จุฬาราชมนตรีชี้แจง "อิสลาม" ไม่ห้ามทำงานวันศุกร์
จากประชาชาติธุรกิจ
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ส่งหนังสือตอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ชี้แจงกรณีการทำงานในวันศุกร์ของมุสลิม เพื่อให้เกิดความกระจ่างและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อมุสลิมและประชาชนทั่วไป ภายหลังจากที่ ศอ.บต. ได้ทำหนังสือด่วนสอบถามกรณีเกิดกระแสข่มขู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ห้ามประชาชนทำงานหรือเปิดร้านขายของในวันศุกร์ จนทำให้วันศุกร์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าประกอบอาชีพค้าขาย เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย
หนังสือของจุฬาราชมนตรีมีความยาว 3 หน้ากระดาษ สรุปว่า การทำงานในวันศุกร์มิได้ขัดแย้งกับหลักศาสนาอิสลาม เพราะการทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยยังชีพ เป็นสิ่งที่อิสลามให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง เนื่องจากการดำรงชีพโดยมุ่งสู่เป้าหมายที่องค์อัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้าทรง กำหนดนั้น เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้โดยไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น และสามารถทำหน้าที่เพื่ออัลลอฮ์ได้โดยไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ใด ผู้ทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวด้วยอาชีพสุจริตจึง เป็นผู้ประเสริฐ
"เมื่อคนเราต้องบริโภคทุกวัน อิสลามจึงไม่ห้ามที่จะทำงานทุกวัน แม้วันนั้นจะเป็นวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นวันสำคัญประจำสัปดาห์ก็ตาม สิ่งที่อิสลามบัญญัติคือบุคคลต้องไม่ให้ความสำคัญแก่การทำงานหารายได้ มากกว่าการประกอบพิธีละหมาดญุมอะฮ์ (ละหมาดวันศุกร์) ถวายเป็นอิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้า" หนังสือของนายอาศิสระบุตอนหนึ่ง
ภายในหลังสือดังกล่าว จุฬาราชมนตรียังได้ยกพระดำรัสแห่งอัลลอฮ์ ซูรอฮ์ (โองการ) อัลญุมุอะฮ์ อายะฮ์ที่ 9-10 ความว่า "ดูกรผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เมื่อเสียงเรียกร้องสู่การละหมาดดังขึ้นในวันศุกร์ พวกเจ้าก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮ์เถิด และจงยุติการซื้อขายเสีย นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้” และ "ครั้นเมื่อการประกอบพิธีละหมาดเสร็จสิ้นลง พวกเจ้าก็จงกระจายไปในแผ่นดินเถิด จงแสวงหาคุณูปการแห่งอัลลอฮ์ (ทำงานหารายได้) และจงรำลึกถึงพระองค์ให้มาก เพื่อพวกเจ้าจะได้พบกับความสำเร็จ"
หนังสือของจุฬาราชมนตรี ยังระบุอีกว่า ฉะนั้นแม้จะเป็นวันศุกร์ แต่อัลลอฮ์ก็ยังส่งเสริมให้ทำงานเพื่อแสวงหาคุณูปการที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ให้ สิ่งที่ผู้ทำงานทุกคนต้องรำลึกอยู่เสมอก็คือ เมื่อได้ยินเสียงอะซานเรียกร้องสู่การละหมาด งานทุกอย่างต้องยุติลงและบุคคลต้องเตรียมตัวไปละหมาดอย่างรีบเร่ง ครั้นเมื่อละหมาดเสร็จสิ้นแล้ว ก็รีบไปทำงานต่อ โดยมีจิตรำลึกอยู่เสมอว่าโภคปัจจัยที่ได้มาล้วนเป็นคุณูปการแห่งอัลลอฮ์ทั้ง สิ้น
"ดังนั้นการข่มขู่ให้สุจริตชนหยุดทำงานในวันศุกร์ นับเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น เป็นการแอบอ้างศาสนาอิสลามเพื่อผลประโยชน์ของตนอย่างมิชอบ และเป็นการกระทำที่อยู่นอกกรอบแนวทางของอัลลอฮ์อย่างสิ้นเชิง" หนังสือสรุปในตอนท้าย
มีรายงานด้วยว่า เมื่อทาง ศอ.บต. ได้รับเอกสารดังกล่าว ทาง ศอ.บต. ได้เตรียมนำเนื้อความในหนังสือของจุฬาราชมนตรีจัดทำเป็นเอกสารพิมพ์ 3 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ละภาษามลายู แจกจ่ายพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็วที่สุดด้วย
ที่มา : มติชนออนไลน์
อิหม่ามปัตตานีวอนอย่านำศาสนาโยงเหตุไฟใต้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ปัตตานี - อิหม่ามประจำ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีวอนอย่านำศาสนาโยงเหตุไฟใต้ ชี้การทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล อย่านำศาสนาไปเหมารวม ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี แต่ตัวคนที่นับถือแต่ละศาสนามักทำผิดหลักคำสอน
นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เราต้องแยกจากกันระหว่างศาสนากับคนที่นับถือศาสนา เพราะศาสนาทุกศาสนาทั่วโลกสอนให้คนเป็นคนดี กระทำแต่คุณงามความดี ฉะนั้น เฉพาะคนที่นับถือศาสนา ตนก็ไม่ยืนยันว่าคนที่นับถือศาสนาอิสลามจะเป็นคนดีไปทั้งหมด เช่นเดียวกับศาสนาอื่นด้วย
การก่อเหตุทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์มันไม่ใช่เกิดขึ้นแต่ 3 จังหวัดภาคใต้ ในพื้นที่ภาคอื่นก็มีคดีอาชญากรรม มีการดื่มเหล้า เล่นการพนัน ซึ่งทุกศาสนาก็ดื่มและเล่น ถามว่าคนที่มีความศรัทธาในศาสนามีกี่เปอร์เซ็นต์ ตนมีความเชื่อว่าถ้าคนเรามีศาสนาอยู่ในใจไม่มีใครที่จะไปทำความชั่ว
ส่วนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับการก่อเหตุทำร้ายประชาชนและมีการระบุว่าเป็นเรื่อง ของศาสนานั้น ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลามถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในเมื่อมุสลิมมีจำนวนมากแน่นอนที่สุดคนที่มีโอกาสพลาดในการทำความผิดก็ย่อม มีคนมุสลิมเข้าไปด้วย ถ้าหากมองไปถึงประชาชนในภาคอีสาน ภาคเหนือ ตนยังไม่เห็นหรือปรากฏว่าคนอิสลามเป็นผู้กระทำผิด แต่กลับตรงกันข้าม ภาคอื่นมีพุทธมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นเราต้องแยกให้ออกระหว่างศาสนากับคนที่นับถือศาสนา ถ้าเราไม่แยกออกจากกัน มาเหมารวมก็มองว่าศาสนาอิสลามมีความรุนแรง
“คนที่กระทำในสิ่งที่ไม่ดีจะก่ออาชญากรรม จะทำลาย ทำร้าย จะเป็นคนอิสลาม พุทธ คริสต์ จีน ก็ถือว่าเป็นคนที่ไม่ดี จะนับถือศาสนาอะไรก็ไม่เกี่ยวกับศาสนา ฉะนั้น อย่างโยงเป็นเรื่องของศาสนา ศาสนาเป็นเรื่องสูงส่ง ความมีเกียรติ ความศักดิ์สิทธิ์ อย่างไปโยง คนทำชั่วก็เป็นคนชั่ว เป็นเรื่องส่วนบุคคล ศาสนาเป็นเรื่องขององค์รวมอย่างไปรวมมาเหมารวมมันไม่ดี”
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน