เปิดแถลงการณ์สภาทนายความ วิพากษ์"นิติราษฎร์"..การโกงบ้านโกงเมืองนั้น เลวร้ายยิ่งกว่าการรัฐประหาร
จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 27 กันยายน 2554 นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ ได้ออกแถลงการณ์สภาทนายความ ฉบับที่ 2/ 2554 เรื่อง คำแถลงของกลุ่มนิติราษฎร์ สาระสำคัญ มีดังนี้
ตามที่กลุ่มนิติราษฎร์ประกอบด้วยอาจารย์สาขากฎหมายมหาชน 7 คน จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2554 ในหัวข้อ “การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ” และการชี้แจงเพิ่มเติมของกลุ่มดังกล่าวสรุปได้ว่า กลุ่มนิติราษฎร์ได้เสนอให้ลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 , การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 , กระบวนการยุติธรรมกับผู้ต้องหาหรือจำเลย และการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 , การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยชี้แจงเพิ่มเติมว่ามีตัวอย่างในต่างประเทศที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแล้ว นั้น
สภาทนายความเห็นว่า ประเด็นการนำเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์อาจทำให้ประชาชนที่ยังไม่ทราบข้อเท็จ จริงในระบบประชาธิปไตยภาคปฏิบัติของประเทศอย่างถ่องแท้ที่แตกต่างกับนัก วิชาการและโดยที่เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ของสภาทนายความในการช่วยเหลือ ประชาชนทางกฎหมายให้รู้เท่าทันกลไกการเมืองและนักวิชาการบางท่าน
สภาทนายความจึงขอให้ความเห็นทางกฎหมายอันอาจเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปดังนี้
1. สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารที่ล้มล้างรัฐบาลที่ใช้อำนาจบริหาร โดยชอบธรรม เนื่องจากเป็นการทำให้ระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องสะดุดและต้องเริ่มต้นใหม่ตลอดมาถึง 17 ครั้ง สำหรับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็มีเหตุผลเช่นเดียวกัน
สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ใช้อำนาจบริหารในขณะนั้นได้ใช้อำนาจ เงินครอบงำพรรคการเมืองอื่น จนสามารถรวบรวมเป็นพรรคการเมืองที่มีอำนาจเด็ดขาดในรัฐสภา ใช้อำนาจบริหารและอำนาจเงินครอบงำสื่อสารมวลชน และองค์กรอิสระ จนทำให้การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐไม่บรรลุผล ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมีการทุจริต ประพฤติมิชอบ เพื่อหาประโยชน์แก่ตนเอง และพวกพ้อง จนกระทั่งเป็นเหตุให้มีการรัฐประหาร
รัฐบาลผู้ใช้อำนาจบริหารก็ดี สภานิติบัญญัติ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ และศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งใช้อำนาจตุลาการที่มีการดำเนินการหลังการรัฐประหาร มีส่วนที่สร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้แก่ประชาชน มีการตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และมีส่วนในการสร้างความสงบสุขให้เกิดแก่สังคม ซึ่งไม่ควรให้ตกเป็นเสียเปล่า หรือไม่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงรัฐบาล และรัฐสภาในปัจจุบันต่างก็มีที่มาจากกระบวนการที่ต่อเนื่องจากการรัฐประหาร ทั้งสิ้น อันไม่สมควรให้สิ้นผลตามข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร
2 . การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการกระทำที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เป็นการช่วยให้การสอบสวนในคดีที่มีความสับสนและการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่มี กลไกสนับสนุนจากนักการเมือง เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ต้องส่งแก่อัยการสูงสุด และนำไปฟ้องยังศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมือง และวิธีพิจารณาในศาลฎีกาดังกล่าว เป็นศาลและวิธีพิจารณาที่อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งใช้บังคับก่อนที่จะมีการรัฐประหาร จำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ และมีบางคดีที่ศาลดังกล่าวมีคำพิพากษายกฟ้อง ซึ่งเป็นหลักประกันความยุติธรรมให้แก่จำเลยได้เป็นอย่างดี
3 . ความผิดทางอาญาตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น อยู่ในหมวดของความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร เป็นตัวบทกฎหมายซึ่งมีที่มาจากประวัติศาสตร์ของชาติไทยอันมีความผูกพันกับ พระมหากษัตริย์อยู่ในทุกรัฐธรรมนูญ เมื่อพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมาย ทรงไม่อาจดำเนินการใด ๆ โดยลำพัง การดำเนินการใด ๆ ของพระมหากษัตริย์ต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
รัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา จะมีบทบัญญัติให้องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพ สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ดังนั้น มาตรา 112 ดังกล่าว จึงมุ่งที่จะคุ้มครองพระมหากษัตริย์มิให้มีผู้ใด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย และให้ความสำคัญเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมีโทษรุนแรง สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ดังกล่าว
4. การประกาศใช้รัฐธรรมนูญในประเทศไทย มีมาหลายฉบับแล้ว ในฉบับหลัง ๆ มักจะมีการเพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนที่แก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ก็เป็นรัฐธรรมนูญที่มีการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน การนำรัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาใช้บังคับ ย่อมทำให้ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาต้องสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนย่อมต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็ม ที่ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของกลุ่มนักการเมืองและพวกพ้อง ย่อมต้องได้รับการคัดค้านอย่างเต็มที่
5. อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มนิติราษฎร์ได้ชี้แจงเวลาต่อมาว่า มิได้เสนอให้ลบล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เป็นการทั่วไป แต่ที่ให้ลบล้างรัฐธรรมนูญดังกล่าว เนื่องจากมีการนิรโทษกรรมการรัฐประหาร สภาทนายความเห็นว่า เป็นการเลือกใช้หลักการที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มที่ตนเองต้องการสนับสนุนเท่า นั้น มิได้ยึดถือหลักการที่ต้องใช้เป็นการทั่วไป
6 . ตัวอย่างที่กลุ่มนิติราษฎร์นำเสนอว่าเคยมีกรณีลบล้างคำพิพากษาและการกระทำ ที่เสียเปล่าในนานาอารยประเทศ นั้น เป็นกรณีการกระทำที่เกิดขึ้นจากอำนาจเผด็จการที่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีการรัฐประหารและทำการตรวจสอบความผิดของผู้มีอำนาจบริหารประเทศที่ใช้ อำนาจแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง อีกทั้งในประเทศไทยก็เคยมี กรณีที่ศาลยุติธรรมมีคำพิพากษาไม่ยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหารที่ไม่ชอบด้วย กฎหมายเช่นกัน
การยกตัวอย่างในประเทศเยอรมัน ความเสียเปล่าของกลุ่มนาซี กลุ่มเสียเปล่าใน ระบบวิซี(Vichy) ในประเทศฝรั่งเศสรวมถึงคำพิพากษาลงโทษบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือผู้หลบหนีลี้ ภัยนาซีจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในประเทศกรีกและในประเทศตุรกี นั้น สภาทนายความเห็นว่า ระบบการเมืองและระบบกฎหมายของประเทศที่กล่าวอ้างมานั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ระบบการเมืองในประเทศไทยที่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ ให้แก่ปวงชนชาวไทยโดยมิได้มีการเสียเลือดเนื้อ และไม่เคยมีการทำร้ายเข่นฆ่ากันแต่อย่างใด เพียงแต่มีนักการเมืองบางคนที่สืบทอดเจตนารมณ์ทางการเมืองในระบอบ ประชาธิปไตยนั้น ทุจริตคิดมิชอบต่อทรัพย์สินของรัฐอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุให้มีการรัฐประหารช่วงชิงอำนาจกันตลอดมา
พระมหากษัตริย์ของประเทศไทยได้ต่อสู้กับอริราชศัตรูอย่างยากลำบาก จนสามารถก่อตั้งประเทศขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ได้เสียดินแดนเพื่อเสริมสร้างอิสรภาพเพื่อให้ทุกคนได้อยู่อย่างร่มเย็นเช่น ทุกวันนี้ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ที่สืบทอดตลอดมา
7 . สภาทนายความขอตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มนิติราษฎร์เสนอให้ส่วนที่เป็นผลร้ายต่อนักการเมืองในอดีตเป็นอันสูญ เปล่า เสียไป แต่กลับเป็นประโยชน์ต่ออดีตนักการเมืองมากกว่าการแสวงหาความยุติธรรมให้แก่ สังคม การฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ ซึ่งไม่มีนักการเมืองคนใดที่จะทำให้สังคมไทยรับรู้ว่าการโกงบ้านโกงเมือง นั้น เลวร้ายยิ่งกว่าการรัฐประหารที่มุ่งทำลายความเลวของนักการเมืองบางคนและ กระทำการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงที่ประชาชนให้การรับรอง ประชาชนควรต้องติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของกลุ่มนิติราษฎร์อย่างใกล้ชิดต่อไป
(นายสัก กอแสงเรือง)
สภาทนายความ
27 กันยายน 2554
สภาทนายฯค้านแนวคิดนิติราษฎร์
จาก โพสต์ทูเดย์
สภาทนายความออกแถลงการณ์ ค้านกลุ่มนิติราษฎร์ ยัน ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจบริหารครอบงำองค์กรอิสระ
เมื่อเวลา 11.00 สภาทนายความได้จัดแถลงข่าวเรื่องข้อเสนอขของคณะนิติราษฏรขึ้น นำโดย นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ พร้อม นายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายนโยบายและแผนงาน นายไสว จิตเพียร อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ
สัก
นายสัก เปิดเผยว่า แถลงการณ์ของกลุ่มนิติราษฏร์ที่ออกมา อาจทำให้ปชช.สับสนในความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข สภาทนายความ ซึ่งมีหน้าที่เผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย จึงได้ออกแถลงการณ์ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจกลไกทางการเมือง และกลไกของนักวิชาการบางท่านมากขึ้น โดยได้แบ่งข้อเสนอ ออกมาตอบโต้กลุ่มนิติราษฏร์ โดยแบ่งออกเป็น 7 ข้อ ได้แก่
1.สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ล้มรัฐบาล ที่ใช้อำนาจโดยชอบธรรม แต่ก็ ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจบริหารครอบงำ จนเป็นเผด็จการรัฐสภา อย่างไรก็ตามรัฐประหารที่ผ่านมามีการตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน จึงไม่ควรทำให้กฎหมายทั้งหมดเป็นโมฆะ หรือเสียเปล่า
2.การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารนั้น เป็นกลไกเพื่อช่วยให้การสอบสวนในคดีที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ก็ต้องผ่านกลไกของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ก่อนการรัฐประหาร พร้อมกับเปิดโอกาสให้จำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จึงไม่สมควรที่จะต้องแก้ไข
3.ความผิดทางอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น สภาทนายความเห็นว่าเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร และเป็นตัวบทกฎหมายที่มาจากรากฐานประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวพันกับพระมหากษัตริย์ในรัฐธรรมนูญ คือเมื่อพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และไม่ใช้พระราชอำนาจโดยลำพัง จึงเห็นควรให้มีกฎหมายดังกล่าวต่อไป เพื่อคุ้มครองพระมหากษัตริย์มิให้ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย และคงไว้ซึ่งโทษรุนแรงต่อไป
4.การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้มีการแก้ไขสิ่งที่เคยเกิดขึ้น และเป็นข้อผิดพลาดหรือช่องโหว่ของกฎหมายในอดีตมาปรับใช้ หากจะยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ก็ย่อมทำให้ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย
5.การใช้รธน.เพื่อลบล้างบทบัญญัติ เนื่องจากมีการนิรโทษกรรมการรัฐประหาร สภาทนายความเห็นว่า เป็นการเลือกใช้หลักการที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายนักการเมืองที่เป็นประโยชน์ ต่อกลุ่มที่ตนเองต้องการสนับสนุน ไม่ได้ยึดถือหลักการที่ต้องใช้เป็นการทั่วไป
6. ตัวอย่างที่นิติราษฏร์ชี้แจงว่ามีการลบล้างคำพิพากษา เพืและการกระทำที่เสียเปล่าในต่างประเทศ โดยยกตัวอย่างในประเทศเยอรมัน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศกรีก และประเทศตุรกีนั้น สภาทนายความเห็นว่าเกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เพราะประเทศเหล่านี้ล้วนมีการฆ่าเข่นฆ่ากันจนเสียเลือดเนื้อ แต่ประเทศไทยไม่เคยเกิดขึ้น แต่กลับมีนักการเมืองบางคนทุจริต และคิดมิชอบต่อทรัพย์สินของรัฐมาอย่างต่อเนื่อง
และ 7. สภาทนายความเห็นว่า สิ่งที่กลุ่มนิติราษฏร์เสนอจะทำให้ส่วนที่เป็นผลร้ายต่อนักการเมืองในอดีต สูญเปล่า และเป็นประโยชน์กับอดีตนักการเมืองมากกว่าจะแสวงหาความยุติธรรมให้กับสังคม ซึ่งถือว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงของนักการเมืองแต่ละคนนั้น เลวร้ายกว่าการรัฐประหารอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายสักยังได้เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวอีกว่า หากกลุ่มนิติราษฏร์อยู่เฉย ๆ ไม่ออกแถลงการณ์ดังกล่าวออกมา บ้านเมืองก็มีความสงบอยู่แล้ว แต่พอภายหลังกลุ่มนิติราษฏร์ออกแถลงการณ์มาก็ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ครั้ง จึงขอเรียกร้องให้นักวิชาการกลุ่มนี้ออกไปพบปะประชาชน และหาประสบการณ์ในการรับใช้ประชาชนในแง่มุมทางกฎหมายมากกว่าที่จะออกข้อเสนอ ให้เกิดความแตกแยกเช่นนี้
ส่วนข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฏร์จะเอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่นั้น นายสักกล่าวว่า ประชาชนสามารถพิจารณาได้เอง และทางสภาทนายความจะยังไม่ขอเคลื่อนไหวต่อ แต่จะรอดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฏร์และรัฐบาลต่อไป พร้อมกับขอยืนยันว่าข้อเสนอทั้ง 7 ข้อเป็นเพียงการให้ข้อมูลกับประชาชน ในฐานะองค์กรที่มีการทำงานรับใช้ประชาชนมาโดยตลอดเท่านั้น
สภาทนายตอก"นิติราษฎร์"หวังลบล้างผลรัฐประหาร-กระบวนยธ.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"สภาทนาย"ออกแถลงการณ์ตอกกลับข้อเสนอ "นิติราษฎร์" หวังลบล้างผลรัฐประหาร–กระบวนการยุติ-แก้ก.ม.หมิ่นเบื้องสูง เอื้ออดีตนักการเมือง
นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ พร้อมคณะ ออกแถลงการณ์สภาทนายความ กรณีคณะนิติราษฎร์ ที่ประกอบด้วยอาจารย์สาขากฎหมายมหาชน 7 คนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 18 ก.ย. หัวข้อ "การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 49" เสนอให้ลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ,การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 และยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 , กระบวนการยุติธรรมกับผู้ต้องหาหรือจำเลย และการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.49
โดยสภาทนายความตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มนิติราษฎร์ เสนอให้ส่วนที่ผลร้ายต่อนักการเมืองในอดีตเป็นอันสูญเปล่าเสียไป แต่กลับเป็นประโยชน์ต่ออดีตนักการเมืองมากกว่า การแสวงหาความยุติธรรมให้แก่สังคม การฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศซึ่งไม่มีนักการเมืองคนใดที่จะทำให้สังคมไทยรับรู้ว่าโกงบ้านโกงเมืองนั้น เลวร้ายยิ่งกว่าการรัฐประหารที่มุ่งทำลายความเลวของนักการเมืองบางคนและกระทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงที่ประชาชนให้การรับรอง ซึ่งประชาชนควรต้องติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของกลุ่มนิติราษฎร์อย่างใกล้ชิดต่อไป
นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารที่ล้มล้างรัฐบาลที่ใช้อำนาจบริหารโดยชอบธรรม เนื่องจากเป็นการทำให้ระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต้องสะดุดและต้องเริ่มต้นใหม่ถึง 17 ครั้ง
แต่สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ใช้อำนาจเงินครอบงำพรรคการเมืองอื่น จนเป็นพรรคการเมืองที่มีอำนาจเด็ดขาดในรัฐสภา และใช้อำนาจบริหาร อำนาจเงินครอบงำสื่อสารมวลชนและองค์กรอิสระ จนสามารถรวมเป็นพรรคการเมืองที่มีอำนาจเด็จขาดในรัฐสภา ทำให้การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐไม่บรรลุผล มีการทุจริตประพฤติมิชอบเพื่อหาประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง จนกระทั่งเป็นเหตุให้มีการรัฐประหาร
ขณะที่การใช้อำนาจตุลาการที่ดำเนินการหลังรัฐประหาร มีส่วนสร้างสรรค์ความสงบสุขแก่สังคมและการตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน จึงไม่ควรให้ตกเป็นการเสียเปล่า หรือไม่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงรัฐบาลและรัฐสภาในปัจจุบันต่างมีที่มาจากกระบวนการที่ต่อเนื่องจากการรัฐประหารทั้งสิ้นอันไม่สมควรให้สิ้นผลตามข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์
ส่วนการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งอยู่ในหมวดความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร และเพื่อปกป้องสถาบันเบื้องสูง มิให้ผู้ใดดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายนั้น ทนายสัก กล่าวว่า การที่คณะนิติราษฎร์ออกแถลงการณ์ให้แก้ไขมาตรา 112 สภานายความไม่เห็นด้วย
และที่กลุ่มนิติราษฎร์ออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้ให้ลบล้างรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว ปี 2549 และฉบับปี 2550 เป็นการทั่วไป แต่ให้ลบล้างรัฐธรรมนูญที่มีการนิรโทษกรรมการรัฐประหารนั้น สภาทนายความเห็นว่าเป็นการเลือกใช้หลักการที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มที่ตนเองต้องการสนับสนุนเท่านั้น ไม่ได้ยึดถือหลักการทั่วไป
และที่กลุ่มนิติราษฎร์นำเสนอว่าเคยมีกรณีลบล้างคำพิพากษาและการกระทำที่เสียเปล่าในนานาอารยประเทศนั้น เป็นกรณีการกระทำที่เกิดจากอำนาจเผด็จการที่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีการรัฐประหารและทำการตรวจสอบความผิดของผู้มีอำนาจบริหารประเทศ ที่แสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง ระบบการเมืองไทยกับต่างประเทศนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การนำแนวคิดต่างประเทศที่มีเหตุการณ์รุนแรงมาเผยแพร่จะต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมได้
"สภาทนายความไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวจะก่อให้สังคมเกิดแตกแยกทางความคิด ขณะนี้รัฐบาล รัฐสภาและประชาชน ต้องการปรองดองให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ โดยเห็นว่ากลุ่มดังกล่าวไม่ควรใช้คำว่าคณะนิติราษฎร์ แต่ควรใช้ กลุ่มนิติราษฎร์มากกว่าเพราะมีเพียง 7 คน ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสนกับคณะนิติศาสตร์ อีกทั้งนักกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บางคน ก็ยังไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนิติราษฎร์ด้วยเช่นกัน ” นายสัก ระบุ
เมื่อถามว่าแถลงการณ์ของคณะนิติราษฎร์เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คาดว่าประชาชนจะพิจารณาเองได้ หากกลุ่มนิติราษฎร์จะออกมาต่อต้าน สภาทนายความก็จะไม่เคลื่อนไหว เพราะสภาทนายความทำไปเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายให้รู้เท่าทันกลไกนักการเมืองและนักวิชาการ ซึ่งประเด็นการนำเสนอของคณะนิติราษฎร์ อาจทำให้ประชาชนที่ยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงในระบบประชาธิปไตยภาคปฏิบัติของประเทศอย่างถ่องแท้ ซึ่งประชาชนควรจะต้องติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของคณะนิติราษฎร์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ผบ.ทบ.ปัดวิจารณ์นิติราษฎร์
จาก โพสต์ทูเดย์
ผบ.ทบ.ปัด วิจารณ์นิติราษฎร์ แนะให้สังคมจับตา ยัน ไม่จำเป็น แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 112
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยก่อนการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจยัง จ.นราธิวาส ที่ กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก ถึงกรณีการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มนักวิชาการในนาม คณะนิติราษฎร์ ว่า ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอให้สังคมช่วยกันติดตามตรวจสอบเรื่องความถูกต้องต่อไป และหากเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องให้หน่วยงานนี้ร่วมตรวจสอบด้วย ขณะที่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 นั้น ตนเห็นว่าไม่มีความจำเป็นและต้องช่วยกันติดตามว่า จุดประสงค์เพื่ออะไร ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการละเมิดกฎหมายด้วย
ส่วนโผโยกย้ายนายทหารประจำปีนั้น ได้ส่งให้ คณะรัฐมนตรี แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องการทูลเกล้าทูลกกระหม่อมรายชื่อดังกล่าวต่อ ไป
'ประยุทธ์'บอกแก้รธน.ห้ามแตะสถาบัน แจงไม่ปรับแก้ม.112
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"พล.อ.ประยุทธ์"ฮึ่มห้ามยุ่งสถาบัน ลั่นไม่จำเป็นปรับแก้ม.112 แนะปชช.จับตา"นิติราษฎร์"หวังแก้กม.ล้มล้างปฏิวัติ
กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มนิติราษฏร์ยังเดินหน้าที่จะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อล้มล้างการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า อยากให้สังคมติดตามไปว่า เขาทำเพื่ออะไร อย่างไรก็ตาม ไม่อยากตอบเพราะตนเป็นเจ้าหน้าที่และเป็นข้าราชการประจำ แต่สิ่งใดก็ตามต่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง เมื่อประชาชนเป็นคนที่จะต้องดูแลประเทศไทย เพราะรัฐประธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยเขียนไว้อย่างนั้น ดังนั้นประชาชนเป็นเจ้าของในการที่จะใช้อำนาจต่างๆ ต้องตรวจสอบว่า ถูกต้องหรือไม่ แต่สิ่งใดก็ตามที่ทำมา ถ้าเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมก็ต้องเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เราไม่อาจไปก้าวล่วงได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนไปเรื่อยๆ อยากให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าไปดูแลเรื่องนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีความพยายามปรับแก้มาตรา112 ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เห็นมีความจำเป็นในเรื่องนั้น ถ้าถามในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่และเป็นทหาร สถาบันไม่เคยทำร้ายใคร ท่านทำแต่คุณประโยชน์ให้แผ่นดิน ดังนั้นไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ แต่ต้องดูจุดประสงค์เขาว่าเป็นอย่างไร ทำเพื่ออะไร ขอร้องประชาชนช่วยกันดูแล ซึ่งตนพร้อมช่วยดูแลในส่วนของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
"จะทำอะไรก็ตามอย่าละเมิดกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันสิ่งใดก็ตามที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ควรไปยุ่ง ไม่ควรไปอาจเอื้อมด้วยซ้ำไป "ผบ.ทบ. กล่าวย้ำ
วิปค้านอัดแนวคิดนิติราษฎรทำเพื่อคนๆเดียว
จาก โพสต์ทูเดย์
ฝ่ายค้านอัดนิติราษฎร์เสนอ19โมฆะเพื่อคนเดียว ไม่ใช่เพื่อชาติ ข้องใจทำไมวิปรัฐฯหนุนแนวคิดโดยเฉพาะรื้อมาตรา 112
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังประชุมวิปฝ่ายค้านถึงกรณีที่วิปรัฐบาลออกมาสนับสนุนแนวคิดของ กลุ่มนิติราษฎร์จะทำให้เกิดความปรองดองว่า ฝ่ายค้านมองตรงข้ามอาจจะนำไปสู่ความแตกแยก เพราะขณะนี้มีความขัดแย้งกันทางความคิดขึ้นในสังคมและมีแนวโน้มจะรุนแรง เรื่อยถ้ายังดึงดันที่จะปฏิบัติตามกลุ่มนิติราษฎร์ เพราะเป้าหมายชัดเจนว่าเป็นประโยชน์กับคนๆ เดียว ซึ่งฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต 3 ข้อคือ1.ทำไมจึงเจาะจงให้คดีเฉพาะการรัฐประหาร19 ก.ย.เป็นโมฆะ แต่กรณีของการยึดอำนาจไม่ก้าวล่วงไปเช่นกรณีรสช.หากเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้ายกเลิกกรณีคดีความต่าง ๆหลังวันที่ 19 ก.ย.คนๆเดียวจะได้ประโยชน์ใช่หรือไม่ และถ้าไปเกี่ยวพันกับกรณีรสช.ให้มีการยกเลิกกรณีการให้สิทธิประโยชน์จะทำให้ คนๆเดียวเสียประโยชน์ใช่หรือไม่ เช่นกรณีการให้สัมปทานดาวเทียมเป็นต้น 2.การตัดตอนให้ความเห็นเฉพาะการยึดอำนาจ แต่ไม่พูดถึงกรณีสาเหตุเกิดก่อนการยึดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระ การทุจริต เพราะเกรงว่าจะกระทบคน ๆเดียวอีกใช่หรือไม่ 3.การเสนอให้แก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำไมวิปรัฐบาลไม่ท้วงประเด็นนี้ เพราะในการแถลงนโยบายรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่แก้ไข หรือวิปรัฐบาลเห็นด้วยกับประเด็นนี้
ชี้นโยบายรัฐเอื้อคนรวยมากกว่าคนจน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในการตั้งกระทู้ถามสดในวันที่ 29 ก.ย. ฝ่ายค้านจะสอบถามรัฐบาลเรื่องนโยบายบ้านหลังแรก เนื่องจากเป็นโครงการที่มุ่งช่วยคนรวย ไม่ได้ช่วยคนจน และเอื้อประโยชน์ต่อบริษัท เอสซีแอสเซท และเครือญาตินายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็นโครงการที่กลับไปกลับมาเหมือนโครงการอื่นๆของรัฐบาลก่อนหน้า นี้ในหลายโครงการ ส่วนที่รัฐบาลเตรียเสนอเพิ่มนโยบายลดดอกเบี้ย โครงการบ้านหลังแรก 0 % ก็เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว
จี้รัฐเร่งเสนอกม.เข้าสภาก่อนสิ้นเดือน
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งยืนยันกฎหมายที่มีการเสนอเข้าสู่วาระการประชุมของ รัฐสภาในสภาชุดที่ผ่านมาเพื่อเป็นการลดขั้นตอนกระบวนการในการพิจารณากฎหมาย ให้สั้นลง ซึ่งรัฐบาลสามารถยืนยันได้ภายใน 60 วันนับแต่วันที่มีการเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก และภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ก็จะครบแล้ว แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้เสนอกฎหมายฉบับใดเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อให้ความ เห็นชอบ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการยึดหลัก 3 ประการ คือ1. จะต้องเป็นกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชน มีทั้งหมด 9 ฉบับ 2.กฎหมายขององค์กรอิสระต่างๆ 3. กฎหมายที่ค้างพิจารณาอยู่ในขั้นตอนกระบวนการของรัฐสภา วุฒิสภา อย่างไรก็ตามฝ่ายค้านได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐบาลแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันกลับมา
ธาริตเมินข้อเสนอนิติราษฎร์
จาก โพสต์ทูเดย์
“ธาริต” ไม่สนข้อเสนอ “นิติราษฎร์” ยึดหลักกฎหมายและมติ ครม.เท่านั้น
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ที่เรียกร้องให้มีการลบล้างผลพวงการดำเนินคดีหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อ วันที่ 19 ก.ย.49 ที่ผ่านมา เป็นเพียงความเห็นของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และไม่มีผลกระทบต่อการทำคดี เพราะดีเอสไอยึดหลักกฎหมาย และมติของครม. ซึ่งไม่มีคำสั่งให้ทบทวนคดีใด