จากประชาชาติธุรกิจ
ทันทีที่ข้อเสนอของ "วัฒนา เมืองสุข" ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองควรเป็นแผนกหนึ่งของศาลฎีกาถูกจุดพลุ เสียงคัดค้านยิ่งดังกระหึ่ม
เกิดปรากฏการณ์หัวขบวนองค์กรอิสระเรียงหน้าออกมาแสดงความเห็น
ทั้ง "นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" ประธานศาลรัฐธรรมนูญ "ไพโรจน์ มินเด็น" ทีมโฆษกศาลปกครอง "สดศรี สัตยธรรม" กรรมการการเลือกตั้ง
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และมวลชนเสื้อเหลือง "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่ขู่เป่านกหวีดคู่ขนานไปกับกลุ่มเสื้อหลากสีของ "น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์" ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน
ประชาชาติธุรกิจ สนทนาหาคำตอบกับ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ผู้เสนอ 10 อรหันต์ชื่อ "คณะที่ปรึกษา ติดตาม ประเมินผล และจัดทำข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ"
มีรายชื่อกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย 4 คน นรนิติ เศรษฐบุตร-วิษณุ เครืองาม-บวรศักดิ์ อุวรรณโณ-สุรพล นิติไกรพจน์
ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ 4 คน สมบัติ ธำรงธัญวงศ์-ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์-ศุภชัย ยาวะประภาษ-จรัส สุวรรณมาลา
นักกฎหมายอีก 2 คน ปริญญา เทวานฤมิตรกุล-กิตติศักดิ์ ปรกติ
ประเดิม การหารือครั้งแรก มีการตั้ง "นรนิติ" อดีตประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นประธาน ให้ "วิษณุ" เป็นรองประธาน "ศุภชัย-กิตติศักดิ์" ทำหน้าที่โฆษก
"ประวิทย์ รัตนเพียร" 1 ใน 3 ผู้ตรวจการแผ่นดิน อธิบายเครือข่ายอำนาจพิเศษ ที่ชุมนุมกันอีกครั้งว่า
"ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 244 กำหนดหน้าที่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินให้คำเสนอแนะ ข้อคิดเห็นว่ามีความจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นใดบ้าง เราจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 10 คน"
"ทั้ง 10 ท่านเป็นผู้รู้ผู้เล่นเรื่องรัฐธรรมนูญ จึงเข้าใจดีว่าทำไม 2540 กำหนดเรื่องนี้ ทำไม 2550 กำหนดเรื่องนี้ ต้องเอาคนรู้เรื่องนี้ดี"
ทั้ง 10 คนหลากความคิด หลากที่มา บ้างเคยเป็นผู้ร่างธรรมนูญการปกครองให้แก่คณะรัฐประหาร บางคนเคยเป็นรัฐมนตรีในยุคกระบอกปืน บางคนแสดงตัวชัดเจนว่ายืนอยู่คนละเวทีกับรัฐบาล "เพื่อไทย" และ "ทักษิณ" แต่ประวิทย์ยืนยันว่าไม่มีปัญหา
"ไม่มีผล เพราะเราต้องการความรู้ของท่านและให้เสนอด้วยกัน ไม่ได้ต้องการข้อสรุปที่รัฐธรรมนูญใหม่ต้องเป็นอย่างนี้ แต่จะบอกว่าการที่เลือก ส.ว. แบบนี้ หรือการกำหนดเขตเลือกตั้งแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น ให้เป็นข้อมูลทางวิชาการ เพื่อให้รัฐบาลและรัฐสภาซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจได้ตัดสินบนพื้นฐานนี้"
"หลายคนก็มาทักว่า 10 คนจะหาข้อยุติได้หรือเปล่า เพราะแต่ละท่านยังเห็นไม่ตรงกันเลย ก็แปลว่าท่านเป็นอิสระ"
เขาไม่ได้คำนึงถึงสีเสื้อ แม้จะถูกกล่าวหาว่าคณะกรรมการชุดนี้ "เหลืองมากกว่าแดง"
ข้อเสนอของ 10 อรหันต์ไม่ต้องการข้อถกเถียงที่ตกผลึกตายตัว แต่ทุกความเห็นจะถูกกลั่นมากองรวมกัน ก่อนให้ผู้มีหน้าที่รับไม้ต่อ
"ไม่ จำเป็นต้องตกผลึก เพราะฝ่ายที่ตัดสินใจจะต้องเป็นฝ่ายการเมือง ฝ่ายรัฐสภา ไม่ใช่ฝ่ายเราที่ต้องแก้ไข เรามีหน้าที่เพียงนำเสนอ ด้วยเหตุผล ไม่ได้ด้วยกระแส ไม่ได้ด้วยอารมณ์"
จุดมุ่งหมายของผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่ต้องการให้ ส.ส.ร.3 หรือนักการเมืองหยิบข้อเสนอของคณะที่ปรึกษามาเป็นเข็มทิศนำทางเพียงอย่าง เดียว แต่หวังว่าสังคมจะได้รับรู้ความคิดของนักกฎหมายแม่บททั้ง 10 คน
"ข้อ เสนอทั้งหมดไม่ใช่โรดแมป แต่เรากำลังทำตามหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะฉะนั้น ทำอย่างไรให้สังคมรู้ว่า มาตรานี้จะต้องแก้ไขนะ แต่สมมติข้อนี้ไม่ใช่ข้อสรุป ยังเห็นไม่ตรงกันก็อย่าแก้ดีไหม ถ้าแก้แล้วจะยุ่ง"
"ประวิทย์" ไม่เสียดายหากข้อเสนอของคณะที่ปรึกษาถูกเมินเฉย ไม่ได้รับการตอบสนอง หรือถูกตีตกไป "ไม่ใช่เรื่องว่าเขาจะรับหรือไม่รับ แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ เราก็จะทำอย่างดีที่สุด เพราะเราไม่ใช่องค์อำนาจในการตัดสินใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ"
ยืนยันว่าไม่เสียของ 10 คนกำลังทำงานวิจัยที่เป็นประโยชน์กับสังคม"
ปิด ท้าย "ประวิทย์" คิดว่า แม้ชื่อที่ออกมาจะไม่ถูกใจใครทั้งหมด "แต่ 10 คนนี้ผมตอบได้ทันทีว่า 10 คนนี้เล่นเรื่องรัฐธรรมนูญเข้าใจรัฐธรรมนูญ 2540-2550 และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิแน่นอน เวลาเลือกอะไรจะถูกใจทุกกลุ่มไม่มีทาง"
ขณะที่ "วิษณุ" กล่าวหลังการประชุมนัดแรกว่า คณะที่ปรึกษา ทำหน้าที่คู่ขนาน หากมีประเด็นใดที่เกิดข้อถกเถียงในสังคม คณะที่ปรึกษาก็จะนำมาหารือ โดยไม่เข้าไปแทรกแซง
"การทำหน้าที่ปรึกษานั้นจะมีเฉพาะประเด็นรัฐธรรมนูญเท่านั้น ขอย้ำว่าไม่ใช่ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญแข่งกับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ"
เขา ยังย้ำด้วยว่า ไม่สมควรเรียกกรรมการทั้ง 10 คนว่าเป็น "อรหันต์" เพราะคนที่เหมาะกับคำว่า "อรหันต์" ควรเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง 3 คน เพราะจะเป็นผู้ถูกรับคำวิจารณ์
แม้ว่าความจริงแล้ว ทั้ง 10 ชื่อ จะเป็นทั้งอรหันต์ที่รวมรุ่นเครือข่ายอำนาจที่มีคอนเน็กชั่นพิเศษ...อีกครั้ง
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
