จากประชาชาติธุรกิจ
"ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับนี้วางแผงหนังสือนับไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะสิ้นปี วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือใจ และอีกไม่กี่วันก็จะย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี พ.ศ. 2556
ผมได้มีโอกาสทบทวนความเป็นมาเป็นไปของบ้านเมือง ใครจะคิดอย่างไรไม่ว่ากัน นานาจิตตังครับ ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจโดยรวมตลอดปีที่กำลังจะผ่านไป สำหรับผมรู้สึกว่าธรรมดา ๆ ไม่ได้หวือหวาหรือมีนัยสำคัญเท่าไรนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่หวั่น คือ ไม่รู้ว่าผลจากนโยบายประชานิยมที่รัฐบาลอัดฉีดเข้ามาเรื่องแล้วเรื่องเล่าจะ แผลงฤทธิ์ระเบิดออกมาเมื่อไร โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าวที่ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะต้องถมงบประมาณใส่ลงไปอีกสัก เท่าไรจากปี 2554/2555 ที่ใช้งบฯไปกว่า 5 แสนล้านบาท และปี 2555/2556 ตั้งงบฯไว้อีกกว่า 4 แสนล้านบาท นาน ๆ ไปหากเกษตรกร ชาวนา เกิดอาการ "เสพติด" นโยบายนี้ก็คงเลิกยาก
หากเกษตรกร ชาวนา ได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็เป็นเรื่องดี ที่เขาเหล่านี้จะลืมตาอ้าปากได้บ้าง
แต่ เท่าที่เห็นยังมีเกษตรกร ชาวนา จำนวนไม่น้อยที่ต้องอพยพจากต่างจังหวัดเข้ามาแสวงโชคในเมืองกรุง รับจ้าง ทำมาค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ หาเงินเลี้ยงชีพในยามที่ว่างเว้นจากฤดูทำนา เพราะมีที่ไร่ที่นาอยู่ไม่กี่ไร่ ปลูกข้าวได้ก็เก็บไว้กินในแต่ละปี ไม่มีข้าวเปลือกมากพอที่จะนำไปเข้าโครงการรับจำนำ
อย่างโบราณท่านว่าไว้ครับ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้
ผม เห็นด้วยกับนักวิชาการและผู้รู้หลาย ๆ ท่านที่เคยเสนอแนวคิดว่า อยากให้รัฐบาลหันไปส่งเสริมและสนับสนุนในแง่ของประสิทธิภาพและการลดต้นทุน เพื่อเพิ่มคุณภาพและผลิตข้าว แนวทางนี้ อาจจะไม่เห็นผลในเร็ววัน แต่ก็จะมีความยั่งยืนในระยะยาว
...ช่างเถอะครับ "พูดไปสองไพเบี้ย ..." ถือว่าเป็นการบ่นเพื่อระบายความในใจ คลายเครียดก็แล้วกัน
อีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมรู้สึกในใจลึก ๆ คือ ปีนี้คนไทย
(ส่วน ใหญ่) ยังไม่ค่อยมีความสุขนัก ไม่ต้องอื่นไกลครับ ตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา แม้บรรดาผู้ใช้แรงงานใน 7 จังหวัดนำร่อง จะได้รับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท แต่ค่าครองชีพ รายจ่าย แต่ละวันก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือแม้กระทั่งปมปัญหาเศรษฐกิจของยุโรป-สหรัฐอเมริกา ที่เรื้อรังมาพักใหญ่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นง่าย ๆ ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้วิตกกังวล
ที่สำคัญคนไทยยังต้องเผชิญกับปม ปัญหาทางการเมือง ที่เข้ามากระทบและบั่นทอนความสุขเป็นระยะ ๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ตรงนี้อาจจะไม่มี "ดัชนี" มาชี้วัดหรือคิดคำนวณออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่เชื่อว่าทุกคนหรือคนส่วนใหญ่สัมผัสกับมันได้
นี่คือสิ่งที่ทำให้ ประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้อง "ย้ำอยู่กับที่" และ "ถอยหลัง" ไปในหลาย ๆ เรื่องล่าสุดยิ่งมีประเด็นร้อน "แก้รัฐธรรมนูญ" โผล่กลับเข้ามาอยู่ในกระแสอีก ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ลำพังเฉพาะแค่การแสดงความคิดความเห็นคงไม่เท่าไร แต่อย่าให้ลุกลามไปจนกลายเป็นเรื่องและเกิดเลือดตกยางออกเลยครับ
"บอบช้ำ" กันมามากแล้ว หรือว่าประเทศไทยยังบอบช้ำไม่พอ ?
ถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าอนาคตของการเมืองไทยจะยังติดหล่มต่อไป หรือจะก้าวไปในทิศทางใด คงไม่มีใครตอบได้
ใน ฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ตอนนี้ก็ได้แต่เพียงภาวนาว่า อยากเห็นการเมืองสงบเสียที เผื่อว่าอะไร ๆ จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น คนไทยจะได้สัมผัสกับความสุขบ้าง จะได้ไม่ต้องวิตกกังวล จะได้ตั้งหน้าทำมาหากิน
เหนือสิ่งอื่นใด ประเทศชาติบ้านเมือง จะได้ก้าวเดินไปข้างหน้าเสียที
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน