ดร.สุเมธ” ถามทำไมต้องแก้ ม.112 ชี้แค่ตัวหนังสือไม่ทำผิดก็ไม่มีผล
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
“ดร.สุเมธ” เตือนสติรัฐบาล อย่าแก้กฎหมายเพื่อคนๆ เดียว แนะคนไทยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลดระบบทุนนิยม หวั่นประเทศล่มจม เหมือน “ต้มยำกุ้ง-แฮมเบอร์เกอร์” ย้อนถามทำไมต้องเจาะจงแก้มาตรา 112 ชี้ เป็นแค่ตัวหนังสือ ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่มีผล ยกแต่งโคลงกลอนล้อประธานาธิบดียังติดคุก
วันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษเรื่อง การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท โดยมี พล.อ.ดุลกฤต รักษ์เผ่า ผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนาให้การต้อนรับ
ดร.สุเมธ กล่าวตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักธรรม หลักปรัชญา ความคิด ไม่จำเป็นต้องทำเกษตรอย่างเดียว ครู พ่อค้า นักการเมือง เป็นใครก็ได้ สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทั้งนั้น แต่ก่อนที่เราจะมาเข้าใจการประมาณตน ต้องทราบเบื้องหน้าเบื้องหลังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียงนี้ขึ้นมาก่อน ว่า ก่อนหน้านั้น มีปรากฏการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 หรือที่เรียกว่า วิกฤตต้มยำกุ้ง จนบ้านเมืองล่มจม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ก็ต้องดูสาเหตุว่าเพราะอะไร ตอนนั้นทุกคนโดนกันถ้วนหน้า เพราะเราทำตามความคิดแบบทุนนิยม เราเดินตามฝรั่งเขา ก็พบจุดจบ เจ้าของทฤษฎีเองก็ล่ม ของเราใช้ชื่อ วิกฤตต้มยำกุ้ง ของเขาใช้ชื่อ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ก็ร่อแร่ไปกันไม่รอด
ดร.สุเมธ กล่าวต่อว่า พวกเราทุกคนอาศัยอยู่บนโลกกลมๆ ก็ต้องเข้าใจโลกด้วย การไปตัดไม้ทำลายป่า ธรรมชาติก็โกรธ จนทำให้เกิดน้ำท่วม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยรับสั่งว่า เมื่อเขาโกรธ เขาก็จะลงโทษเรา โลกเวลานี้เราไม่ต้องไปคิดถึงเรื่อง เสรีทุนนิยม คอมมิวนิสต์ ทุนนิยม แต่โลกขณะนี้ถูกครอบงำด้วยระบบบริโภคนิยม ไม่ว่าจะอยู่ที่จุดไหนก็ถูกกระตุ้นให้บริโภค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราอย่าให้กิเลสครอบงำ เพราะกิเลสครองโลกมา 2554 ปีแล้ว มนุษย์ไม่เคยชนะมัน มีแต่จะเพิ่มทวีคูณมากขึ้น ทุกคนมีแต่อยากและอยาก พอสะสมมากๆ หนึ่งไม่พอ สองสามก็ตามมา เพราะฉะนั้นควรกินให้พออิ่มพออยู่ แต่นี่กินกันมากมายจนกลายเป็นโรค
หลังจากนั้น ดร.สุเมธ ให้สัมภาษณ์เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ว่า ไม่ว่าอาชีพใด เช่น นักการเมือง ครู อาจารย์ พ่อค้า นำไปใช้ได้ทั้งนั้น เราต้องมีความพอประมาณของตัวเอง รู้จักตัวเอง เรื่องเงินทอง การดำเนินการไปข้างหน้า จึงใช้เหตุผลเป็นเครื่องนำทาง อย่าใช้กิเลสตัณหา เพราะถ้าใช้กิเลสก็จะเกิดความพินาศจะเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงตัว บุคคล จนไม่สามารถเดินหน้าได้ ให้ใช้เหตุผล สติและปัญญาเป็นเครื่องนำทาง นอกจากนี้ อย่าประมาท ถึงแม้จะทำอะไรไม่เกินตัว แต่ความไม่แน่นอนก็มีเหมือนกัน พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่บัดนี้ การจะดำเนินการใดๆ ก็ตาม เราไม่ได้ปิดประตูไม่คบหาใคร เราต้องรอบรู้เหตุการณ์รอบๆ บ้านและรอบโลก ว่า เขาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เราจะได้ปรับให้เข้ากับยุคสมัยได้ สำหรับเรื่องคุณธรรม ธรรมาภิบาล จริยธรรม ต้องมีศีลธรรมและคุณธรรม อย่ากิน อย่าโกง อย่าทุจริตคอร์รัปชัน จะมีชีวิตที่สมดุลและยั่งยืน
เมื่อถามว่า รัฐบาลซึ่งมีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ควรนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้หรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า ใครจะมีอาชีพอะไรใช้ได้ทั้งนั้น และต้องใช้ด้วย ถ้าหากจะยึดธรรมะเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง สื่อมวลชน ประชาชน หากใครไม่ใช้ธรรมะ ตนคิดว่ามีความเสี่ยง เมื่อถามว่า ตอนนี้เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศหรือไม่ ดร.สุเมธ ย้อนถามสื่อว่า สื่อเห็นหรือไม่ เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมองอย่างไร ดร. สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้ เป็นผู้ใหญ่แล้ว มองไม่ค่อยไกล ตาฝ้าฝางหมดแล้ว มองไม่ค่อยเห็นหรอก
เมื่อถามว่า ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะเกิดปัญหาขึ้นมาหรือไม่ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออีกหลายเรื่องที่มองว่าทำ เพื่อคนๆ เดียว ดร.สุเมธ กล่าวว่า ใช้เศรษฐกิจพอเพียง เหตุผลเป็นเครื่องนำทาง คำว่ามีเหตุมีผล อะไรที่ถูกต้อง อะไรที่เป็นธรรม โดยมีความยุติธรรม และถ้าทุกอย่างดำเนินการถูกต้อง ปัญหาไม่น่าจะมี เมื่อถามว่า การแก้ไขกติกาสูงสุดของประเทศเพื่อคนๆ เดียว ถูกต้องหรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า คิดว่านั้นคือหลักสากลสำหรับคนทั่วไป กฎหมายออกแบบไว้สำหรับคนทุกคน เมื่อถามย้ำว่า ไม่ใช่ไปแก้เพื่อคนใดคนหนึ่ง ดร.สุเมธ กล่าวว่า ก็แน่นอนที่สุด
เมื่อถามว่า การแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เหมาะสมหรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า กฎหมายอาญา มีตั้งกี่ร้อย กี่พันมาตรา ทำไมจำเพาะเจาะจงถึงต้องแก้อันนี้ กฎหมายคือกฎหมาย ถ้าเราไม่ทำผิด เขาก็อยู่ในกระดาษเท่านั้นเอง ก็อย่าทำผิดก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอะไรต่างๆ เราต้องแก้ด้วยหรือ หากเราไม่ไปฆ่าใคร ก็คงไม่มีใครมาจับไปขังเข้าคุก แต่ตราบใดที่เราทำผิด กฎหมายนั้นถึงออกมาใช้ได้ ซึ่งเหมือนกันหมด
“เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา เพื่อนมาเล่าให้ฟัง มีคนแต่งโคลงกลอนล้อประธานาธิบดี ถูกติดเข้าคุกเลย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นมาตราอะไร ของฝรั่งเขา ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่เขาก็โดนลงโทษ ที่ไหนในโลกนี้เขาก็มีกันทั้งนั้น” ดร.สุเมธ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุผลที่หยิบยกมาอ้างคือไม่เป็นไป ตามกฎหมายสากล ดร.สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้มีเหตุผลหรือเปล่า ถ้ามีเหตุผลก็พอฟังได้ ถ้าไม่มีเหตุผลก็ไม่ต้องฟัง เมื่อถามว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้ถูกปลุกปั่นจนเกิดการเผชิญหน้าของประชาชน 2 กลุ่ม ดร.สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถามคนปลุกปั่น ตนไม่ได้ปลุกไม่ได้ปั่น และก็ไม่เคยถูกปลุกถูกปั่น ก็เลยไม่รู้
เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใช่หรือไม่ ดร.สุเมธ กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะไม่ใช่รัฐบาล เมื่อถามย้ำว่า ท่านมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) น่าจะให้คำแนะนำได้ ดร.สุเมธ กล่าวว่า ตนเป็นที่ปรึกษาเรื่องน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรเลย เป็นแค่ที่ปรึกษาไม่เกี่ยวข้องอะไร เวลาบริษัทล้ม ที่ปรึกษาลอยลำไม่ได้รู้เรื่องอะไร กับเขาด้วย ไม่ต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า แต่ท่านมีโอกาสให้คำปรึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ดร.สุเมธ กล่าวว่า เป็นที่ปรึกษาเรื่องน้ำ หากเป็นปัญหาเรื่องส่วนรวมบ้านเมืองก็ต้องช่วยกัน แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื่องการเมืองตนก็ไม่ยุ่ง แต่นี้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องบ้านเมืองก็ต้องเข้าไปช่วย มีอะไรแนะได้ก็แนะไป เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในภาวะเปราะบางหรือไม่ ดร.สุเมธ ย้อนถามว่า คนไทยเป็นห่วงหรือไม่ สื่อช่วยถามต่อให้หน่อย สำหรับตนคงไม่ต้องถามแล้ว โดยตำแหน่งโดยหน้าที่ เป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ
“มีชัย” ฉะ “มะกัน” ละเมิดสิทธิอื้อ-ป่าเถื่อนยิ่งกว่ายุคหิน ชี้จุ้น ม.112 ไม่เข้าเรื่อง
