ภูลังกา...ภูดอกไม้
โดย : คมฉาน ตะวันฉาย
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
จะตั้งชื่ออะไรดีระหว่างชื่อภูและความเป็นเอกลักษณ์ของภูแห่งนี้ สุดท้ายผลก็โลภ ตั้งมันทั้งสองชื่อเลย
ด้วยว่าชื่อแรกนั้นหมายถึงภูเขาหินทรายที่ไม่สูงนักในเขต จ.นครพนม ในพื้นที่ อ.บ้านแพง เรียกว่าเหนือสุดแทบจะติดเขตแม่น้ำโขงก็ได้ และปัจจุบันเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติภูลังกา แต่ชาวบ้านย่านนั้นจะรู้จักน้ำตกตาดโพธิ์ น้ำตกตาดขามเสียมากกว่า เพราะที่นี่เป็นชื่อแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่รู้จักกันมานาน
ความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของภูแห่งนี้ที่น่าสนใจ คือไม่สูงมากนัก เดินไม่ไกล แต่ทิวทัศน์ข้างบนนั้นสวยมาก จุดชมวิว 2 ทิศ คือทั้งพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งลาว และพระอาทิตย์ตกทางฝั่งไทย ลานหินกว้างใหญ่บนนั้น ที่สำคัญดอกไม้ป่านานาชนิดละลานตาไปหมด แค่นี้ก็ดึงดูดและเชิญชวนคนเดินป่าให้แบกเป้สะพายหลังเดินขึ้นเขาแล้วละครับ
ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตผมมักเล่าย้อนหลังให้เห็นภาพของแต่ก่อนกับในปัจจุบัน เพื่อให้เห็นความแตกต่างและพัฒนาการของแต่ละพื้นที่ว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพราะแต่ละแห่ง ส่วนใหญ่ผมไปมาเกิน 1 ครั้งทั้งนั้น บางที่ บางแห่งที่ชอบมาก ไปแทบจะทุกปีก็มี ภูลังกานี่ก็ด้วยอีกแห่งหนึ่ง อย่าถามว่าไปมากี่ครั้ง ถามว่าปีไหนไม่ได้ไปตอบง่ายกว่า
แต่ไปกี่ครั้งๆ พอเดินขึ้นเนินจุดชมวิว ซึ่งเป็นเนินพักเนินแรกนั้นสามารถเช็คตัวเองได้เลยว่าแก่แล้ว สมควรปลดระวางจาการเดินป่าได้หรือยัง เพราะการมาที่นี่ต้องเดินเท้าและแบกเป้ขึ้นเขา ระยะทางไม่ไกล ภูไม่สูง ถ้าจะเดินแบบเช้าไปเย็นกลับ หิ้วแต่ข้าวกลางวันกับหิ้วน้ำดื่มไปก็ได้ แต่คนเที่ยวป่าไม่ได้ต้องการแค่พิชิต หากแต่ต้องการซึมซับ ผมจึงยอมแบกเป้สะพายหลังที่มีทั้งเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว อุปกรณ์การนอนและเสบียงอาหาร กระเป๋ากล้องใบใหญ่หนักเกิน 3 ก.ก. ถูกสะพายไว้ข้างหน้า และถือขาตั้งกล้องไปด้วยเพื่อไปค้างคืนบนนั้น
แค่นี้ก็หนักโข เรี่ยวแรงถดถอย อาศัยเก๋าเกมจึงได้แต่เดินช้าๆ ก้าวสั้นๆ เวลาขึ้นเขาชัน จึงทำให้ไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องพักบ่อยๆ ต่างจากผู้ร่วมเดินทางที่แม้จะหนุ่มกว่า 20 ปี แต่การเดินขึ้นเขาสะพายเป้หลัง ไม่เหมือนเดินห้างสรรพสินค้า ไม่นานจึงนั่งตะคริวกินและพักเหนื่อยถี่ขึ้นจนผมต้องเดินล่วงหน้า ปล่อยเจ้าหน้าที่อุทยานฯให้ปรนนิบัติบัดวีกันไปตลอดทาง
ภูเขาหินทรายทั้งลูก ถ้าบอกมาแค่นี้คนเที่ยวป่าจะเดาต่อได้เลยว่า พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นลานหิน ดินเป็นดินทราย ถ้ามีหน้าผาจะตัดชันหักดิ่ง ต้นไม้ที่ขึ้นจะเป็นป่าเต็งรัง หญ้าเพ็ก เชิงเขาเป็นป่าเบญจพรรณ ฯลฯ อะไรประมาณนี้ ผมไม่ได้เรียนมาทางวนศาสตร์ แต่เดินป่าทุกภูมิภาค เห็นป่ามาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ก็ไม่ผิดจากนี้ ซ้ำยังคาดเดาสภาพแหล่งน้ำ ฤดูกาลไหนเป็นอย่างไร ต้นไม้ ใบหญ้า เห็ดป่า สัตว์ คือถ้าเที่ยวป่ามาก และไม่ใช่ว่าสักแต่ไปให้ถึง แบบบ้าพลัง หากไปแล้วก็สังเกต ศึกษา ผมว่าแทบทุกคนแหละครับจะรู้จักธรรมชาติไม่ต่างกัน
อุทยานฯภูลังกามีเนื้อที่อุทยานฯแค่บนภูเขา ซึ่งผมบอกแล้วว่าเป็นลานหินที่นี่จึงไม่มีสภาพเป็นพื้นที่ซับน้ำ หากแต่ทำหน้าที่แบบหลังคาบ้าน จึงมีน้ำเฉพาะหน้าฝน แต่ธรรมชาติก็มหัศจรรย์มากที่ยังอุตส่าห์มีตาน้ำ หรือที่เราเรียกว่าน้ำซับ ซึมลอดซอกหินออกมา ให้คนเดินทางก่อนหน้าได้ไปขุดให้กว้างขึ้นแล้วก่อปูนกั้นเป็นขอบกลายเป็นบ่อน้ำเล็กๆ ที่ใครไปใครมาก็ได้กินได้ดื่มอย่างชื่นใจ ระหว่างกึ่งกลางทางพอดี
ถ้าท่านผู้อ่านอยากมาเดินป่าที่เป็นภูเขาหินทราย จำไว้ว่าต้องหน้าฝนสถานเดียว ถ้าจะให้สวย ต้องตั้งแต่กรกฎาคมไปจนถึงต้นๆ ตุลาคม ภูเขาหินทรายก็ต้องภาคอีสานนี่แหละเกือบทั้งภูมิภาค หน้าฝนจึงเป็นฤดูกาลของการเดินป่าภาคอีสานของคนเที่ยวป่า เพราะไปหน้านี้ แทบทุกร่องธารจะเป็นน้ำตก แทบทุกริมธารน้ำตกจะมีดอกไม้ป่า ตั้งแต่ดอกเข้าพรรษา มหาหงส์ ประดับดิน บีโกเนีย เทียนน้อย สาวสนม ดอกดินแดง ฝ้ายผีดอกใหญ่ๆ เอื้องหมายนาสีขาวสด พู่ม่วง แววมยุรา หญ้าเกล็ดหอย หญ้าผักปราบ ขี้ครอก จอกบ่วาย หยาดน้ำค้าง หม้อข้าวหม้อแกงลิงยังมีเลย
กล้วยไม้ดินพวกเอื้องม้าวิ่ง ที่นี่ออกดอกเป็นกอใหญ่ๆ เอื้องนวลจันทร์หรือเหลืองพิศมรเหมือนกับใครมาปลูกเป็นแปลงๆ ลิ้นมังกรมีทั้งสีแดง สีส้ม ที่สำคัญที่นี่มีหญ้าพันเกลียว หรือที่เราเรียกหญ้าทาโร่ ซึ่งจริงๆ ไม่ได้พบแค่ที่ภูวัวเท่านั้น ที่นี่ก็มีด้วย จะเห็นว่าที่นี่ดอกไม้ดินต่างๆ เยอะจริงๆ ส่วนใหญ่จะขึ้นกระจายกันตามชายขอบลานหินที่พอมีดินไปกองๆ รวมกัน โดยเฉพาะดอกเทียนน้อยนั้นเยอะจริงๆ เหมือนสีบานเย็นไปหกรดลานหิน ไม่เรียกภูดอกไม้จะเรียกอะไรจึงจะสมควรแก่สภาพของภูลังกา นครพนมแห่งนี้
จุดสูงสุดบนนี้มีเจดีย์ศรีบุญเนาว์ที่สร้างไว้นานแล้ว ผมไปเห็นมาทุกสี ทั้งสีปูนเปลือย สีขาว จนเดียวนี้เป็นสีทองแล้วบนเนินเจดีย์ เช้าๆ จะเห็นแม่น้ำโขงสงบนิ่งซ่อนตัวในเงามืดของภูเขาที่ซับซ้อนฝั่งลาว รอแสงเช้ามาเยือน แต่ถ้าเป็นฝั่งไทยต้องมารอดูพระอาทิตย์ตกทางบึงโขงโหลง ไกลออกไปเห็นภูทอก ภูสิงห์ บนยอดภูลังกามีลานหินกว้างที่ชมวิวได้ทุกที่ ทุกมุม ลมโกรก เย็นสบายมีศาลาไว้เป็นที่พักกางเต็นท์ ผูกเปลนอนได้ หน้าฝนพอมีน้ำให้อาบให้ใช้ แต่หน้าแล้งก็แย่หน่อย
ที่น่ากลัวตอนนี้คือมีพระขึ้นไปอยู่อาศัยตามเพิงหินกระจายกันทั่วบนภู บางรูปหนักกว่านั้น ถางป่าที่มีน้อยนิดบนนั้น แล้วปลูกต้นไม้หอมหรือกฤษณาเป็นสิบๆ ไร่ มีเครื่องปั่นไฟ มีสารพัด ถ้าไม่นิมนต์ท่านลงตั้งแต่เป็นที่พักสงฆ์เล็กๆ พอขยายเป็นวัดใหญ่โตจะนิมนต์ลงยากแล้วป่าจะพัง แล้วชาวบ้านเองก็เริ่มมีพฤติกรรมไปหาพืชป่า ต้นดอกไม้ป่าลงมาขายกันแล้ว ผมว่างานของอุทยานฯ ภูลังกานอกจากจับพวกตัดไม้พะยูง เตือนพวกรุกป่าปลูกยางพารา คงต้องมารบกับพระถางป่า ชาวบ้านโขมยต้นไม้อีกด้วย
(ที่นี่สามารถไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ แต่ถ้าจะเดินป่าค้างคืนก็ติดต่อทางอุทยานฯให้เขาจัดเจ้าหน้าที่และลูกหาบไว้ให้ที่ โทร. 086-224-7157 หรือ ททท.สำนักงานนครพนมให้ประสานให้ก็ได้ที่โทร.04 2513 4901 ไปให้ตรงกับช่วงฤดูกาลของดอกไม้ที่ผมว่าก็แล้วกัน)
บ้านเรายังมีดีอีกมาก เพียงแต่เรายังอาจจะดูไม่ทั่ว รู้จักไม่หมด เลยคิดว่าบ้านเราไม่มีอะไร นครพนมอยู่แค่นี้ ไปแล้วจะรักขึ้นอีกโขครับ...
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน