จากประชาชาติธุรกิจ
จากการประชุมทางวิชาการ เรื่อง "หลักการสำคัญทางกฎหมายสิ่งแวดล้อมและมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม" เนื่องในโอกาสครบรอบ 9 ปีศาลปกครอง ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมจากหลายชาติเข้าร่วมงานจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ณ อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ
ประชา ชาติธุรกิจ สรุปโมเดลการพัฒนาการทางกฎหมายสิ่งแวดล้อมในหลายประเทศมานำเสนอดังนี้ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.prachachat.net)
ประเทศญี่ปุ่น มีการฟ้องคดีของผู้เสียหาย โดยการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษที่ร้ายแรง ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ริเริ่มในการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม ของประชาชน การฟ้องคดีและการตัดสินคดีสิ่งแวดล้อมที่มีลักษณะควบคู่กับการพัฒนานโยบาย สิ่งแวดล้อม
ประเทศเกาหลี ยุคใหม่ของกฎหมาย สิ่งแวดล้อมในเกาหลีคงต้องมองไปที่ "พระราชบัญญัติกำหนดกรอบการทำงานว่าด้วยการเจริญเติบโตเชิงอนุรักษ์แบบ คาร์บอนต่ำ" (GGA) ปี 2552 ได้วางกรอบการทำงานทางกฎหมายสำหรับมาตรการในการลดก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริม การลงทุนและการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และยังได้มีการบังคับให้รัฐบาลต้องส่งเสริมการปฏิรูปทางการเงินและภาษีเพื่อ ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเชิงอนุรักษ์ให้มากขึ้นรวมถึงต้องผลักดันมาตรการ ลดการใช้พลังงานและลดการพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานฟอสซิล โดยแต่เดิมนั้น พ.ร.บ.นี้ได้รวมเอาการสนับสนุนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากได้รับการ คัดค้านจากฝ่ายค้าน
กฎหมาย สิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป (EU) โดยสนธิสัญญาลิสบอนซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับล่าสุด มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2009 ได้มีการบัญญัติหลักเกณฑ์ในเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ที่ยั่งยืน และยังมีสนธิสัญญาว่าด้วย บทบาทหน้าที่ของสหภาพยุโรป (TFEU) โดยข้อ 191 แห่งสนธิสัญญา TFEU ได้กำหนดวัตถุประสงค์และหลักการ เกี่ยวกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป
เช่น การสงวนรักษาและปรับปรุงคุณภาพของสิ่งแวดล้อม การให้ความคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ส่งเสริมให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างรอบคอบ และเพื่อส่งเสริมมาตรการในระดับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิด ขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโลกร้อน
ประ เทศเนเธอร์แลนด์ มีมาตรการที่เคร่งครัดเพื่อควบคุมมลพิษทางสิ่งแวดล้อม เพื่อที่สามารถให้ความมั่นใจได้ว่าสิ่ง แวดล้อมในประเทศจะสะอาด แต่ภายหลังการเกิดขึ้นของ EU ภายในสังคมและการเมืองของเนเธอร์แลนด์ตัดสินใจเลือกที่จะดำเนินการด้านสิ่ง แวดล้อมตาม EU มากกว่ามาตรการเดิมภายในประเทศที่เคยใช้มา
ประเทศ เยอรมนี ดั้งเดิมมีกฎหมาย สิ่งแวดล้อมแยกตามประเภท ซึ่งจากกฎหมายนี้ก็เป็นรากฐานให้เกิดกฎหมาย สิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยลักษณะของกฎหมายทั่วไปนี้ส่วนมากมีที่มาจากกฎหมายสิ่งแวดล้อมของสหภาพ ยุโรป
ดังนั้นเมื่อสหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายลำดับรองนับร้อยฉบับว่า ด้วยเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม โดยได้ปรากฏอยู่ในทุกบทบัญญัติของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีอิทธิพลต่อกฎหมายเยอรมันอย่างชัดเจน