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ASTVผู้จัดการออนไลน์ – อดีตประธานวุฒิฯ ตอบคำถามกรณีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ชี้ต้องมีเพราะคุ้มครองประมุขของประเทศ ยกอเมริกาก็หมิ่น ปธน.ไม่ได้เช่นกัน หยิบกรณีมะกันกลัวก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ตามล่าบินลาเดนส่งจรวดไปถล่มกลับคว้าน้ำเหลว ทำชาวบ้านตายอื้อ ฉะป่าเถื่อนยิ่งกว่ายุคหิน แจงกฎหมายต้องอิงอยู่กับประเพณีวัฒนธรรมด้วย
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์มีชัยไทยแลนด์ ด็อท คอม ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภา ในเว็บบอร์ด “ถาม-ตอบกับมีชัย” ได้เผยแพร่คำตอบกรณีที่ผู้ใช้นามแฝง “คุณชัยครับ” ตั้งคำถามในหัวข้อ แก้กฎหมายหมิ่นฯ โดยสอบถามว่า กระแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักวิชาการและภาคประชาชนต่างๆ ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 โดยระบุว่ามาตรานี้มีปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ทราบว่าอาจารย์มีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะขณะนี้องค์กรระหว่างประเทศ เช่น ยูเอ็น หรือสถานทูตสหรัฐฯ ตลอดจนองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์ปัญหา กฎหมายมาตรานี้และเรียกร้องให้มีการแก้ไขแล้วและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ประเทศไทยอย่างไรในสายตาของต่างประเทศ
นายมีชัยได้ตอบคำถามดังกล่าว ระบุว่า มาตรา 112 ห้ามการกระทำเพียง 3 อย่าง คือ ห้ามหมิ่นประมาท ห้ามดูหมิ่น และห้ามอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การกระทำทั้ง 3 อย่างนั้น อย่าว่าแต่จะทำกับประมุขของประเทศเลย ทำกับคนธรรมดาก็ยังไม่ได้ เสรีภาพของบุคคลนั้นย่อมมีขอบเขตอันจำกัดที่จะต้องไม่ไปละเมิดคนอื่น ถ้าคำนึงถึงแต่เสรีภาพของบุคคลโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของคนอื่น สังคมก็คงกลียุค
“แม้แต่ในอเมริกาเองก็ใช่ว่าเราจะไปหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายประธานาธิบดีของเขาได้เสียเมื่อไรล่ะ ข้อสำคัญ ประเทศแต่ละประเทศย่อมมีความระแวดระวังในเรื่องที่ต่างกัน ถ้ามองในแง่มุมของอีกประเทศหนึ่งอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่คนที่เจริญแล้วเขาก็ต้องยอมรับนับถือประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ไม่ไปตัดสินจากความคุ้นเคยหรือความเคยชินของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น อเมริกันกลัวการก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ใครจะผ่านเข้าประเทศจะตรวจค้นอย่างละเอียดยิบโดยไม่คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ของใคร ถึงขนาดจับแก้ผ้าก็ยังทำ แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็เปิดรื้อค้นเอาเองได้ เมื่อตอนที่อเมริกันตามล่าบินลาเด็น (นายโอซามะ บินลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์) น่ะ เคยจับภาพจากอากาศเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เท้าอยู่เชิงเขา นึกว่าเป็นบินลาเด็น ส่งจรวดราคาแพงไปถล่มตายหมดทั้งกลุ่ม จึงรู้ภายหลังว่าไม่ใช่บินลาเด็น ชาวบ้านเลยตายฟรีนั่นน่ะไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเสียกว่ายุคหินอีกหรือ ก็ไม่เห็นคนอเมริกันหรือสหประชาชาติจะไปตำหนิอะไร เพราะความแค้นในเรื่องถูกถล่มตึกยังค้างคาอยู่ในใจ” นายมีชัยกล่าว
นอกจากนี้ นายมีชัยยังกล่าวอีกว่า ประเทศสิงคโปร์มีโทษเฆี่ยนตี ให้หลาบจำจะได้ไม่ทำผิดบางอย่าง คนอเมริกันมือซนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่กำแพง เขาจับได้ ลงโทษตีก้นให้ได้อายมาแล้ว จะโวยวายหรือขอร้องอย่างไร รัฐบาลสิงคโปร์ก็ไม่ยอม ไม่มีใครไปเรียกร้องให้เขาแก้ไขกฎหมาย เพราะเขาจะเฆี่ยนตีก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิด เหมือนกับกฎหมายของไทย จะลงโทษก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิดที่ห้ามไว้
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี