ศาลฎีกานักการเมืองฟัน'ชินณิชา' ห้ามดำรงตำแหน่งการเมือง5ปี
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ศาลฎีกานักการเมืองถอด"ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์"พ้น ส.ส. เหตุยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเท็จ ซุกหนี้ 100 ล้าน ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้( 19 เม.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายฐานันท์ วรรณโกวิท รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อม.3 /2554 และองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน อ่านคำพิพากษา คดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากกรณีที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 263 และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. เห็นว่า การที่ น.ส.ชินณิชา ได้ยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืมจากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.51 ภายหลังจากที่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งส.ส.เชียงใหม่แล้ว เป็นเวลากว่า 8 เดือน โดยอ้างเหตุที่ไม่ได้แสดงรายการหนี้สินดังกล่าว เพราะความหลงผิดและเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริตว่า ระหว่างทำรายการบัญชีฯนั้นกระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ยังไม่เสร็จสิ้น หนี้สินที่มีคำสั่งอายัดไว้ผู้ยื่นไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้จนกว่า คตส. จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัด
ขณะที่ น.ส.ชินณิชา ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยได้แสดงรายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนรัชดาภิเษก 3 (ทรูทาวเวอร์) ของตนเอง จำนวนเงิน 6,823,058.97 บาท ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่ คตส. มีคำสั่งอายัดไว้และ น.ส.ชินณิชาได้ร้องขอให้ คตส. เพิกถอนการอายัด และได้แสดงรายการเงินให้กู้ยืม ระบุว่า บริษัท วาย ชินวัตร จำกัด ได้กู้ยืม รวม 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 42,700,000 บาท และครั้งที่ 2 ได้ให้กู้ยืมเป็นเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวน 10 ล้านบาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของเงินจำนวน 100 ล้านบาทที่กู้ยืมมาจากนายบรรณพจน์ โดยการขอยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืมจากนายบรรณพจน์เพิ่มเติม ก็เป็นเวลาภายหลังจากที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการที่ น.ส.ชินณิชา ได้ร้องขอเพิกถอนการอายัดเงินจำนวน 100 ล้านบาท ต่อ คตส. และภายหลังจากที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ น.ส.ชินณิชาแล้ว
โดยศาลฎีกา ฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานและเอกสารในสำนวน แล้วเห็นว่า น.ส.ชินณิชา ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ฯ ตามรัฐธรรมนูญ ฯ ปี 2550 มาตรา 259 และ 263 ประกอบ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
จึงพิพากษาให้น.ส.ชินณิชา ผู้คัดค้าน พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้จำคุกน.ส.ชินณิชา ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 2 เดือนพร้อมทั้งปรับเป็นเงิน 4,000 บาท แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี
“ชินณิชา”ร่วงเพราะ“เรืองไกร” - “เจ๊แดง”วืดลงซ่อมแทนไม่ได้
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เครือข่ายคนในตระกูลชินวัตร ที่มักต้องโทษมีคดีความอยู่เสมอ รายล่าสุดเรียบร้อยไปแล้ว ก็คือ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์หรือ “เจ๊แดง” เจ้าแม่ซาละเปาเพื่อไทย
ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินไปเมื่อ ช่วงเย็นวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ให้นางสาว ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย หลานสาวทักษิณ ชินวัตร และนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สินในการยื่นบัญชีต่อคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช.
ต้นตอก็มาจากเงินจำนวน 100 ล้านบาท ที่ตอนคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ทำการอายัดทรัพย์สินทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวจำนวน 7.6 หมื่นล้านที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ป แล้วมีเงิน 100 ล้านบาท ที่พ่วงติดเข้ามาด้วย
ในตอนนั้น “ชินณิชา” แจงต่อคตส.ว่าเป็นเงินกู้ยืมกันในเครือญาติเพื่อทำธุรกิจระหว่างเธอกับลุง บรรณพจน์ ดามาพงศ์
แต่ปรากฏว่าเมื่อนางสาว ชินณิชาได้มาเป็นส.ส.ครั้งแรกปี 50 สังกัดพรรคพลังประชาชนกลับไม่ได้ยื่นบัญชีจำนวนเงินดังกล่าวต่อป.ป.ช.
