หลากเสียงจากหัวใจ"รักในหลวง
จาก โพสต์ทูเดย์
"เรารักในหลวง" หลากเสียงจากหัวใจพสกนิกรที่พร้อมใจสวมเสื้อเหลืองมาเฝ้าฯรับเสด็จฯในโอกาสมหามงคล
วันที่ 5 ธ.ค.2555 เป็นอีกวันที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของไทยด้วยภาพของพสกนิกรจำนวนมาก ที่ต่างพร้อมใจสวมใส่เสื้อเหลืองออกมารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต
เสียง"ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไม่ขาดสาย ตลอดเส้นทางเสด็จฯตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช จนถึง พระที่นั่งอนันตสมาคม และดังขึ้นเป็นหลายเท่าในยามที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่าน
ทุกใบหน้าของพสกนิกรที่รอเฝ้าฯรับเสด็จฯล้วนเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วย ความสุขอันเหลือล้น หลายคนน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความปลื้มปิติที่ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
นัยเนตร แสงศักดิ์ศรี อายุ 56 ปี อาชีพ แม่บ้าน ที่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างกับหมวกใบโตรูปในหลวงและมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย เป็นจำนวนมาก
เธอกล่าวว่า มาพร้อมกับครอบครัวเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่มาร่วมในงานพระราชพิธีครั้งนี้ และมองว่าปีนี้มีประชาชนเป็นจำนวนเยอะมาก ยิ่งเห็นคนเยอะก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง เพราะที่มาที่นี่เพราะว่ารักในหลวง
"เห็นมาตลอดทั้งชีวิตว่าพระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนและทรงทำ ความดีให้กับประเทศชาติ หลังจากเสร็จสิ้นงานนี้ เมื่อมีโอกาสก็จะแวะไปที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปรอเฝ้าพระองค์ท่านทุกครั้งที่เสด็จออก พร้อมภาวนาขอให้พระองค์ท่านหายประชวรไวๆ และมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน"นัยเนตรกล่าว
เช่นเดียวกับ ถวิล คงเดชศักดา วัย 68 ปี ปัจจุบันเป็นเลขานายกเทศมนตรี เทศบาล ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก ที่ เล่าว่า เดินทางมาร่วมงานเฉลิมพระชนมพรรษา ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปีนี้ โดยมาพร้อมกันทั้งคณะ 50 คนของเทศบาลต.ท่าช้าง ซึ่งในปีนี้รู้สึกว่าคนเยอะมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ หน้านี้ และตัวเองรู้สึกดีใจและซาบซึ้งมากๆ ที่ได้เข้ามาร่วมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีนี้อีกครั้ง
แม้จะยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่ถวิลก็บอกว่า ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย เพราะซาบซึ้งที่ได้เข้ามาชมพระบารมีของในหลวง
"พระองค์ท่านทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของประชาชนชาวไทย และขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป"ถวิลกล่าว
ไม่เพียงแต่ประชาชนชาวไทยเท่านั้น หากแต่ในหมู่ผู้คนที่มาร่วมเข้าเฝ้าฯในวันที่ 5 ธ.ค. ได้มีชาวต่างชาติเดินทางมาร่วมชื่นชมพระบารมีจำนวนมาก
พอล เฮมัน ชาวออสเตรเลีย อายุ 40 ปี ที่เดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี ระบุว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นคนไทยรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากขนาดนี้ พระองค์เป็นเหมือนจิตวิญญาณของคนไทย และทรงงานเพื่อคนไทยโดยแท้จริง
ขณะที่ คอร์เนเลีย มีม สาวเยอรมัน อายุ 24 ปี ซึ่งได้เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทยกว่า 10 เดือนกล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นมาก ที่เห็นคนไทยใส่เสื้อเหลืองมาร่วมงานมากขนาดนี้ และชื่นชมที่คนไทยรักในหลวง
ด้าน เดวิด โอเบอร์ บีทเลอร์ นักท่องเที่ยวชาวออสเตรีย อายุ 31 ปี กล่าวว่า ก่อนมาเมืองไทย ก็ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรู้สึกชื่นชมที่ทรงดูแลประชาชน
"ที่ออสเตรียไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผมรู้สึกตื้นตันใจแทนคนไทย"บีทเลอร์กล่าว
เอมม่า เรอิด นักท่องเที่ยวสาว จากประเทศอังกฤษ กล่าวว่า พึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นครั้งแรก แต่เคยได้รู้จักเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาพอสมควร ซึ่งเมื่อช่วงเช้าได้เปิดโทรทัศน์ในห้องพักที่โรงแรมและพบว่ามีพระราชพิธี จึงอยากที่จะออกมาร่วมชื่นชมพระบารมี
"เมื่อได้เห็นภาพของประชาชนชาวไทยที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก รู้สึกตื่นเต้นมาก"เอมม่ากล่าว
นอกจากชาวต่างชาติแล้ว ชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาร่วมเข้าเฝ้าฯเป็นจำนวนมาก
กลุ่มนักเรียนชั้น ม 5 โรงเรียนขอนแก่นวิทยาลัย ซึ่งเดินทางมากัน 24 คน กล่าวว่า มาถึงกรุงเทพตอนตีสองก็มาจับจองพื้นที่กัน โดยทั้งหมดต้องการมาชื่นชมพระบารมี สักครั้งหนึ่งก็ยังดี
"ทุกคนตั้งใจมา รีบจองรถแต่เนิ่นๆ เพราะมากันเยอะ เพราะอยากเห็นในหลวง เรารักในหลวง และเราก็รู้ว่าในหลวงทรงงานหนักมาตลอดตั้งแต่เด็ก"
ด้าน ณัฐวุฒิ นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วัย 23 ปี กล่าวว่าตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นในหลวงทรงงานหนักมาตลอด รู้สึกดีใจที่ได้เห็นในหลวงทรงงานหนักเพื่อประชาชน และ วันนี้ก็ตั้งใจมาเฝ้าฯรับเสด็จฯ และอยากบอกพระองค์ว่า "ผมรักในหลวง และขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง"
ขณะที่นางละเอียด พุทธศรี อายุ 53 ปี อาชีพนักการ ร.ร.โพธิสารพิทยากร กล่าวว่า มีโอกาสมารับเสด็จที่รพ.ศิริราชคนั้งนี้เป็นครั้งที่5 เพราะร.ร.ที่ทำงานอยู่ในเขตตลิ่งชัน แต่ทุกครั้งที่มาก็ไม่ได้เห็นพระองค์ชัด แต่จะมาบ่อยก็ไม่ได้ โดยหวังว่าครั้งนี้จะได้เห็นพระองค์ได้ชัดเจนที่สุด
"ฉันอยากชมพระบารมีของพระองค์ท่าน เคยเห็นชัดๆ ก็ในทีวี อยากเห็นพระองค์จริงชัดๆ บ้าง ฉันรู้สึกว่าท่านเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา ฉันรู้สึกว่าท่านทำงานเพื่อคนไทยมานาน ไปต่างจังหวัดไกลๆ จนคนธรรมดาอย่างเรายังไม่เคยไปที่ลำบากเหมือนท่านเลย เราเองอยู่ในกทม.เองก็ควรมาแสดงความจงรักภักดีกับพระองค์ คนต่างจังหวัดเขาก็ยังมากันเยอะ ฉะนั้นเราเองไม่ควรพลาดด้วย"
นางละเอียด กล่าวต่อว่า เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่า ทุกวันอาทิตย์ เวลา17.00 น.จะมีการร่วมกันสวดมนต์ให้พระองค์ จากนี้ไปตั้งใจว่าทุกวันอาทิตย์จะมาร่วมสวดมนต์กับคนอื่นทั้งนี้เพราะอยาก ให้พระองค์ท่านมีพระพลานามัยที่แข็งแรงต่อไป
นางจิรภา ธนัตวรานนท์ อายุ 50 ปี อาชีพแม่บ้าน ซึ่งเดินทางมากับสามีจากบางบอนมาตั้งแต่ 6.00 น.
"เป็นครั้งแรกที่ได้มารับเสด็จในหลวง เพราะคิดว่าเราเองก็อายุเยอะกันแล้ว ถ้าไม่มาครั้งนี้เราเองจะมีโอกาสอีกเมือ่ไร เพราะตั้งปณิธานไว้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนที่จะตายขอได้รับเสด็จและเห็นพระพักตร์พระองค์สัก ครั้ง"
ทั้งนี้ นางจิรภาบอกว่าตกลงกับสมาชิกที่บ้านไว้ว่า ตัวเองกับสามีคือในฐานะพ่อกับแม่ขอออกมาชมพระบารมีในหลวงที่รพ.ศิริราชก่อน แล้วตอนเย็นถึงเวลาที่ลูกๆ เดินทางไปจุดเทียนชัยถวายพระพรที่สนามหลวง
ปชช.แน่นลานพระรูปรอเฝ้าฯในหลวง
จาก โพสต์ทูเดย์
ลานพระบรมรูปคึกคัก! ปชช.แห่จองพื้นที่รอเฝ้าในหลวงเต็มพื้นที่
บรรยากาศการเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเริ่มทยอยกันเข้ามาจับจองพื้นที่ด้านหน้าพระ ที่นั่งอนันตสมาคมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนสวนใหญ่มาเตรียมเฝ้ารอรับเสด็จตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยทุกคนได้พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง
ล่าสุดเมื่อเวลา 06.00 น.มีประชนชนสวมใส่เสื้อสีเหลืองเต็มพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแล้ว ขณะที่บางส่วนก็กำลังทยอยเดินทางเข้าเรื่อยๆ
ส่วนเส้นทางการจราจรเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดเส้นทางได้แก่ ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่ แยกมัฆวาน ถึง แยกสวนมิสกวัน, ลานพระบรมรูปถึงถนนอู่ทองในและถนนราชวิถี, ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร ถึงแยก พล.1, ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการถึงแยกวังแดง และถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษมถึง แยกมัฆวาน
ขณะที่บรรยากาศ ที่โรงพยาบาลศิริราช ก็มีประชาชนจับจองพื้นที่รอเฝ้ารับเสด็จกัน โดยล่าสุดมีปชช.จับจองพื้นที่เต็มทั้ง2 ฝั่ง จนต้องเพิ่มแถว
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน