สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ร้อนกับฝนที่เขาใหญ่

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...จำลอง บุญสอง

ผมมักเลี่ยงที่จะเขียนถึงเขาใหญ่ เพราะเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวรู้จักดี  เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หนทางไปมาสะดวก ไม่เขียนถึงเขาใหญ่คนก็หอบเงินไปจ่ายให้อุทยานแห่งนี้อยู่ดี

แต่ถึงเลี่ยงที่จะเขียนถึงเขาใหญ่อย่างไร ผู้ประกอบการธุรกิจทั้งหลายก็มักจะชวนผมไปร่วมกิจกรรม CSR ของบริษัทที่จัดขึ้นที่เขาใหญ่เสมอ เพราะนอกจากไปง่ายมาง่ายแล้ว ยังมีที่พัก ที่จัดกิจกรรม แบบครบวงจรในบรรยากาศที่ดีอีกต่างหาก

ร้อนที่ผ่านมา โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทำประชาสัมพันธ์ประจำปีให้คนไทยไม่ลืมโรงพยาบาล ก็จัดให้นักข่าวไปดูพืชพรรณไม้ที่นั่นหลังเสวนา (ที่โรงพยาบาล) เสร็จแล้ว อาทิตย์ช่วงต้นฝน “ทรู” ลูกในอกของซีพีก็จัดการประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” เพื่อทำ CSR ให้บริษัท ทรู ก็ชวนผมไปงานด้วยในฐานะที่เป็นช่างภาพและสื่อท่องเที่ยว ชอบมากๆ ที่ทรูเอาภาพถ่ายมาโน้มนำให้คนรู้สึกรักสัตว์ป่า รักป่า ก็เลยไปร่วมงาน ไปฟังคนใหญ่คนโตพูด

รองอธิบดีฝนที่มาเปิดงานแทนท่านอธิบดีจอมบู๊พูดได้จับใจ ผมเป็นแฟนรองฝน เชียร์ให้ท่านเป็นอธิบดีตามเวลาอันเหมาะอันควร เพราะท่านเป็นนักวิชาการที่ผ่านงานสนามจริง เป็นคนรักป่า รักสัตว์ป่า แถมอัธยาศัยใจคอก็ดี ท่านอาชว์ เตาลานนท์ เบอร์ 2 ของซีพีก็เยี่ยม ท่านพูดถึงการนำการถ่ายภาพสัตว์ป่ามาเป็นสะพานใจให้คนรักป่า รักสัตว์ป่า โดยไม่เยิ่นเย้อ ไม่ต้องใช้สคริปต์ อาวุโสขนาดนั้น การเรียงลำดับความคิดยังเยี่ยม ร่างกายยังแข็งแรง (ขนาดยกเลนส์ 300 มม. ผมเล่นได้) ก็ต้องขอคารวะท่านด้วยความจริงใจ

การทำธุรกิจของซีพี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของทรูนั้น เกี่ยวข้องกับทั้งคนและสิ่งแวดล้อม การทำ CSR ให้คนรักป่า รักษาสิ่งแวดล้อม จึงเป็นการ “ย้อนศร” ธุรกิจของบริษัทได้อย่างแยบยล ผมเห็นบริษัทที่ทำผลิตภัณฑ์ทำลายสุขภาพก็ส่งเสริมสุขภาพประชาชนย้อนศรทำนอง เดียวกัน หลายๆ บริษัทในโลกก็ทำ CSR ย้อนศร ทำเพื่อลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท

นอกจากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร อาหาร โทรศัพท์แล้ว ซีพียังลงทุนทำทีวีอีก เรียกว่ากุมธุรกิจการเกษตร กุมธุรกิจการอาหารแล้วก็ยังไม่พอ ยังกุมธุรกิจการสื่อสาร กุมการสื่อสารเอาไว้ในมืออีกต่างหาก เจ้าสัวธนินท์ไม่รวยติดอันดับโลกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ใครจะว่าซีพีเป็นปลาหมึกยักษ์แย่งอาชีพคนจนก็ว่ากันไป ก็ในเมื่อระบอบ (Dictatorial Regime) ไทย “เอื้อ” ให้ซีพีและทุนผูกขาดอื่นๆ ทำได้ ใครจะว่าซีพีผมก็ต้องแก้แทนให้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ซีพี แต่อยู่ที่การเมืองผิดที่เอื้อทำให้เกิดทุนผูกขาดต่างหาก เห็นพวกซ้ายสมัยก่อนไปทำงานกับซีพีเยอะไป!

หน้าร้อนมีคนไปนอนเขาใหญ่กันมาก ที่มากก็เพราะเขาใหญ่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวของครอบครัว วัยรุ่นก็มาถ่ายรูปไปโพสต์กันที่นี่ ช่วงดังกล่าวจึงมีคนกรุงเทพฯ และคนจังหวัดอื่นๆ มากองรวมกันอยู่ที่เขาใหญ่มากกว่าอุทยานใด ยิ่งสงกรานต์ด้วยแล้วยิ่งมากเข้าไปใหญ่

อุณหภูมิช่วงกลางวันในหน้าร้อน แม้จะร้อนบ้างแต่ก็ไม่ร้อนเท่ากรุงเทพฯ กรุงเทพฯ นอกจากจะมีละอองน้ำมันจากท่อไอเสียลอยฟุ้งเป็นกะลาครอบเมืองแล้ว ยังไม่มีต้นไม้มากพอที่จะทำให้เกิดความต่างของอุณหภูมิในอันที่จะทำให้เกิด การหมุนเวียนของลมอีกต่างหาก กรุงเทพฯ หน้าร้อนจึงเป็น “นรกซิตี” สำหรับ “คนยากจน” แท้ๆ (ความจริงก็ทุกฤดูนั่นแหละ)

กลางวันนอกจากจะมีลมไหลตามหลุบและร่องเขาตามความสูงต่ำของพื้นที่และความ ต่างของอุณหภูมิ อันเนื่องมาจากการมีต้นไม้แล้ว กลางคืนบางคืนยังออกจะหนาวอีกด้วย

อุณหภูมิ 20 องศา บวกลบในป่าอากาศบริสุทธิ์ ต่างกับ 20 องศา ในเมืองอากาศไม่บริสุทธิ์เยอะ ถ้าใครเคยไปทุ่งใหญ่ฯ หน้าร้อน คือเดือน เม.ย. จะรู้ว่าแค่ 5-6 โมง ก็สั่นงั๊กๆ อาบน้ำไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงกลางดึกว่าจะยะเยือกขนาดไหน ถ้ากรุงเทพฯ สร้างป่าสูงต่ำให้เป็นหย่อมๆ แบบยุโรปหรือมาเลย์ เราคงไม่เสียเงินซื้อน้ำมันให้เสียเงินชาติกันมากมายอย่างทุกวันนี้!

ต้นฝนที่ผ่านมา มีฝนพรมป่าแทบจะทุกวัน ไปเขาใหญ่ต้นฝนจึงไม่ต้องกลัวร้อน แต่ต้องกลัวทาก กลัวว่ามันจะมาเกาะขาเกาะคอโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่กลัวจนเกินงาม แต่ไม่อยากเสียเลือดและไม่ชอบเกาแผลที่ถูกน้ำลายของทากที่หลั่งออกมาย่อย ละลายลิ่มเลือดในตัวเรา!

ทากเขาใหญ่มีมากก็เพราะเขาใหญ่มีสัตว์กีบล้นเกิน สัตว์ผู้ล่าไม่มีหรือมีน้อยเพราะถูกพรานล่าเอาเขี้ยวเอาหนังไปขาย เก้ง กวาง ทุกตัวที่เดินผ่านหน้าเรา ดูไกลก็สวยงาม ตื่นเต้นดี แต่พอดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาตามร่องขา ร่องกีบ เพราะเป็นบริเวณที่ทากมักจะใช้ดูดเลือด “ก้น” อันงามของมันก็มีแต่เห็บเกาะ ดูดๆ กันจนตัวเป่งโตงเตงไปโตงเตงมา ครั้นจะไปเอาออกให้ก็กลัวโดนมันดีดเอา เข้าใกล้มันก็เดินหนี พวกที่ไม่มีเห็บก็คงจะมีแต่พวกลิงเท่านั้น เห็บเกาะเมื่อไหร่ลิงยัดใส่ปากกินหมด ส่วนทากถ้าจะเกาะกินเลือดลิงได้ “ลิง”ก็ต้องตัดสระอิออกให้เป็น “ลง” คือ “ลง” จากต้นไม้มาเดินตามพื้นให้ทากเกาะ พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกไม่ออกว่า “ลิง” จะจัดการกับ “ทาก” ที่เกาะตัวมันได้อย่างไร จะทำแบบลิงโดนกะปิหรือเปล่า?

คนไปเที่ยวเขาใหญ่ช่วงต้นฝนน้อย เพราะเป็นช่วงเปิดเทอม ผู้ปกครองนอกจากวุ่นกับการเข้าเรียนของลูกๆ แล้ว ยังกระเป๋าแฟบอีกด้วย เขาใหญ่จึงมีโอกาสได้พักเบาๆ ประจำปี แต่การพักของเขาใหญ่ยังไงก็พักได้ไม่เท่ากับการพักเกาะของอุทยานแห่งชาติ สุรินทร์กับสิมิลันที่มีมรสุมใหญ่ป้องเอาไว้

หน้าร้อนถ่ายรูปสวยเพราะ “ฟ้าเป็นฟ้า” จะไปถ่ายภาพมอส เฟิร์น ก็จะไม่งาม เพราะการขาดน้ำทำให้เจ้าพวกนี้เหี่ยวไปตามเหตุปัจจัย มีแต่ต้นไม้ใหญ่เท่านั้นที่ยังเขียว แต่ถึงมอส เฟิร์น จะเหี่ยวไปอย่างไร ป่าหน้าร้อนก็ชดเชยความงามให้นักท่องเที่ยวด้วยสีของดอกไม้ป่า นักถ่ายภาพดอกไม้ป่าจึงชอบหน้าร้อนกันจริงๆ จังๆ

หน้าฝนแม้ต้นไม้จะเปล่งปลั่งร่าเริงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำใหม่ทั้งป่าก็ จริง แต่ถ่ายฟ้าได้ไม่สวยนัก เพราะ “ฝนเป็นฝน” ฝนทำให้ฟ้าออกเทา ไม่สดใส แต่ถ้าวันไหนฟ้าเปิด แดดจ้าฟ้าสว่าง ใครๆ ก็รู้ว่าฤดูไหนๆ ก็ถ่ายภาพสู้หน้าฝนที่ไม่มีฝุ่นละอองในอากาศไม่ได้ แต่ถึงฟ้าหน้าฝนจะหม่นอย่างไร ป่าก็ชดเชยความสวยให้กับช่างภาพด้วยทะเลหมอกที่มีชีวิตชีวาแทน ก็ในจำนวนผู้ที่ได้รางวัลภาพถ่ายยอดเยี่ยม ก็มักจะมีทะเลหมอกเสมอไม่ใช่หรือ


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ร้อนกับฝน เขาใหญ่

view