จากประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์

ท่าม กลางกระแสข่าวการเสนอชื่อผู้ที่จะเข้าไปเป็นประธานคณะกรรมการและกรรมการใน คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แทนคนเก่าที่จะครบวาระ

เร็ว ๆ นี้ ขณะที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.เสนอชื่อ "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล นั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติอีกสมัยหนึ่ง กับ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ลงแข่งขันตามโควตา มีข่าวหนาหูว่าฟากปลัดกระทรวงการคลัง อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ซึ่งมีสิทธิ์เสนอ 1 ชื่อ ส่ง "ดร.วีรพงษ์ มารางกูร" เป็นคู่ชิง

จะจริงเท็จแค่ไหน "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะเป็นผู้เสนอชื่อผู้ได้รับเลือกให้นั่งในตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ตอบข้อสงสัย

- กรณีสรรหาคณะกรรมการแบงก์ชาติ มีการเสนอชื่อใครบ้าง

ผม จะเลี่ยงตอบว่ามีรายชื่อใครเป็นว่าที่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ต้องระวังเพราะไปเกี่ยวกับบุคคลอื่น แล้วเป็นกระบวนการที่ต้องมีการคัดเลือก ผมจะพยายามไม่ให้ระแคะระคาย เพราะเดี๋ยวเป็นที่รู้กันว่าคนนี้คนนั้นจะถูกเสนอชื่อ สุดท้ายคนที่ได้เป็นน้อยกว่าอยู่แล้ว ก็จะกลายเป็นว่าบางคนที่ไม่ได้เป็นก็จะไม่ดี

- ดร.วีรพงษ์ก็ออกมายอมรับแล้วได้รับการเสนอชื่อ

ก็ เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะยอมรับ แต่ไม่ใช่สิทธิ์ของผมที่จะพูด ผมก็ทาบทามคนที่มีคุณสมบัติที่พร้อมจะเป็น ส่วนท่านจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่กระบวนการต้องว่ากันไป คิดว่าอีกไม่เกิน 1 เดือนจะรู้ผล

- ตามขั้นตอน ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน

ก็ อยู่ที่ว่ากรรมการ (สรรหา) เขาจะประชุมเมื่อไหร่ เพราะระยะเวลาก็ไม่ได้บีบไว้ คณะกรรมการสรรหาเลือกแล้วก็เสนอมาให้ รมว.คลังพิจารณา จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี เพราะถ้าคณะกรรมการสรรหาโหวตมาแล้ว รมว.คลังไม่เสนอ ครม. ก็จะเจอมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

- ประธานคนเก่ายังมีสิทธิ์เป็นได้อีกสมัย

ได้ เพราะท่านเพิ่งเป็นมาวาระเดียว ฉะนั้นถ้าจะเป็นวาระที่สองก็เป็นได้

- ต้องการได้คนที่ทำงานสอดคล้องกับรัฐบาลมากกว่า

ถ้าผมเป็นวาทยากรของวงออร์เคสตร้า ผมก็อยากให้นักดนตรีที่มีความสามารถในวง เขาบรรเลงอย่างที่ผมคิดว่าควรจะเป็น เพลงจะได้เพราะ

- จะถูกมองว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซงหรือเปล่า

การ เมืองมาจากการเลือกตั้ง การเมืองมีสิทธิ์ที่จะทำหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะการเมืองมีความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี คนออกคะแนนเสียงเขาก็ไม่เลือกเรา

- ประธานแบงก์ชาติคนใหม่ต้องทำอะไรบ้าง

หน้าที่ ของประธาน กับกรรมการก็เป็นหน้าที่เชิงนโยบาย ต้องทำงานกับฝ่ายบริหารของแบงก์ชาติ กับผู้ว่าการแบงก์ชาติ ผมมีโจทย์นิดเดียว คือหน้าที่ของรัฐบาลในการจะระดมสภาพคล่องมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวของ ประเทศ มันเป็นเรื่องเหมาะสม สมควร มีความจำเป็น มีความพร้อม ฉะนั้นในฐานะที่แบงก์ชาติเป็นผู้ดูดซับสภาพคล่องของระบบไว้ตามความจำเป็นใน อดีต ก็เป็นเรื่องที่ดี เข้าใจได้ แต่ในเมื่อประเทศมีความต้องการสภาพคล่องเหล่านั้น ก็ต้องทำงานด้วยกัน ก็ขอให้ท่านค่อย ๆ ส่งคืนสภาพคล่องเหล่านั้นให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่รัฐบาลหรือระบบต้องการลง ทุนโครงสร้างพื้นฐานก็เท่านั้น

- ประธานบอร์ดแบงก์ชาติเกี่ยวข้องกับการตอบโจทย์นี้อย่างไร

ก็เกี่ยวในแง่ของนโยบายในการบริหารตลาดเงิน เกี่ยวแน่ เพราะบอร์ดก็มีหน้าที่ปรึกษาหารือกับฝ่ายบริหาร กับผู้ว่าการแบงก์ชาติอยู่แล้ว

- บทบาทน่าจะเป็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน

ก็ถูกบอร์ดแบงก์ชาติตั้งนั่นแหละ

- สภาพคล่องที่มีมาก 7-8 แสนล้านบาทจะทำอย่างไร

บาง ส่วน มันไม่ใช่เรื่องที่รัฐจะเข้าไปทำอะไรได้ทุกเรื่อง คนไปเที่ยวต่างประเทศก็ช่วยได้ หรือภาคเอกชนที่จะลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรต่าง ๆ ซึ่งในอดีตเรากลัวการนำเข้าเครื่องจักร เพราะกลัวเงินสำรองระหว่างประเทศไม่พอ กลัวเงินจะตึงตัว กลัวขาดดุลการค้า แต่ตอนนี้เราได้ดุลมา 15 ปีต่อเนื่อง จนกระทั่งกลายเป็นสภาพคล่องส่วนเกิน ที่บอกว่าสภาพคล่องส่วนเกิน 7-8 แสนล้านบาทนั้น ยังไม่นับรวมส่วนที่เกินไปจากนั้นที่มีการดูดซับไว้แล้ว

ระยะสั้น รัฐบาลก็เร่ง อย่างโครงการลงทุนระบบบริหารจัดการน้ำ ก็มีส่วนหนึ่งต้องนำเข้า หรือการสนับสนุนเอสเอ็มอีที่จะซื้อเครื่องจักรใหม่ ซึ่งให้หักค่าเสื่อมได้เร็วกว่าเดิม เครื่องจักรเหล่านี้ไม่มากก็น้อย ต้องมีการนำเข้า ขณะเดียวกันการที่เราไม่ได้ลงทุนเท่าที่ควร โดยเฉพาะใน 5-6 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้เกิดการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าอาคารผู้โดยสารสนามบิน รถไฟใต้ดิน รถไฟลอยฟ้า จะมีการอนุมัติโครงการเหล่านี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์

- ยังมีนโยบายจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนอยู่หรือไม่

การ ที่เราจะพร้อมลงทุนอะไรอาจจะนำไปสู่การขาดดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด แล้วจะทำให้บาทอ่อนไปบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร 5 ปีที่ผ่านมา ถ้าเราลงทุนโดยไม่ชะงักเพราะความไม่ต่อเนื่องทางการเมือง หรือไม่กล้าลงทุน ป่านนี้บาทคงไม่ต้องแข็งขนาดนี้ แต่แข็งแล้วก็แข็งไป ก็ปรับตัวกันไป

สิ่ง ที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญข้างหน้า คือ อย่าไปอยากให้มันแข็ง ซึ่งมักเป็นผลลัพธ์มาจากนโยบายบางเรื่อง ไม่ได้หมายถึงนโยบายของแบงก์ชาตินะ เหมือนบางประเทศที่เคยอยากให้เงินสกุลท้องถิ่นของเขาแข็ง เพราะทำให้เงินเฟ้อต่ำ แต่ของเราต้องบอกว่าการที่เราต้องทำอย่างอื่น โดยคำนึงถึงประโยชน์ด้านอื่นบ้าง

เงินเฟ้อก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง แต่ถ้ามัวตั้งเป้าว่าจะกดเงินเฟ้อให้ต่ำ จะไปทำเรื่องไม่น่าทำหลายเรื่อง เช่น ในอดีตจะพอใจกับเงินเฟ้อต่ำ เพราะค่าแรงถูก ซึ่งก็ทำให้คนมีความทุกข์เป็นล้าน ๆ คน

สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน