จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวการเงิน

กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในแทบทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ทุกอำเภอ สำหรับเรื่องการจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 3 หมื่นบาท และ 2 หมื่นบาท และ 5,000 บาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติออกมาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

มติดังกล่าวกำลังกลายเป็นคมหอกปลายดาบทิ่มแทงใส่รัฐบาลอย่างหนัก

เพราะข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ คนในพื้นที่ จ.ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ยันกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่บ้านน้ำท่วมแทบจะมิดหลังคายังไม่มีใครได้รับเงิน 3 หมื่นบาท หรือ 2 หมื่นบาท ที่ว่านี้แม้แต่รายเดียว

ขณะที่แนวปฏิบัติในการจ่ายเงินนั้นก็เห็นชัดเจนว่าที่ผ่านมามีแต่การโหม ข่าวประชาสัมพันธ์เรื่องให้ไปติดต่อลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินชดเชยครัวเรือน ละ 5,000 บาทเท่านั้น

จึงไม่แปลกที่ประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและการทำงานของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการฟื้นฟูผู้ประสบภัย เพราะหากให้จับทิศทางการทำงานที่ผ่านมาจะเห็นว่า รัฐบาลเน้นเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ กลุ่มประกันภัย มากกว่าจะเยียวยาคนในประเทศ

ตัวอย่างกรณีที่ ยิ่งลักษณ์ เคยสัญญากับชาวบ้านที่อยู่หลังคันบิ๊กแบ็กเมื่อมีการต่อต้านอย่างหนักว่า คนกลุ่มนี้จะได้รับเงินชดเชยพิเศษกว่ากลุ่มอื่นๆ

แต่ล่าสุด ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย โยนเผือกร้อนให้ กทม.เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการจ่ายเงินชดเชยที่นอกเหนือจาก 5,000 บาท ให้กับชาวบ้านใน กทม.และบางพื้นที่ที่อยู่เหนือคันกั้นน้ำเอง

ทั้งๆ ที่ “นายกฯ ปู” พูดให้สัญญาประชาคมกับชาวบ้านไว้แล้วว่าจะจ่าย แต่สุดท้ายออกลูกพลิ้ว

“ยงยุทธ” ระบุชัดว่า เงินส่วนนี้จะไม่เกี่ยวกับเงินที่รัฐบาลจัดสรรให้ แต่เป็นเงินให้พิเศษส่วนเกินเพิ่มเป็นอิสระของ กทม.เอง

หากนับเรื่องที่รัฐบาลบอกจะจ่ายเงินชดเชยให้บ้านเสียหายทั้งหลัง 3 หมื่นบาท ส่วนบ้านที่เสียหายบางส่วนจ่าย 2 หมื่นบาทเข้าไปด้วย ยิ่งไปกันใหญ่กับนโยบายไปทาง การปฏิบัติเลี้ยวไปอีกทาง

แม้แต่ ฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังนั่งตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบหน้ามึนๆ และยอมรับว่า ยังไม่เคยรู้เรื่องที่คน กทม.ยังไม่ได้เงิน 3 หมื่นบาท

พร้อมอธิบายว่า เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท เป็นเงินพิเศษที่ ครม.อนุมัติให้ธนาคารออมสินจ่ายแทนรัฐบาลไปก่อน

นอกเหนือจากเงินส่วนนี้แล้ว ยังมีเงินงบประมาณอีกก้อนหนึ่งที่นำมาจากเงินสำรองราชการตามระเบียบกระทรวง การคลังจะจ่ายให้ 3 หมื่นบาท กรณีที่บ้านพังเสียหายทั้งหลัง ไม่ใช่น้ำท่วมบ้านทั้งหลัง

ถ้าน้ำท่วมทั้งหลัง แต่ไม่พังก็ไม่ได้ 3 หมื่นบาท แต่ถ้ากรณีที่น้ำท่วมแล้วเสียหายบางส่วนรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามจริง แต่ไม่เกิน 2 หมื่นบาท

กรณีที่น้ำท่วมอุปกรณ์ทำมาหากินได้รับความเสียหาย เช่น หมู่บ้านที่ทำดอกไม้ประดับ อุปกรณ์จมน้ำ จะได้รับเงินชดเชยเพิ่มอีกครัวเรือนละ 1 หมื่นบาท หรือแม้ว่าอุปกรณ์จะเสียหายมากกว่า 1 หมื่นบาท ก็จะได้ไม่เกินนี้

ฐิติมา ยอมรับว่าภาพที่ “นายกฯ ปู” ไปถือป้ายถ่ายรูปมอบเงิน 3 หมื่นบาท ให้กับชาว จ.นครสวรรค์ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์โจมตีว่า เพราะอะไรคน กทม.ถึงไม่ได้เงินก้อนนี้บ้าง โดยได้อธิบายว่าเงิน 3 หมื่นบาท น่าจะมาจากเงินชดเชย 2 หมื่นบาท กรณีที่บ้านเสียหายบางส่วน และอีก 1 หมื่นบาท จากอุปกรณ์ทำมาหากินเสียหาย

ส่วนประเด็นที่คน กทม.จะได้ลงทะเบียนขอรับเงินชดเชย 3 หมื่นบาท หรือ 2 หมื่นบาท ได้จากที่ไหนนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะต้องไปรับที่ กทม.หรือที่เขตกันแน่ พร้อมโยนเรื่องไปให้ กทม.ว่าต้องทำหน้าที่จ่ายเงินตัวนี้ให้กับประชาชน

เบื้องต้นถือว่าน่าจะเป็นความบกพร่องของ กทม.ที่ไม่ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้กับประชาชน แต่กลับไปเน้นแต่เรื่องการจ่ายเงิน 5,000 บาท มากกว่า

นี่คือปัญหาใหญ่ในการทำงานของรัฐบาลปูขาเกที่ไม่เด็ดขาด เย้ไปโย้มา

สำหรับเรื่องการจ่ายเงินชดเชย 5,000 บาท ก็มีปัญหาสารพัด นับตั้งแต่เรื่อง เอกสารหลักฐานที่จมน้ำ ชาวบ้านต้องลุยน้ำไปถ่ายรูปบ้านน้ำท่วมมาให้เจ้าหน้าที่เขต บางคนเช่าบ้านอยู่แบบไม่มีสัญญาเช่า

ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. 8 พ.ย. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท ในเขต กทม.รวม 30 เขต จำนวน 6 แสนครัวเรือน โดยผู้ประสบภัยต้องมีเอกสาร 1.บัตรประจำตัวประชาชน 2.ทะเบียนบ้าน 3.สัญญาเช่า หรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

พร้อมกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นบ้านพักที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในเขต กทม. หรือพื้นที่ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน แต่หากไม่มีทะเบียนบ้าน เช่น บ้านพักคนงาน ก็มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ

หากเป็นบ้านเช่า ผู้เช่าจะได้รับเงินช่วยเหลือในกรณีที่บ้านเช่ามีหลายชั้น หรือคอนโดมิเนียมจะมีเพียงชั้นที่น้ำท่วมถึงเท่านั้นที่ได้รับเงินช่วยเหลือ

ที่สำคัญ ต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยจากสำนักงานเขตในสังกัด กทม.ออกให้เท่านั้น

เขตที่เป็นพื้นที่ประสบภัย ประกอบด้วย 1.เขตบางซื่อ 2.เขตดุสิต 3.เขตพระนคร 4.เขตสัมพันธวงศ์ 5.เขตสาทร 6.เขตบางคอแหลม 7.เขตยานนาวา 8.เขตคลองเตย 9.เขตบางพลัด 10.เขตบางกอกน้อย 11.เขตธนบุรี 12.เขตคลองสาน 13.เขตราษฎร์บูรณะ 14.เขตคลองสามวา 15.เขตมีนบุรี 16.เขตหนองจอก 17.เขตลาดกระบัง 18.เขตดอนเมือง 19.เขตคันนายาว 20.เขตจตุจักร 21.เขตตลิ่งชัน 22.เขตบางเขน 23.เขตบางแค 24.เขตภาษีเจริญ 25.เขตลาดพร้าว 26.เขตวังทองหลาง 27.เขตสายไหม 28.เขตหนองแขม 29.เขตหลักสี่ 30.เขตทวีวัฒนา

ถึงตอนนี้ ธนาคารออมสิน รายงานความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินชดเชย 5,000 บาท ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า ธนาคารออมสินจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องเกณฑ์การจ่ายเงิน เพราะธนาคารออมสินจะจ่ายเงินตามรายชื่อของผู้ประสบภัยตามที่กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยส่งมาเท่านั้น โดยจะตรวจสอบว่ารายชื่อซ้ำซ้อนกันหรือไม่เท่านั้น ซึ่งการจ่ายเงินจะจ่ายเป็นเงินสดและรับได้ที่สาขาตามที่หน่วยงานราชการกำหนด ไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชี

ล่าสุด ธนาคารออมสินได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยผู้ประสบภัยไปแล้ว 4.31 แสนราย คิดเป็นเงิน 2,155 ล้านบาท จากยอดที่รัฐบาลได้แจ้งเข้ามาขณะนั้นจำนวน 4.7 แสนราย

อย่างไรก็ตาม มีการประเมินเบื้องต้นว่า จะมีผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมครั้งนี้ทั่วประเทศประมาณ 2 ล้านครัวเรือน คิดเป็นเงินที่ธนาคารต้องสำรองจ่ายให้รัฐบาลก่อนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

จากนี้ไปคงต้องจับตาเรื่องมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด เพราะรัฐบาลของนายกฯ ปู คงไม่สามารถปัดความรับผิดชอบเรื่องการจ่ายเงินชดเชยคนที่เดือดร้อนได้

เพราะที่ผ่านมามีมติ ครม.รองรับ แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่มีความคืบหน้าและไม่เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างที่พูดไว้

เสมือนประหนึ่งว่า การปฏิบัติมีปัญหา หรือไม่ก็ไร้ซึ่งเงินตราในการเยียวยาผู้ประสบภัย

ถ้านายกฯ ปู ยังไม่แก้ไขปมปัญหาการชดเชยเยียวยา ไม่เพียงแค่ประชาชนจะเสื่อมศรัทธา แต่อาจเจอ “บิ๊กแบ็ก” ปิดทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเข้าเอาได้ ไม่เชื่อโปรดรอดู...

สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี