จากประชาชาติธุรกิจ
โดย สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์
ขณะที่บรรยากาศทางการเมืองกำลังร้อนระอุ เมื่อรัฐบาลยืนยันที่จะนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเป็นวาระแรกในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เป็นการเรียกแขกจุดกระแสการเมืองนอกสภา แบบที่ไม่มีใครกล้าคาดเดาว่าสถานการณ์จะลุกลามไปถึงขั้นไหน
ควบคู่ กับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในช่วงขาลง ดัชนีตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการผลิต การบริโภค การลงทุน โดยเฉพาะตัวเลขส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาในช่วง 6 เดือนโตไม่ถึง 1%
และในขณะที่สังคมและรัฐบาลกำลังวุ่นวายกับปัญหาต่าง ๆ ก็มีข่าวที่ถูกเปิดประเด็นขึ้นมาแบบไม่ใหญ่โตมาก ทั้งที่ความจริงน่าจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคดีฟอกเงินของ "สมีคำ"
นั่น ก็คือ ข่าวขบวนการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยใช้หลักฐานเท็จ ซึ่งพบว่ามีบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณ 60 บริษัท เป็นกลุ่มเดียวกัน มีการทำงานเป็นขบวนการ โดยอ้างว่าประกอบธุรกิจส่งเศษเหล็กไปขายต่างประเทศ พร้อมกับสร้างราคาขายหลายครั้งเพื่อให้ราคาส่งออก
มีมูลค่าสูง เพื่อจะได้ขอคืนภาษีจำนวนมาก และหลายบริษัทก็มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทห้องแถวแต่มีการขอคืนภาษีสูงนับ ร้อยล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบของกรมสรรพากร พบว่าสร้างความเสียหายรวมไม่น้อยกว่า 4,200 ล้านบาท
ที่สำคัญ เรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรทั้งระดับปฏิบัติการและระดับสูงเกี่ยวข้อง กับกระบวนการดังกล่าวด้วยอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าจะลากโยงไปถึงผู้เกี่ยวข้องระดับสูงได้มากแค่ไหน
ขณะที่ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ด้านภารกิจรายได้ แจ้งว่า ได้ส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่คาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับการขอคืน ภาษีมูลค่าเพิ่มส่งออกปลอมจำนวน 14 ราย ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีทั้งอยู่ในเขตพื้นที่บางรัก สมุทรปราการ และนนทบุรี
อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่ากรณีการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม สะเทือนถึงเก้าอี้อธิบดีกรมสรรพากรของนายสาธิต รังคสิริ อย่างแน่นอน
และ นอกจากเรื่องการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยใช้หลักฐานเท็จที่เกิดขึ้น อย่างโจ๋งครึ่มข้างต้นแล้ว ยังมีประเด็นที่มีการโจทย์ขานในแวดวงนักธุรกิจว่า บริษัทไหนมีปัญหากับกรมสรรพากรยุคนี้ สามารถจัดการแก้ไขได้ทุกเรื่องถ้ามีน้ำมันหล่อลื่น ทั้งที่ในอดีตเรื่องแบบนี้ไม่มีใครกล้า
พร้อมมีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า ส่วนหนึ่งของต้นตอปัญหาก็คือ การปล่อยให้มีการวิ่งเต้นซื้อเก้าอี้ซื้อตำแหน่งมูลค่านับสิบล้านบาท โดยไม่ได้พิจารณาจากคุณภาพความสามารถ ทำให้ผู้ที่เข้ามารับหน้าที่ต้องแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง
ถ้า ข้อมูลนี้เป็นจริง ผู้นำและผู้บริหารประเทศที่เกี่ยวข้องก็ต้องเร่งจัดการล้างบางล้างระบบโดย ด่วน เพราะหากปล่อยให้เชื้อชั่วทุจริตคอร์รัปชั่นเบ่งบานให้หน่วยงานจัดเก็บราย ได้เช่นนี้ ประเทศก็คงจะถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ "กรมสรรพากร" เป็นกรมจัดเก็บรายได้หลักของประเทศ ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 (ต.ค. 55-มิ.ย. 56) จัดเก็บรายได้รวม 1,278,365 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 24,626 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.0 โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 10.9, ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 20.6 และภาษีธุรกิจเฉพาะ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 21.4
ขณะที่ภาษี เงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย นอกจากนี้ พบว่าการคืนภาษีของกรมสรรพากรสูงถึง 225,263 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการ 18,972 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.2 โดยเป็นส่วนของการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 177,795 ล้านบาท และการคืนภาษีอื่น ๆ จำนวน 47,468 ล้านบาท
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน