถียร รักษาซึ่งความถี่ และความเข้มข้นของกิจกรรมมากว่า 3 ปี โดยเชื่อว่านี่จะเป็นไม้เด็ดที่ทำให้คาราบาวแดง เก็บเกี่ยวได้ทั้งกระแสนิยม และยอดขาย
"กว่ายี่ห้อหนึ่งจะชนะอีกยี่ห้อหนึ่งต้องใช้เวลา ทีมที่ลงไปทำกิจกรรม ทำให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์จริงในการทดลองดื่ม สินค้าประเภทนี้ที่สุดแล้วต้องให้ลองชิม ลองดื่มบ่อยๆ เพื่อให้คุ้นลิ้นชินปาก ลองสังเกตร้านก๋วยเตี๋ยว ถ้ามีอีกร้านมาเปิดใกล้ และอร่อยกว่า ร้านเดิมเตรียมแย่ไปได้เลย กรณีเครื่องดื่มชูกำลังก็เช่นกัน"
หลายปีมานี้ เสถียร ใช้เวลาสั่งสมทีมงานโดยเฉพาะ "สาวบาวแดง" กว่า 300 ชีวิต เป็นทีมที่ เขา ย้ำอย่างมั่นใจว่า น่าจะเป็นทีมที่ใหญ่สุดในไทย
"กว่าจะสั่งสมคนขึ้นมาได้ขนาดนี้ และกว่าที่แต่ละคนจะมีประสบการณ์ กว่าจะมีระบบควบคุมบริหารจัดการที่ถูกต้องแม่นยำ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา จากนี้เชื่อว่า สิ่งที่ทุ่มทุนแรง และเงิน เสถียร ว่า จะเริ่มผลิดอกออกผล โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า"
ความพยายามสะสมความนิยม และ ดึงเรทติ้งยอดขายกระจายไปทุกจุดทั่วประเทศ เรียกว่า ดำเนินการเป็นกองรบที่ค่อยๆ แทรกซึม พร้อมๆ กับบูมแคมเปญใหญ่เฉลี่ย 1-2 ปีครั้ง เสถียร บอก ที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า เรามาถูกทาง จากผลงานที่ถือว่าก้าวมาได้มากกว่าเป้าหมาย
ยอดส่งออกต่างประเทศหลัก 700-800 ล้านบาท กับส่วนแบ่งตลาดกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ ยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาทจากตลาดรวม 14,000 ล้านบาท เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้วกับ คาราบาวแดง แต่สำหรับ 2-3 ปีข้างหน้า เสถียร บอก จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง....อีกครั้ง!
"จากประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราแม่นยำในการทำตลาด ต้องยอมรับหลายปีมานี้เราลองผิดลองถูก และเชื่อว่าเราทำถูกขึ้นเรื่อยๆ ในภาวะเศรษฐกิจปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี (2552) ทุกคนรับผลกระทบกันทั่วโลก พอครึ่งปีหลัง (2552) เราก็ดึงยอดขายกลับมาได้"
ความนิยมที่มีต่อแบรนด์ คาราบาวแดง เปรียบเป็นทุนที่สั่งสมมายาวนานตลอด 7 ปีที่ผ่านมา "สาวบาวแดง" เสมือนกองทัพมดที่แทรกซึม ทำงาน แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มิวสิคมาร์เก็ต กลไกที่ยังเดินเครื่องไม่หยุดหย่อนผ่าน แอ๊ด คาราบาว และที่สำคัญ ทีมงานที่แข็งแกร่งขึ้นจากประสบการณ์จริง สร้างความมั่นใจอย่างมากให้เสถียร ว่า ขอเพียงอีกหนึ่งก้าวกระโดดสำคัญที่จะนำ คาราบาวแดง ก้าวถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
"เราต้องการอีกหนึ่งก้าวกระโดด ในเชิงของธุรกิจแล้ว ถ้าเราไปอีกก้าวกระโดดใหญ่ๆ จะทำให้เกิดการพลิกผัน เหมือนที่เราเห็น สิงห์ กับช้าง คนที่เล่นอยู่ในเกมจะรู้ว่าวันหนึ่งจะมี Turning Point อยู่ ซึ่งถ้าใครเดินไปถึงตรงนั้นได้ วันนั้นจะชนะ และ 2-3 ปีข้างหน้าคิดว่านั่นจะเป็น Turning Point สำคัญของคาราบาวแดง"
เกมที่สร้างขึ้นตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง และคาดหมายถึงการล้มแชมป์ ยังเป็นเป้าหมายระยะไกลที่แม่ทัพใหญ่ คาราบาวแดง ต้องแสดงฝีมือ
งานนี้ อ่านเกมถูก เท่ากับ คาราบาวแดง สร้างปรากฏการณ์ใหม่..ได้สำเร็จ
แต่หาก เดินเกมผิด เห็นทีคงต้องเหนื่อยกันอีกยาว