สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

วีรชัยแฉคำร้องเขมรดัดแปลงแผนที่ไทยในคดีเก่า กระตุ้นคนไทยภูมิใจไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใคร

วีรชัย” แฉคำร้องเขมรดัดแปลงแผนที่ไทยในคดีเก่า กระตุ้นคนไทยภูมิใจไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใคร

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ทูตวีรชัย” แถลงสู้คดีพระวิหาร ขอบคุณทุกฝ่ายสนับสนุน ยกความดีให้ทีมทนาย-ขรก.ต่างประเทศ เผยใช้เอกสารประมวลคดีเก่าในศาลโลก 6 ฉบับ และจดหมายเหตุเปรียบเทียบ ชี้เล่ห์เขมรปลอมแผนที่เพราะนำแผนที่ไทยในคดีเก่ามาตกแต่งเพิ่ม ยืนยันทั้งสองชาติไม่ได้โกธรกัน พร้อมข้อมูลแจ้งพิกัดพื้นที่รอบปราสาทส่งศาลโลก “ครอว์ฟอร์ด” ชี้คดีพระวิหารทำคนไทยหวนถึง-ซาบซึ้งประวัติศาสตร์ ทูตวีรชัยเสริมควรภูมิใจไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
       
       วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ ถนนพระราม 6 นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้แทนคณะดำเนินการต่อสู้คดีประเทศกัมพูชายื่นร้องต่อศาลยุติธรรม ระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เพื่อให้ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ ประกอบด้วย นายอแลง แปลเลต์ ทนายความชาวฝรั่งเศส, นายเจมส์ ครอว์ฟอร์ด ทนายความชาวออสเตรเลีย, นายโดนัลด์ เอ็ม แม็คเรย์ ทนายความชาวแคนาดา-นิวซีแลนด์, นางสาวอลินา มิรง ทนายความชาวโรมาเนีย และนายโธมัส แกรนต์ ทนายความชาวสหรัฐอเมริกา ร่วมกันแถลงสรุปการให้การทางวาจาคดีดังกล่าว
       
       โดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องขอบคุณคณะต่อสู้คดีและข้าราชการของหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องซึ่งได้ให้การสนับสนุนทีมทนายความต่อสู้คดีนี้ให้ได้ทำงานอย่าง เต็มที่ และตนยืนยันว่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมสนับสนุนคณะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่มาตลอด 3 ปี โดยรัฐบาลเห็นว่าการต่อสู้คดีครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ของคนไทยที่แสดงความ สามัคคี และความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการส่งกำลังใจไปให้คณะต่อสู้คดี ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ประชาชนมีความสามัคคี รักกัน และเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
       
       ด้าน นายวีรชัย กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี รัฐบาล รมว.ต่างประเทศ และผู้บังคับบัญชาทุกท่าน และหน่วยงานต่างๆ ที่สนับสนุนการทำงานของของคณะต่อสู้คดี รวมถึงความคิดเห็นจากประชาชนและสื่อมวลชนที่ให้กำลังใจรวมถึงช่วยเหลือในการ ทำงานมาทั้งหมด โดยเฉพาะกำลังใจเป็นสิ่งที่ทำให้ตนรับรู้ได้ว่าคนไทยเป็นหนึ่งเดียว ทั้งนี้ยังมีบางแง่มุมที่เรายังไม่ได้พูด คือกรณีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ตนเห็นว่ายังไม่ยุติธรรมต่อท่าน โดยเฉพาะประเด็นที่เคยเสด็จฯ ไปยังปราสาทพระวิหารที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทั้งที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จฯไปที่ปราสาทพระวิหาร เพราะในขณะนั้นพระองค์ไม่ได้มีตำแหน่งใดแล้ว เป็นเพียงในฐานะนักประวัติศาสตร์ ทั้ง 2 กรณีนี้จึงไม่ควรถูกนำมาเปรียบเทียบกัน
       
       นายวีรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานของคณะต่อสู้คดีนั้น ไม่ใช่ผลงานของตนเพียงคนเดียว แต่ทนายความแต่ละคนจะเขียนร่างถ้อยแถลงของตัวเองแล้วนำมารวบรวมและปรับแต่ง ให้เป็นฉบับเดียว แล้วจึงให้ฝ่ายกฎหมายและกองทัพอ่าน ขณะที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศก็ได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางไป ด้วยในครั้งนี้ได้พิจารณา ดังนั้นถ้าจะถือเป็นผลงาน ก็ถือเป็นผลงานของทุกคนที่ร่วมกันทำงานทั้งหมด เมื่อถามว่าคาดว่าการตัดสินของศาลโลกจะเป็นอย่างไร นายวีรชัย กล่าวว่า การตัดสินคงคงมี 4 แนวทาง คือศาลไม่รับคำร้อง ศาลตัดสินเข้าข้างไทย ศาลตัดสินเข้าข้างกัมพูชา และศาลตัดสินกลางๆ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ขอคาดคะเนผลการตัดสินของศาลในขณะนี้
       
       เมื่อถามว่าในการเตรียมถ้อยแถลง มีวิธีการหาหลักฐานต่อสู้คดีอย่างไร นายวีรชัย กล่าวว่า ได้มีการนำแผนที่จากเอกสารประมวลคดีเก่าที่อยู่ในศาลโลก 6 ฉบับมาพิจารณา รวมถึงจดหมายเหตุที่อยู่ในกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ แล้วนำมาเปรียบเทียบกันว่าตรงหรือต่างกันอย่างไร รวมถึงเรายังค้นหาข้อมูลใหม่ๆ มาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เหตุผลที่ว่าทำไมเอกสารบางอย่างที่ศาล แต่เราไม่มี ก็เป็นเพราะในการต่อสู้คดีเมื่อปี 2505 เราได้ยื่นต่อศาลและศาลได้เก็บไปเลย แต่ตอนนี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว เช่น เอกสารแผนที่ เอส3 และเอส4
       
       เมื่อถามต่อถึงความพร้อมในการเตรียมรายละเอียดแจ้งพิกัดพื้นที่รอบ ปราสาทพระวิหาร เพื่อส่งให้กับผู้พิพากษาของศาลโลก นายวีรชัย กล่าวว่า เราได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว และพร้อมที่จะยื่นได้ทันตามกำหนดในวันที่ 26 เม.ย.นี้ โดย รมว.ต่างประเทศ ได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
       
       เมื่อถามว่าอะไรคือจุดที่ทำให้สงสัยว่ากัมพูชาปลอมแปลงแผนที่ นายวีรชัย กล่าวว่า ไม่ต้องดูจากที่ไหนเลย เพราะเมื่อเปิดดูคำขอของกัมพูชาแล้ว ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีการนำแผนที่ของไทยในคดีเก่ามาตกแต่งเพิ่มเติม และในคดีเดิม กัมพูชาได้ยื่นแผนที่ประกอบไปไม่ถึง 20 ฉบับ แต่ในการยื่นเอกสารข้อสังเกตของแต่ละฝ่าย ก็พบว่ากัมพูชาได้มีการดัดแปลงแผนที่ ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้ถูกซ่อนอะไร ถ้าใครดูก็ต้องเห็น
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างการรอคำตัดสินของศาล คณะทำงานกฎหมายจะดำเนินการอะไรต่อไป นายวีรชัย กล่าวว่า ต้องเตรียมการให้คนไทยมีความพร้อมที่สุดในการทำความเข้าใจทันทีในผลคำตัดสิน ของศาลโลก โดยมีการให้ข้อมูลและอธิบายสิ่งที่คณะต่อสู้คดีทำไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือคำให้การทางวาจา
       
       เมื่อถามว่าหลังการแถลงต่อศาลแล้ว ฝ่ายไทยได้พูดคุยกับทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ นายวีรชัย กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อกับทางกัมพูชาการ แต่ถ้ามีความจำเป็น ก็สามารถติดต่อกันได้ โดยต้องขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้โกธรกัน
       
       ผู้สื่อข่าวถามนายอแลง แปลเลต์ ว่าจะให้คะแนนความยากของคดีนี้เท่าใด นายอแลง กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คะแนนความยากหรือความง่าย แต่อยากให้คะแนนกับความน่าสนใจของคดีนี้ และตนมองว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่มีความท้าทายมากกว่า
       
       เมื่อถามต่อ นายเจมส์ ครอว์ฟอร์ด ว่าถ้ามองในฐานะที่ไม่ใช่ทนายความ จะมองถึงแนวโน้มของคดีนี้อย่างไร นายครอว์ฟอร์ด กล่าวว่า ตนไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าศาลจะตัดสินคดีอย่างไร แต่เมื่อเราอยู่ในทะเล ก็เหมือนอยู่ในอุ้งมือของพระเจ้า ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการชี้แจงของฝ่ายไทยทำได้ดีมาก มีการชี้แจงประวัติศาสตร์และแผนที่อย่างละเอียด แม้ตนไม่เคยรู้ความเป็นมาประวัติศาสตร์ชาติไทยบางก่อน แต่เชื่อว่าเหตุการณ์นี่ทำให้คนไทยหวนคำนึงถึงและซาบซึ้งในประวัติศาสตร์ที่ ถูกนำมาต่อสู้ในคดีนี้
       
       ด้านนายวีรชัย กล่าวเสริมว่า คนไทยควรภูมิใจที่เราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
       
       ส่วน นางสาวอลินา มิรง ถึงการมาทำงานร่วมกับคณะของไทย นางสาวมิรง กล่าวว่า ตนทราบถึงการเข้าสู่คณะต่อสู้คดีนี้เมื่อปี 2554 และทราบว่าจะถูกวางตัวให้การต่อศาล เมื่อเดือน ก.ย.2555 ทั้งนี้ ตนรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสร่วมงานนี้ รวมถึงตนค้นพบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับแผนที่ที่จะถูกนำมาต่อสู้คดี ซึ่งตนก็รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้


"วีรชัย"ชี้คำร้องฝ่ายเขมรชัดดัดแปลงแผนที่

"วีรชัย"นำทีมทนายแถลงขอบคุณคนไทยให้กำลังใจ เผยคำร้องเขมรระบุดชัดมีการดัดแปลงแผนที่ ระบุเตรียมข้อมูลยื่นศาลโลกเพิ่มพร้อมแล้ว

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้แทนคณะดำเนินการต่อสู้คดีกัมพูชายื่นร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่าง ประเทศ (ไอซีเจ)ให้ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 พร้อมคณะที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ ประกอบด้วย ศ.อแลง แปลเล่ต์ ทนายชาวฝรั่งเศส  ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด ทนายชาวออสเตรเลีย ศ.โดนัลด์ เอ็ม แม็คเรย์ ทนายชาวแคนาดา-นิวซีแลนด์ และน.ส.อลินา มิรอง ทนายชาวโรมาเนีย และนายโธมัส แกรนต์ ทนายชาวสหรัฐอเมริกา ร่วมกันแถลงสรุปการให้การทางวาจาคดีดังกล่าว

นายวีรชัย กล่าวว่า  ขอขอบคุณนายกฯ รัฐบาล รมว.ต่างประเทศ และผู้บังคับบัญชาทุกท่าน หน่วยงานต่างๆที่สนับสนุนการทำงานของคณะต่อสู้คดี รวมถึงความคิดเห็นจากประชาชนและสื่อมวลชน ที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือในการทำงานมาทั้งหมด โดยเฉพาะกำลังใจเป็นสิ่งที่ทำให้รับรู้ได้ว่าคนไทยเป็นหนึ่งเดียว

ทั้งนี้ มีบางแง่มุมที่ยังไม่ได้พูด คือ กรณีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่เห็นว่ายังไม่ยุติธรรมต่อท่าน โดยเฉพาะประเด็นที่เคยเสด็จฯไปยังปราสาทพระวิหารถูกนำมาเปรียบเทียบกับพระ บาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทั้งที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จไปที่ปราสาทพระวิหาร เพราะในขณะนั้นพระองค์ไม่ได้มีตำแหน่งใดแล้ว เป็นเพียงในฐานะนักประวัติศาสตร์ ทั้ง 2 กรณีนี้จึงไม่ควรถูกนำมาเปรียบเทียบกัน

สำหรับการทำงานของคณะต่อสู้คดีนั้น ไม่ใช่ผลงานของตนเพียงคนเดียว แต่ทนายความแต่ละคนจะเขียนร่างถ้อยแถลงของตัวเองแล้วนำมารวบรวมและปรับแต่ง ให้เป็นฉบับเดียว แล้วจึงให้ฝ่ายกฏหมายและกองทัพอ่าน

ขณะที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศก็ได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทาง ไปด้วยในครั้งนี้ได้พิจารณา ดังนั้น ถ้าจะถือเป็นผลงาน ก็ถือเป็นผลงานของทุกคนที่ร่วมกันทำงานทั้งหมด ส่วนการตัดสินของศาลโลกนั้น คงมี 4 แนวทาง คือ 1.ไม่รับคำร้อง 2.ตัดสินเข้าข้างไทย 3.ตัดสินเข้าข้างกัมพูชา และ4.ศาลตัดสินกลางๆ อย่างไรก็ดี ยังไม่ขอคาดคะเนผลการตัดสินของศาลในขณะนี้

เมื่อถามว่า ในการเตรียมถ้อยแถลงมีวิธีการหาหลักฐานต่อสู้คดีอย่างไร นายวีรชัย กล่าวว่า ได้มีการนำแผนที่จากเอกสารประมวลคดีเก่าที่อยู่ในศาลโลก 6 ฉบับ มาพิจารณา รวมถึงจดหมายเหตุที่อยู่ในกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ แล้วนำมาเปรียบเทียบกันว่าตรงหรือต่างกันหรือไม่ รวมถึงยังค้นหาข้อมูลใหม่ๆมาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เหตุผลที่ว่าทำไมเอกสารบางอย่างที่ศาล แต่เราไม่มี ก็เป็นเพราะในการต่อสู้คดีเมื่อปี 2505 เราได้ยื่นต่อศาลและศาลได้เก็บไปเลย แต่ตอนนี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว เช่น เอกสารแผนที่ เอส3 และเอส 4

เมื่อถามถึงความพร้อมในการเตรียมรายละเอียดแจ้งพิกัดพื้นที่รอบปราสาทพระ วิหาร เพื่อส่งให้กับผู้พิพากษาของศาลโลก นายวีรชัย กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว และพร้อมที่จะยื่นได้ทันตามกำหนดในวันที่ 26 เม.ย.นี้ โดยรมว.ต่างประเทศได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

ส่วนที่จุดให้สงสัยว่ากัมพูชาปลอมแปลงแผนที่นั้น นายวีรชัย กล่าวว่า ไม่ต้องดูจากที่ไหนเลย เพราะเมื่อเปิดดูคำขอของกัมพูชาแล้ว ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีการนำแผนที่ของไทยในคดีเก่ามาตกแต่งเพิ่มเติม และในคดีเดิม กัมพูชาได้ยื่นแผนที่ประกอบไปไม่ถึง 20 ฉบับ แต่ในการยื่นเอกสารข้อสังเกตของแต่ละฝ่าย ก็พบว่ากัมพูชาได้มีการดัดแปลงแผนที่ ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้ถูกซ่อนอะไร ถ้าใครดูก็ต้องเห็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างการรอคำตัดสินของศาล คณะทำงานกฎหมายจะดำเนิการอะไรต่อไป นายวีรชัย กล่าวว่า ต้องเตรียมการให้คนไทยมีความพร้อมที่สุดในการทำความเข้าใจทันทีในผลคำตัดสิน ของศาลโลก โดยมีการให้ข้อมูลและอธิบายสิ่งที่คณะต่อสู้คดีทำไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือคำให้การทางวาจา

เมื่อถามว่าหลังการแถลงต่อศาลแล้ว ฝ่ายไทยได้พูดคุยกับทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ นายวีรชัย กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อกับทางกัมพูชาการ แต่ถ้ามีความจำเป็น ก็สามารถติดต่อกันได้ โดยต้องขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้โกธรกัน

ผู้สื่อข่าวถาม ศ.อแลง แปลเล่ต์ ว่าจะให้คะแนนความยากของคดีนี้เท่าใด โดย ศ.อแลง กล่าวว่า ไม่อยากให้คะแนนความยากหรือความง่าย แต่อยากให้คะแนนกับความน่าสนใจของคดีนี้ และตนมองว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่มีความท้าทายมากกว่า

เมื่อถาม ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด ว่าถ้ามองในฐานะที่ไม่ใช่ทนายความ จะมองถึงแนวโน้มของคดีนี้อย่างไร ซึ่งตอบว่าไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าศาลจะตัดสินคดีอย่างไร “แต่เมื่อเราอยู่ในทะเล ก็เหมือนอยู่ในอุ้งมือของพระเจ้า”

ทั้งนี้ เห็นว่าการชี้แจงของฝ่ายไทยทำได้ดีมาก มีการชี้แจงประวัติศาสตร์และแผนที่อย่างละเอียด แม้คนไม่เคยรู้ความเป็นมาประวัติศาสตร์ชาติไทยมาก่อน

"เชื่อว่าเหตุการณ์นี่ทำให้คนไทยหวนคำนึงถึงและซาบซึ้งในประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาต่อสู้ในคดีนี้"ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ดกล่าว

ขณะที่นายวีรชัย กล่าวเสริมว่า คนไทยควรภูมิใจที่เราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร

ผู้สื่อข่าวสอบถาม น.ส.อลินา มิรอง ถึงการมาทำงานร่วมกับคณะของไทย โดยกล่าวว่า ทราบถึงการเข้าสู่คณะต่อสู้คดีนี้เมื่อปี 2554 และทราบว่าจะถูกวางตัวให้การต่อศาล เมื่อเดือน ก.ย.2555 ทั้งนี้ รู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสร่วมงานนี้ รวมถึงได้ค้นพบรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับแผนที่ที่จะถูกนำมาต่อสู้คดี ซึ่งก็รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้

ขณะที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนคณะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่มาตลอด 3 ปี โดยเห็นว่าการต่อสู้คดีครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ของคนไทย ที่แสดงความสามัคคีและความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

 

 

 

 


คดีเขาพระวิหาร : เสมอคือชนะ เรียนรู้ "สู้ความ" ศาลโลกผ่านทีวี

อดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ


สื่อโทรทัศน์กลายเป็น "ห้องเรียนขนาดใหญ่" ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ทำให้คนไทยได้ "เปิดโลก" แห่งการเรียนรู้

และทำความเข้าใจกับกระบวนการต่อสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก ได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แม้ว่าการนำเสนอ "ข้อเท็จจริง-ข้อกล่าวหา" ของทีมทนายของประเทศกัมพูชาที่เป็นฝ่ายยื่นคำร้องกับ "ข้อเท็จจริง-ข้อโต้แย้ง" ของทีมทนายของประเทศไทยจะเป็น "ชุดข้อมูล" ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ด้วยกระบวนการพิจารณาของศาลโลก ที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้ใช้เวลาเท่าๆ กัน ในการขึ้นให้การด้วย "วาจา" เพิ่มเติมจากการส่งเอกสารไปก่อนแล้ว และยังเปิดโอกาสให้ "แก้ต่าง" อีกในเวลาเท่ากัน ย่อมจะทำให้ "ประชาชน" ทั้งสองประเทศได้รับรู้ "ข้อมูล-คำให้การ-หลักฐาน" ของตัวแทนทนายทั้งสองประเทศอย่างครบถ้วนไปพร้อมๆ กัน กับองค์คณะผู้พิพากษาศาลโลก

อย่างน้อยที่สุด น่าจะทำให้คนไทยที่ยังมีความขัดแย้งกัน ในกรณีเขาพระวิหารที่มีการปั่นกระแส "รักชาติ" จนกลายเป็น "ชาตินิยม" แล้วพีคไปถึงขั้น "คลั่งชาติ" แล้วใช้เป็น "อาวุธ" ในการทำลายล้างกันทางการเมืองระหว่าง 2 ขั้วพรรคการเมืองกับอีกหลายกลุ่มการเมือง ควรจะลดราวาศอกลงได้บ้าง ยังไม่บอกว่าให้ "เลิก" กล่าวหา-เลิกป้ายสี-เลิกปั่นกระแส-เลิกดูถูกประเทศเพื่อนบ้าน"

เอาเป็นว่าขอแค่ "ลดกล่าวหา-ลดป้ายสี-ลดด่าทอ" แล้วรอคอยคำตัดสินของศาลโลก เพราะประเทศไทยในช่วงกว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา บอบช้ำจากความขัดแย้งของคนไทยชาติ ในกรณีประสาทเขาพระวิหารมามากแล้ว คนไทยจำนวนมากต้องตกเป็น "เหยื่อความขัดแย้ง" ของคนไทยด้วยกันเอง มากกว่าคนกัมพูชาที่มีความเป็นเอกภาพในกรณีพื้นที่4.6 ตารางกิโลเมตรรอบๆ เขาพระวิหาร

"คนไทย" ที่เป็นชาวบ้านตามแนวชายแดน ที่ตกเป็นเหยื่อเสียชีวิต จากสงครามย่อยๆ ของทหาร 2 ประเทศ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา,
"คนไทย" อย่าง คุณวีระ สมความคิด, คุณราตรี ที่ท้าพิสูจน์รัฐบาลไทยเพื่อยืนยันอธิปไตยไทย จนถูกรัฐบาลกัมพูชาจับไปขังคุกเพื่อสังเวยความเชื่อ
"คนไทย" ตามสภากาแฟเกิดวิวาทะย่อยๆ ไป ทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เว้นแต่ละวัน ที่เจือปนไปด้วยความเห็นที่แตกต่างเริ่มจาก "สีเสื้อ"
"คนไทย" ทำสงครามย่อยๆ มีการให้ข้อมูลความจริงบ้าง หรือความจริงที่ไม่ครบถ้วนบนหน้าเฟซบุ๊คไม่เว้นแต่ละวัน
"คนไทย" ที่อยู่ในแวดวงวิชาการชี้หน้าด่าป้ายสีบนหน้าผาก ประณามกันแทนการถกเถียงเยี่ยงวิชาการ ฯลฯ

ผมขอปรบมือให้กับการตัดสินใจของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ที่สั่งให้มีการถ่ายทอดสดพร้อมการแปลคำให้การเป็นภาษาไทยสดๆ จากห้องพิจารณาคดีของศาลโลก โดยไม่มีการตัดทอนใดๆ ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์

แม้ว่าผู้แปลแปลคำต่อคำในวันแรกจะสร้างความงงงวย จนต้องอาศัยนักวิชาการอธิบายด้วยภาษาไทยกันอีกหลายตระหลบก็ตาม แต่ในวันต่อๆ มาก็ทำได้ดีขึ้นมาก จนทำให้ "คนไทย" จำนวนมากที่ไม่เคยสนใจหรือไม่เคยมีความเข้าใจในความซับซ้อนของหลักฐานในคดีเขาพระวิหารที่ผ่านมากว่า 50 ปีแล้ว ได้เกิดความเข้าใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

"ข้อกล่าวหา-หลักฐาน" จากทีมทนายความประเทศกัมพูชา ที่นำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศรุ่นเก๋า "ฮอร์ นัมฮง" ที่นำเสนอต่อคณะผู้พิากษาศาลโลก ย่อมเป็นกระบวนการปกติธรรมดาของ "ทนายความฝ่ายโจทก์" จะต้องหาเหตุหาหลักฐานมาแสดงต่อศาล ให้เชื่อได้ว่าดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่มีความชัดเจนจากตัวแทนรัฐบาลกัมพูชาใน "วิธีคิด-ความเชื่อ" ต่อกรณีอธิปไตยบริเวณรอบปราสาทพระวิหาร ที่ในช่วงที่ผ่านมาฝั่งกัมพูชาไม่ได้แสดงต่อสาธารณะมากนัก

แต่ "ชุดคำให้การ-คำโต้แย้งและหลักฐานประกอบ" ของทีมทนายความประเทศไทย ที่มีเอกอัครราชฑูตไทยประจำกรุงเฮก "วีรชัย พลาศรัย" กับทนายความชาวฝรั่งเศส-โรมาเนียอีก 4 คน ที่สะท้อนให้เห็นว่าได้มีการเตรียมความพร้อมในการนำเสนอ อย่างมี "ยุทธศาสตร์" จังหวะจะโคนในเชิงโต้แย้ง-หักล้าง-ทำลายความน่าเชื่อถือได้ใน "ระดับดีมาก" น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งในสายตาคนไทยจำนวนมาก

จนทำให้ "คนไทย" ที่เคยขัดแย้งกันเองใน "วิธีคิด" ที่แตกต่าง-หลักฐานที่ไม่ครบถ้วน มิหนำซ้ำยังเจือปนด้วย "อคติ" ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลกัมพูชาในระดับที่แตกต่างกัน, อคติทางชนชาติที่คนไทยถูกเป่ากระหม่อมให้เกิดความรู้สึก "เหยียด" ชนชาติเพื่อนบ้านอย่างคนเขมร, คนลาว, คนพม่า ฯลฯ ลดระดับการวิวาทะทะเลาะกันไปได้ในระดับหนึ่ง ที่ยังอยากจะหวังว่าสังคมไทยเกิดบรรยากาศแบบนี้ไปให้นานที่สุด

ขอร้องกันไว้แต่เนิ่นๆ เลยว่า พวกผีเจาะปากมาพูดที่มีอยู่เยอะมากๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ อย่าได้แสดงโวหาร "อวดเก่ง" ว่าทีมทนายความชุดนี้เป็นชุดที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่งตั้งมากับมือ แล้วถือโอกาส "เหยียบ" รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ "สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล" ว่าไม่ได้เต็มใจเลือกหรือคิดว่าจะแพ้อยู่แล้ว เลยทำให้เลือกใช้บริการทนายความชุดเดิมที่รัฐบาลเก่าว่าจ้างไว้ เพราะถ้าหากแพ้คดีจะได้โยนความผิดไปให้พ้นตัวได้

ขอร้องกันไว้แต่เนิ่นๆ เลยว่า พวกผีเจาะปากมาพูดที่มีอยู่เยอะไม่แพ้กันในพรรคเพื่อไทยและพลพรรคคนเสื้อแดง อย่าได้แสดงโวหาร "อวดเก่ง" ว่าเห็นหรือเปล่าว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เอาการเมืองเข้ามาเล่นกับคดีความระหว่างประเทศ พรรคเพื่อไทยคำนึงถึงขีดความสามารถของทีมทนายความชุดเดิม ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จ้างไว้ จึงเปิดโอกาสให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติมากกว่าอื่นใด

ขอร้องกันไว้แต่เนิ่นๆ อีกเช่นกัน กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายๆ ที่อาศัยกรณีเขาพระวิหาร ด้วยการใช้สื่อทีวีดาวเทียม, สื่อโซเชียลมีเดียปลุกกระแส "ชาตินิยม" อยู่ตลอดเวลา ใครไม่เห็นด้วยกลายเป็นพวกขายชาติ จนหลายครั้งเลยเถิดกลายเป็นอาการ "คลั่งชาติ" พร้อมจะกระโดดเตะ หรือชกหน้าคนเขมรที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยทะเลาะกันเป็นการส่วนตัวได้

กรุณาอย่ากระพือกระแสเหล่านี้ให้ขยายตัวอีกต่อไป ด้วยการตัดตอนความจริงบางส่วนต่ออีกไป หรือนำไปขยายความแบบเข้าข้างความเชื่อของกลุ่มตัวเอง เพื่อทำลายล้างพรรคการเมืองทั้งสองพรรค ที่ผู้คนจำนวนมากก็ไม่ได้โต้แย้งว่าไม่ได้เรื่องพอๆ กันนั่นแหละ

เห็นหรือยังว่าข้อเรียกร้อง ที่ไม่ให้ประเทศไทยยอมรับรับอำนาจ "ศาลโลก" อีกต่อไป ด้วยอาการกลัวแพ้ในการสู้คดี จนลามปามถึงขั้นออกมาประท้วง เพื่อให้รัฐบาลไทยปลดพันธะระหว่างประเทศจากการเป็นสมาชิกของศาลโลก เพื่อจะได้ไม่ต้องยอมรับคำพิพากษาศาลโลก ที่พวกท่านปั่นกระแสห่วยขั้นเทพของนักการเมืองสองพรรค จนทำให้สังคมจำนวนมากเข้าใจไปว่าประเทศไทยแพ้แน่ๆ ประเทศไทยจะต้องสูญเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร

ความเชื่อที่มาจากอารมณ์ความรู้สึก ที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์, ไม่ใช้หลักวิชาการหาข้อมูลจริงๆ ที่มีการปั่นกระแส จนสะสมกลายเป็น "ความกลัว" ที่กำลังมีการลากถูให้ประเทศของเราเดินออกไปจากประชาคมโลกเพื่อใช้กำลังทหารตรึงดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทเขาพระวิหาร ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสังคมโลก ที่จำเป็นจะต้องมีกฎกติกาในการอยู่ร่วมกัน ของประเทศในโลกนี้ และประเทศไทยไม่ได้ใหญ่โตเป็นมหาอำนาจทางอาวุธ-มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ที่สามารถนิ่งเฉยหรือปฏิเสธกฎเกณฑ์ของสหประชาชาติหรือระบบศาลโลกได้

ขอร้อง "นักวิชาการ" จำนวนมากอีกเช่นกัน ที่เคยมีส่วนปลุกกระแสชาตินิยม-คลั่งชาติ, บางคนแอบแสดงข้อมูล-หลักฐานการตีความผิดเพี้ยนด้วยเจือปนอคติ, บางส่วนแอบมาสร้างชื่อเสียงเพื่อวาระซ่อนเร้นส่วนตัว, บางส่วนออกมาทับถมนักวิชาการต่างสำนักด้วยอารมณ์หมั่นไส้ ที่มีน้ำหนักมากกว่าข้อมูลวิชาการ ฯลฯ เมื่อ "คำให้การ-คำโต้แย้ง-หลักฐาน" ที่ทีมทนายความของไทยได้แสดงต่อศาลโลก มีความสมบูรณ์ครบถ้วน ผ่านโทรทัศน์ที่สาธารณะชนรับรู้อย่างกว้างขวางเช่นนี้แล้ว

หากจะทะยอยกันกลับเข้า "ห้องเรียน" เพื่อก้มหน้าก้มตาทำการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม จากคำให้การของสองฝั่งไปก่อนแล้ว "รอคอย" เวลาศาลโลกพิพากษาออกมาก่อน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าการแย่งกันออกมาแข่งกันแสดง "ภูมิปัญญา" กันจนมากเกินพอดีอีกดังเช่นที่ผ่านมาหลายปี ซึ่งทำให้สังคมตกอยู่ในอาการงวยงง "ข้อมูลล้นทะลัก" จนจำแนกไม่ได้ว่าสิ่งไหนคือสาระความจริง คำอธิบายไนเป็นงานทางวิชาการแท้ๆ หรือ สิ่งไหนคือความจริงบางส่วน-ความเท็จที่มาจากกากพิษทางวิชาการ

ผมเต็มใจปรบมือให้ดังๆ กับการปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพและความเป็น "ข้าราชการตัวอย่าง" ของเอกอัครราชฑูตประจำกรุงเฮก "วีรชัย พลาศรัย ที่เป็นหัวหน้าทีมทำงานของทีมทนายความชาวต่างประเทศที่ไม่เข้าไปติดใจ-ข้องแวะความขัดแย้งของนักการเมืองสองพรรค ในช่วงเปลี่ยนผ่านหลายรัฐมนตรีต่างประเทศ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเดียว

ขอยกย่องทีมทนายความต่างชาติทั้ง 4 ท่าน ที่ล้วนแต่ได้ทุ่มเททำงานอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด 3-4 ปี ที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิดและวิกฤติการณ์การเมืองของไทยที่ผันผวนรุนแรง หาใช่ความสำเร็จของทนายความ คนหนึ่งคนใดดั่งเช่นที่กำลังเกิดกระแส "ฮีโร่หญิงสาว" ทนายความลูกครึ่งฝรั่งเศส-โรมาเนียนาม "อลินา มิรอง" ที่เชี่ยวชาญแผนที่และสื่อสารได้ชัดเจน

ผมหวังจริงๆ ว่าหลังคำให้การศาลโลกผ่านพ้นไปแล้ว บ้านเมืองของเราจะมีห้วงระยะเวลาสงบลดละความขัดแย้งทางความคิดในคดีเขาพระวิหารไปได้มาก ผู้คนที่เคยแบ่งฝักฝ่ายในกรณีนี้จะมีอารมณ์เย็นลง พวกเขาที่มีความรู้สึกชาตินิยมรุนแรงยังไม่ต้องไปกระวนกระวายใจว่าประเทศไทยจะเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ช่วยกันประคองบรรยากาศแบบนี้ไปให้นานที่สุด จนกว่าคำพิพากษาศาลโลกออกมาที่ยังเป็นห้วงเวลาสำคัญเช่นกัน

หากศาลโลกไม่รับตีความเท่ากับว่าประเทศไทย "เสมอตัว" คือชนะ แล้วอย่าไปประณามหยามเหยียดเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน แต่น่าจะสร้างไมตรีชวนมาช่วยกันพัฒนาพื้นที่ประวัติศาสตร์นี้ให้เป็นประโยชน์ร่วมกันของสองประเทศและมนุษยชาติ หากศาลโลกรับตีความก็อย่าเพิ่งออกอาการคลุ้มคลั่งว่าประเทศไทยจะสูญเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ช่วยกันตั้งสติให้ดีว่าเริ่มต้นจากยอมรับคำสั่งศาลโลกที่คงไม่ออกคำสั่งจนให้สองประเทศประกาศสงครามแย่งดินแดนกันอย่างแน่นอน


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : วีรชัย แฉ คำร้องเขมร ดัดแปลงแผนที่ไทย คดีเก่า กระตุ้นคนไทย ภูมิใจ เป็นเมืองขึ้น

view