จากประชาชาติธุรกิจ
ผลไม้ตระกูลผิวดี
คอลัมน์ HEALTH
โดย นับดาว
รู้หรือไม่ ว่า หลักการดูแลผิวสวยง่าย ๆ เริ่มด้วยการ "กิน" นี่แหละ !! ราชเทวีคลินิกได้รวบรวม "ผลไม้ตระกูลผิวดี" มาแนะนำให้ทราบ ดูซิว่าผลไม้แต่ละอย่างมีสารอะไร และมีส่วนช่วยดูแลผิวให้เราอย่างไรบ้าง
มะพร้าว ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขาวนวลขึ้นจากภายในสู่ภายนอก ในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย จึงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส
ฝรั่ง มีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 ธาตุเหล็ก แคลเซียม และมีวิตามินซีมากกว่าผลไม้อื่น ๆ วิตามินซีเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวพรรณ เพราะมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย มีฤทธิ์เป็นไวเทนนิ่งที่ดี ทำให้ผิวเนียนใส
สับปะรด ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยหมองคล้ำ ช่วยย่อยอาหาร เสริมสร้างการดูดซึมอาหารของร่างกาย และช่วยลดความร้อนของร่างกาย
ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ที่สำคัญ ช่วยให้ผิวสดใสมีเลือดฝาด
องุ่น ช่วยเรื่องริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ และกระชับผิว กระตุ้นความสดชื่นได้เร็ว เพราะน้ำตาลในองุ่นเป็นน้ำตาลธรรมชาติ ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลย ช่วยเร่งในการเผาผลาญได้มากยิ่งขึ้น น้ำองุ่นสด ๆ จะมีแร่ธาตุครบถ้วน ทั้งแคลเซียม ทองแดง กรดโฟลิก ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีผลไม้อื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมาก เลือกทานได้ตามรสนิยมและเงินในกระเป๋า !!
สมดุลชีวิตกับ"ลมหายใจ"
การ ออกกำลังกายใช่ว่าจะต้องรุนแรงหักโหมเสมอไป "ไทชิ" เป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ สามารถเผาผลาญพลังงานได้ โดยไม่ต้องเสียเหงื่อ เพราะเป็นศาสตร์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากมวยจีนซึ่งเน้นความอ่อน เบา ช้า ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เน้นการกำหนดลมหายใจเข้าลึก-ออกยาว มากกว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างเดียว จึงทำให้เกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย สำหรับ ผู้สนใจ "ดิโอลิมปิค คลับ" ชั้น 8 โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส เปิดโอกาสให้พิสูจน์ความมหัศจรรย์นี้ และตลอดเดือนกุมภาพันธ์สมัครสมาชิกรายปีสำหรับวันหยุด ลด 35% ทันที
ยาคุม...ไร้เอสโตรเจน
ยา คุมกำเนิดเป็นอีกสิ่งจำเป็นสำหรับเพศหญิงในวัยเจริญพันธุ์ ปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมยาคุมกำเนิดรุ่นใหม่เพื่อให้เหมาะกับ ผู้หญิงที่มีสุขภาพแตกต่างกัน โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ผศ.น.พ .มานพชัย ธรรมคันโธ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เล่าถึงนวัตกรรมยาคุมกำเนิด ไร้เอสโตรเจน ยาคุมชนิดนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมที่ใช้กัน อยู่ทั่วไป แต่ให้ประโยชน์ในการลดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ได้ดีกว่า เช่น อาการปวดไมเกรน คลื่นไส้ เป็นฝ้า น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ฯลฯ
ยาคุมชนิด นี้เหมาะสำหรับสตรีที่ให้นมบุตร สามารถทานได้ตั้งแต่ 3 สัปดาห์แรกของการคลอดบุตร ซึ่งจะไม่มีผลข้างเคียงต่อน้ำนมแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังใช้ได้ในสตรีที่ควบคุมน้ำหนัก ผู้สูบบุหรี่ ผู้ที่มีอายุมากว่า 35 ปีขึ้นไป และสตรีที่ไม่สามารถทนผลข้างเคียง ต่อการแพ้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
นี่คืออีกหนึ่งทางเลือก...สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่ไม่ต้องทนต่ออาการข้างเคียงของยาคุมกำเนิดอีกต่อไป
เมื่อมีปัญหาท้องผูก
ทุก วันนี้ 1 ใน 3 ของผู้หญิงไทยต้องทนทุกข์กับปัญหาท้องผูก เพราะความเครียดและวิถีชีวิตที่เร่งรีบ จึงไม่สามารถเลือกอาหารที่มีกากใยเพียงพอ หรือทานอาหารผิดหลักโภชนาการ
รศ.พญ.บุษบา วิวัฒน์เวคิน หัวหน้าหน่วยโรคทางเดินอาหารภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การรักษาระบบขับถ่ายให้ดีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากท้องผูกนอกจากจะทำให้อึดอัด ไม่สบายตัวแล้ว ยังมีโอกาสที่จะนำไปสู่โรคอื่น ๆ ได้อีก เช่น ริดสีดวง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฯลฯ
ปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เป็นโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ส่วนหนึ่งเกิดจากการอั้นปัสสาวะและกลั้นอุจจาระ การที่มีอุจจาระค้างในลำไส้ตรงและลำไส้ใหญ่ส่วนปลายนาน ๆ จะทำให้ลำไส้ส่วนที่มีอุจจาระค้างโค้งงอไปกดเบียดบนกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ และถ้ากระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรังก็จะลามไปถึงกรวยไตอักเสบอีกด้วย
คุณ หมอบอกว่า เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก นอกจากรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ออกกำลังเป็นประจำ ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ลองเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับร่างกายด้วยการรับประทานโยเกิร์ตที่มี จุลินทรีย์โพร ไบโอติกส์ที่มีผลวิจัยทางการแพทย์รับรองว่า มีความทนทานและช่วยระบบขับถ่าย โดยรับประทานวันละ 1 ถ้วย ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ก็จะ เห็นผล เพราะจุลินทรีย์ชนิดนี้ในโยเกิร์ตจะช่วยปรับสมดุลในระบบขับถ่ายให้กลับมา เป็นปกติได้
Chiromed Clinic หยุดอาการปวดหลังโดยไม่ต้องผ่าตัด
ศาสตร์ แห่งการจัดกระดูกที่เรียกว่า "ไคโรแพรคติก" ถือเป็นการรักษาแนวใหม่ที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้ "Chiromed Clinic" หนึ่งในคลินิกชั้นนำที่เชี่ยวชาญศาสตร์การจัดกระดูกแบบผสมผสานเข้ากับ เวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้นำหลักการ "แอ็กทีฟเทอราปี" มาใช้ในการรักษา ภายใต้การควบคุมดูแลของ ดร.มนต์ทณัฐ (รุจน์) โรจนศรีรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ก่อตั้งคลินิกแห่งนี้
แอ็กทีฟเทอราปีประกอบ ด้วยหลัก 3 ประการ คือ 1.รักษาสมดุลของโครงสร้างร่างกาย 2.การใช้ลักษณะท่าทางที่ถูกต้อง 3.การออกกำลังกายในเชิงป้องกัน ทั้งหมดก็คือนำการ ออกกำลังกายเชิงป้องกันมาผสมผสานการรักษาควบคู่ไปด้วย เพราะการแก้ปัญหาปวดหลังให้ได้ผลในระยะยาวนั้นจะต้องพัฒนาความแข็งแรงและ ความยืดหยุ่นของโครงสร้าง ร่วมกับการแก้ไขส่วนโครงสร้างที่ผิดรูป โดยมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยพร้อมผู้เชี่ยวชาญที่จะแนะนำการออกกำลังกายที่ไม่ฝืน ธรรมชาติ ซึ่งการรักษานี้จะช่วยฟื้นฟูคนไข้และห่างไกลจากเตียงผ่าตัดได้อย่างไม่น่า เชื่อ
คุณหมอยังได้แนะนำวิถีการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไว้ว่า พฤฒิกรรมการเดิน นั่ง ยืน การยกของในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เดินหลังงอ นั่งไขว่ห้าง ยืนหลังแอ่น การถือหรือสะพานกระเป๋าด้วยแขนหรือไหล่ข้างเดียว ล้วนเป็นพฤฒิกรรมที่มีผลให้โครงสร้างร่างกายผิดรูปได้ทั้งสิ้น ทางที่ดีเราควรปรับเปลี่ยนพฤฒิกรรมการใช้อิริยาบถต่าง ๆ ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้กระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อทำงานผิดไปจากปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุเบื้องต้นของอาการปวดหลังนั่นเอง
สนใจนัดปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ไคโรเมค คลินิก ชั้น 3 อาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 0-2713-6745-6 เปิดบริการทุกวัน