แล้วพอเรื่องแดงก็จะไปขอยื่นย้อนหลัง โดยอ้างเหตุที่ไม่ได้แสดงรายการหนี้สินดังกล่าว ว่าเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริตว่า ระหว่างทำรายการบัญชีฯนั้นกระบวนการไต่สวนของคตส.ยังไม่เสร็จสิ้น จึงคิดว่าหนี้สินที่มีคำสั่งอายัดไว้ผู้ยื่นไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้จน กว่าคตส. จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัด จึงไม่ได้ยื่นบัญชีดังกล่าว
จึงไปขอยื่นบัญชีดังกล่าวเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2551 ภายหลังยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไปแล้ว 8 เดือน
ต่อมาที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.เห็นว่าข้ออ้างของ น.ส.ชินณิชา ฟังไม่ขึ้นจึงมีความเห็นว่านางสาวชินณิชาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็น เท็จฯและนำมาสู่การตัดสินของศาลฎีกาฯครั้งนี้
จนในที่สุดศาลฯได้พิเคราะห์พยานหลักฐานและเอกสารในสำนวน แล้วเห็นว่า น.ส.ชินณิชา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอัน เป็นเท็จ ฯ อันเป็นการทำผิดและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ฯ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 จึงมีคำตัดสินดังกล่าว
อันมีผลทำให้ นางสาวชินณิชา จึงต้องพ้นจากสมาชิกภาพการเป็นส.ส.และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือ ตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีรวมถึงให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 4 พันบาท
อย่างไรก็ตาม นางสาวชินณิชาไม่เคยได้รับโทษมาก่อน โทษจำคุกเห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
คำตัดสินของศาลฎีกาฯถือว่าสิ้นสุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกต่อไป
นางสาวชินณิชาจึงพ้นสภาพการเป็นส.ส.ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ทันทีหลังขั้นตอนทุกอย่างทางกฎหมายเรียบ ร้อยแล้ว
การหลุดจากส.ส.และต้องโทษแบนการเมืองไปห้าปีของชินณิชา ทำให้ทั้งพ่อ-แม่-ลูก ตระกูล วงศ์สวัสดิ์ ล้วนถูกศาลตัดสินเว้นวรรคการเมืองห้าปีกันครบถ้วน
ไล่ตั้งแต่ “เจ๊แดง- เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” โดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิการเมืองห้าปีในคดียุบพรรคไทยรักไทย แต่กำลังจะพ้นโทษแบนในวันที่ 30 พ.ค.นี้แล้ว
ลำดับถัดมาก็คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิในคดียุบพรรคพลังประชาชน แล้วก็มาถึง ชินณิชา เป็นรายล่าสุด
เรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญ ของนักการเมืองทุกคนไม่ใช่แค่ ชินณิชา เท่านั้น ที่สามารถพลาดตกเก้าอี้ได้เพราะความไม่รอบคอบพอ ทั้งที่หากชินณิชาจะยันเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้ในบัญชีทรัพย์สินก็ไม่น่าจะ เป็นอะไรถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ได้มีอะไรปกปิดซ่อนเร้นถึงที่มาที่ไปของเงินดังกล่าว แล้วมาคิดได้ในภายหลังจึงจะขอยื่นเพิ่มเติม แต่ก็สายไปแล้ว
ซึ่งผู้นำเรื่องไปยื่นต่อป.ป.ช.ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสว.สรรหาเจ้าเดิม ที่ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้พวกเพื่อไทย-คนเสื้อแดง รู้สึกอย่างไร ด้วยเหตุหลายคนเห็นว่าระยะหลังเรืองไกรออกจะแดงค่อนข้างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งซ่อม “เจ๊แดง”หากพ้นโทษแบนออกมาแต่ดูเงื่อนเวลา คงไม่ทัน เพราะลำดับแรกการจะลงสมัครส.ส.ได้ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างน้อย 90 วัน เนื่องจากไม่ใช่การยุบสภา แค่เงื่อนไขดังกล่าว “เจ๊แดง”ก็หมดสิทธิแล้ว
ดังนั้น เพื่อไทยและตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องส่งคนอื่นลงแทนไปก่อน หรือไม่แน่อาจจะเป็นคนในตระกูล วงศ์สวัสดิ์ ที่เจ๊แดง เข็นมาเป็นทายาทการเมืองคนใหม่แทนชินณิชาที่อาจจะเป็นลูกชายคนโต แต่ก็ต้องดูว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองครบ90วันหรือไม่
หรือไม่ ก็เอาใครในสังกัดกลุ่มเจ๊แดงมาขัดตาทัพไปก่อน
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน