จากประชาชาติธุรกิจ
เอ็กเซล พร็อพเพอร์ตี้ฯกลุ่ม ซัมมิท ยื่นขอใบอนุญาต เปลี่ยนอาคารที่พักอาศัย-พาณิชยกรรม -จอดรถยนต์ เป็น โรงแรม "ซัมมิท พาวินเลี่ยน สุวรรณภูมิ" ถกเถียงกันฝุ่นตลบ ก่อนหารือ ด่วนที่สุด "กฤษฎีกา" ฟันธง ต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเปลี่ยนการใช้อาคาร ก่อนขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม มหาดไทย เตือนผู้ว่าราชการจังหวัดเข้มงวดเปลี่ยนแปลงการใช้อาคาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลายปี 2552 บริษัท เอ็กเซล พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด โดยนายอัครพงศ์ จุฬางกูร ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม "ซัมมิท พาวินเลี่ยน สุวรรณภูมิ" ตั้งอยู่เลขที่ 55 ซอยพัฒนาการ 65 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร จำนวนห้องพัก 79 ห้อง โดยอาคารดังกล่าวเป็นอาคารที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างใช้เป็น " อาคารที่พักอาศัย- พาณิชยกรรม-จอดรถยนต์ " จำนวนทั้งหมด 14 ชั้น
นายอัครพงศ์ จุฬางกูร ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้ยื่นใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.1 ) เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาต ประกอบธุรกิจโรงแรม
แต่ปรากฎว่า กรมการปกครองและกรมโยธาธิการและผังเมืองมีความเห็นต่างกัน ในเรื่องการยื่นหลักฐานประกอบการพิจารณาขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โดยใช้ใบรับรองการตรวจสอบอาคาร
ต่อมา กระทรวงมหาดไทย จึงขอหารือ ด่วนที่สุด มายังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหารือในประเด็นข้อกฎหมาย 2 ประเด็น ดังนี้
1 . อาคารดังกล่าวซึ่งเป็นอาคารที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างใช้เป็น " อาคาร -ที่พักอาศัย-พาณิชยกรรม-จอดรถยนต์ " ไม่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้อยู่เดิม
และยังไม่ได้เปลี่ยนการใช้อาคารดังกล่าวเพื่อเป็นโรงแรม
หากผู้ยื่นคำขอนำเอกสารใบรับรอง การตรวจสอบอาคาร (แบบ ร. 1) มายื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม นายทะเบียนโรงแรมจะอาศัยใบรับรองดังกล่าวออกใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจโรงแรม ได้หรือไม่
2 . ถ้าหากอาคารดังกล่าวเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้อยู่เดิมที่ไม่เป็นอาคาร โรงแรม แต่ไม่ได้เปลี่ยนการใช้อาคารเพื่อเป็นโรงแรม หากนำใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.1 ) มายื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม นายทะเบียนโรงแรมจะอาศัยใบรับรองดังกล่าวออกใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจโรงแรม ได้หรือไม่ ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 5 ) ได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวง มหาดไทย โดยมี กรมการปกครองและกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กรมการปกครองได้มีหนังสือหารือไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้นำประเด็นตามข้อหารือดังกล่าวหารือต่อคณะ กรรมการควบคุมอาคารแล้วมีความเห็นว่า เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ซึ่งไม่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ หากประสงค์จะใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการประเภทควบคุมการใช้ จะต้องยื่นคำขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารก่อน เมื่อได้รับใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารแล้วจึงจะขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการ โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมได้
ส่วนใบรับรองการตรวจสอบอาคารนั้น มีเจตนารมณ์เพื่อตรวจสอบว่าสภาพอาคารและอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ของอาคารสามารถใช้งานได้เพื่อความปลอดภัยในการใช้อาคาร ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่แตกต่างจากการออกใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารที่ต้อง ตรวจการใช้อาคาร ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้น ใบรับรองการตรวจสอบอาคารจึงไม่สามารถใช้แทนใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารได้ โดยกรมการปกครองได้แจ้งเวียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว สำหรับ ประเด็นที่หนึ่ง เห็นว่า มาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ กำหนดให้โรงแรมเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ ประกอบกับมาตรา 33 ได้กำหนดห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารซึ่งไม่เป็นอาคารประเภทควบคุม การใช้ ใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารเพื่อกิจการตามมาตรา 32 และห้ามเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารเปลี่ยนการใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้ สำหรับ กิจการหนึ่งไปใช้เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้สำหรับอีกกิจการหนึ่ง เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือได้แจ้งให้เจ้าพนักงาน ท้องถิ่นทราบแล้ว
และข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2528 ) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฯ กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารซึ่งไม่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ ตามมาตรา 32 หากประสงค์จะใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการประเภทควบคุมการใช้ หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารซึ่งเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ประสงค์จะ เปลี่ยนการใช้อาคารไปใช้เป็นอาคารสำหรับอีกกิจการหนึ่ง ต้องยื่นคำขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ปรากฏว่า อาคารดังกล่าวเป็นอาคารที่พักอาศัย- พาณิชยกรรม-จอดรถยนต์ ซึ่งมิได้เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ หากประสงค์จะเปลี่ยน
การใช้อาคาร เป็นโรงแรมซึ่งเป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ตามมาตรา 32 ก็จะต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฯ และข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง (ฉบับที่ 10 )ฯ และเมื่อได้รับใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารแล้ว จึงจะดำเนินการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้ สำหรับใบรับรองการตรวจสภาพอาคารตามข้อ 9 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551 นั้น เห็นว่า เป็นการรับรอง
สภาพ อาคารในเรื่องโครงสร้างและอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้อาคารเป็นหลัก อันเป็นวัตถุประสงค์ที่แตกต่างจากการเปลี่ยนประเภทการใช้อาคาร
นายทะเบียนจึงไม่สามารถใช้ใบรับรองดังกล่าวเป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมแทนใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารได้ ประเด็นที่สอง เห็นว่า อาคารควบคุมการใช้ที่เป็นอาคารประเภทอื่นที่ไม่ใช่โรงแรม หากต่อมาประสงค์จะขออนุญาตใช้อาคารนั้นประกอบธุรกิจโรงแรม เจ้าของหรือ
ผู้ ครอบครองอาคารก็ต้องขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม มาตรา 33 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 2) ประกอบข้อ 4 ] แห่งกฎกระทรวง (ฉบับที่ 10)ฯ เช่นกัน.