มองเมืองไทยจากการใช้ทฤษฎีหน้าต่างแตก
โดย : ดร.ไสว บุญมา
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
การถึงแก่กรรมของศาสตราจารย์เจมส์ วิลสัน เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมาแทบไม่เป็นข่าว
แต่ผู้ที่รู้เรื่องราวของ “ทฤษฎีหน้าต่างแตก” (Broken Windows Theory) ย่อมทราบดีว่า เดือนนี้เป็นโอกาสครบรอบ 30 ปีของการตีพิมพ์บทความที่วิวัฒน์มาเป็นทฤษฎีหน้าต่างแตกในนิตยสาร Atlantic Monthly ซึ่ง ศาสตราจารย์วิลสันเขียนร่วมกับจอร์จ เคลลิง อันที่จริงผู้เขียนพูดถึงทั้งหน้าต่างและทางเท้าในบทความนั้นและเรื่องทางเท้าก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องหน้าต่างดังปรากฏในบทความตอนหนึ่งว่า “อาคารที่มีหน้าต่างบางบานแตกอยู่ หากหน้าต่างไม่ได้รับการซ่อมแซม แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือพวกมือบอนจะทำให้หน้าต่างแตกเพิ่มขึ้นอีก … หรือทางเท้า หากมีขยะถูกทิ้งไว้ ในเวลาไม่นานก็จะมีขยะทิ้งสะสมขึ้น ในที่สุด อาจมีถุงใส่อาหารจำพวกจานด่วนถูกทิ้งไว้ด้วย …” แต่ทางเท้าถูกตัดออกไปในชื่อทฤษฎี
ในช่วงเวลา 30 ปี ทฤษฎีนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายพร้อมกับถูกต่อต้านในขณะเดียวกันด้วย ทฤษฎีอาจนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในด้านการป้องกันการก่อความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินสาธารณะและในด้านการป้องกันอาชญากรรมจำพวกร้ายแรงที่ผู้เขียนมองว่ามักมีจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งถูกปล่อยให้ผ่านไปโดยผู้รักษากฎหมายและการดูดายของสังคม เนื่องจากผู้ต่อต้านทฤษฎีมักมีข้อแย้งว่าทฤษฎีไม่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมจำพวกร้ายแรงได้ ตำรวจในสหรัฐจึงมักนำมันไปประยุกต์ใช้เพียงในด้านการต่อต้านการพ่นสีที่เรียกกันว่า “กราฟฟีตี้” (Graffiti) ตามสถานที่สาธารณะโดยคนมือบอนและพวกเสนียดสังคม การต่อต้านทำกันอย่างจริงจังทั้งการลบมันออกและการจับกุมผู้กระทำผิดไปลงโทษ นอกจากนั้น นักเรียนในบางชุมชนยังเข้าร่วมการต่อต้านโดยพากันไปลบมันออกหรือทาสีทับอีกด้วย
สำหรับในเมืองไทย เรื่องทางเท้าคงมองเห็นได้ง่ายกว่าเรื่องหน้าต่าง เพราะเราคงเห็นกันอย่างทั่วถึงแล้วว่า ทางเท้าโดยทั่วไปไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดมักไม่ได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ตามความประสงค์เบื้องต้น ส่วนใหญ่ถูกแต่งเติมเสริมต่อ ตัดออก แตกร้าว ทรุดโทรม สกปรก มีสิ่งกีดขวางตั้งอยู่และถูกยึดไปใช้โดยเอกชน จากมุมมองของทฤษฎีนี้ การที่ผู้รักษากฎหมายปล่อยให้การกระทำผิดเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังการก่อสร้างทางเท้าเสร็จเป็นเสมือนการส่งสัญญาณว่าไม่เป็นไรส่งผลให้การกระทำเช่นนั้นแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
อนึ่ง เนื่องจากปัจจัยที่มีส่วนทำให้ภาวะน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วร้ายแรงกว่าที่น่าจะเป็นเพราะคูคลองต่างๆ มีสิ่งกีดขวางทั้งจำพวกที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและที่เกิดขึ้นโดยการจงใจบุกรุกเข้าไปในเขตคลองของบุคคล คูคลองบางแห่งมีหญ้าและผักตบชวาปิดกั้นอยู่อย่างหนาแน่นเนื่องจากพืชเหล่านั้นมิได้ถูกกำจัดออกไปในตอนพวกมันเริ่มปรากฏ พวกมันจึงขยายพันธุ์กันจนเต็มคูคลอง ร้ายยิ่งกว่าพืชคงได้แก่การบุกรุกโดยการปลูกอาคารล้ำเข้าไปในคูคลอง การบุกรุกเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายเพราะผู้รักษากฎหมายไม่ทำอะไรเมื่อเริ่มมีคนบุกรุกเข้าไปครั้งแรก นอกจากจะสร้างสิ่งกีดขวางในคูคลองแล้ว ผู้บุกรุกยังมักทิ้งขยะและปฏิกูลลงไปในน้ำทำให้น้ำเน่าเหม็นและเป็นสีดำสนิทอีกด้วย
ปรากฏการณ์เกี่ยวกับหมอกควันทางภาคเหนือในขณะนี้ส่วนหนึ่งมีที่มาจากกระบวนการเผาป่าของผู้แสวงหาที่ทำกินและผู้มีอิทธิพล การเผาเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายเนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายไม่ทำกันอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อเริ่มมีการบุกรุกครั้งแรก เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการเผา เราคงได้เห็นการเผาขยะตามพื้นที่ว่างเปล่าในชุมชนต่างๆ การกระทำเช่นนั้นเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายเพราะเทศบาลไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนเริ่มมีการทิ้งขยะในพื้นที่เหล่านั้น
เรื่องจำพวกนี้มีอีกมากและหากจะมองกันต่อไปให้ลึกจริงๆ ทฤษฎีหน้าต่างแตกมิใช่ของใหม่ เนื่องจากแนวคิดและการประยุกต์ใช้มีอยู่ในสังคมไทยมานานแล้ว อาทิเช่น การแนะนำให้ผู้ใหญ่ใส่ใจที่จะระงับการทำผิดเล็กๆ น้อยของเด็กเมื่อมันปรากฏขึ้นครั้งแรก มิฉะนั้น เด็กจะได้ใจและทำผิดเพิ่มขึ้นไปอีก
เนื่องจากการทำผิดกฎเกณฑ์ต่างๆ ของสังคมจนเป็นปัญหาในเมืองไทยแพร่หลายมากนอกจากเรื่องทางเท้า การกีดขวางทางน้ำไหลในคูคลอง การทิ้งขยะและปฏิกูลและการเผาป่า การแก้ปัญหาจึงทำได้ยากนอกจากจะใช้วิธีปฏิวัติในแนวที่ลี กวน ยู ทำในสิงคโปร์หลังก่อตั้งประเทศใหม่ๆ แต่การปฏิวัติเช่นนั้นก็ทำไม่ได้นอกจากผู้บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ จะทำกันอย่างจริงจัง กว้างขวางและสม่ำเสมอ เรื่องนี้ก็มีปัญหาใหญ่หลวงมากเนื่องจากคงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า การสำรวจความเห็นของประชาชนได้ข้อสรุปออกมาเสมอว่า องค์กรตำรวจมีความฉ้อฉลสูงสุด นั่นหมายความว่า การปฏิวัติดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตำรวจไทยลดความฉ้อฉลของตนเองเสียก่อน เมื่อมองจากมุมของภาระทั้งหลายที่จะต้องทำเหล่านั้น การที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปในทางที่ดีกว่าในปัจจุบันแบบทันตาเห็นคงเป็นไปได้ยากมาก
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน