ปล่อยข่าว"ปฏิวัติ"แบบไหนไม่โดนจับ?
จาก โพสต์ทูเดย์
โดย....ขำ เคืองใจ
นับเป็นผลงานอันแสนน่าชื่นชมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชนิดที่รัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรตบรางวัลให้อย่างงาม ที่สามารถทำงานป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว
พล.ต.ต. พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ออกมาระบุ “เตรียมดำเนินคดีผู้โพสต์ข้อความในลักษณะจะมีการปฏิวัติรัฐประหาร และขอให้ประชาชนกักตุนน้ำและอาหารให้พร้อม ผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก”
ประกอบด้วย เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และเดชาธร ธีรพิริยะ แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดชลบุรี ที่ใช้นามแฝงว่า ปุ๊ ชลบุรี นักสู้ธุลีดิน วารุณี คำดวงศรี และผู้ใช้นามแฝงว่า Yo Onsine อดีตผู้ร่วมถ่ายทำรายการแดดร่มชมตลาf
พล.ต.ต. พิสิษฐ์ ระบุต่อไปว่า “จากการตรวจสอบ บุคคลทั้ง 4 เป็นผู้โพสต์ข้อความด้วยตนเอง จึงจะออกหมายเรียก ทั้ง 4 คน มาสอบสวน ซึ่งหากพบว่ากระทำผิดจริง พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 116 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแก่กฎหมายแผ่นดิน เกิดความปั่นป่วน ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร”
พล.ต.ต. พิสิษฐ์ ยังฝากเตือนไปยังประชาชน ห้ามโพสต์ กดไลค์ หรือส่งต่อข้อความที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะจะถือว่า เป็นผู้กระทำผิดร่วม
************************
ประเด็นที่ควรพิจารณาตามที่เจ้าหน้าที่บ้าน เมืองสื่อสารถึงประชาชนทุกคน กำลังหมายความ ใครก็ตามที่ปล่อยข่าวปฏิวัติรัฐประหารต้องโดนจับดำเนินคดี เพราะสร้างความปั่นป่วนตื่นตระหนกให้กับสังคมชาติ
ถ้าเช่นนั้น ช่วงที่ผ่านมา มีผู้โพสต์ข้อความคล้ายคลึงลักษณะนี้ เหตุใดถึง "ไม่จับดำเนินคดี" หรือ "ไม่กล้าจับ"
ความสามารถของเจ้าหน้าตำรวจครั้งนี้ ช่างแตกต่างกับการควานหามือแฮกเกอร์เวปไซต์สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ยังไร้วี่แวว หรือถ้าเทียบกับการเผยแพร่คลิปล้อเลียนผู้นำชาติกับ ผบ.ทบ. มีการติดตามตัวได้หรือไม่
แม้แต่ การโพสต์ข้อความที่ทำลายความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ กรณีหมิ่นเบื้องสูง เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบกับการกระทำความผิดด้านเทคโนโลยีรายงานผลการ ดำเนินคดี ปิดเว็ปแล้วจำนวนเท่าไหร่
ไม่ต่างกับ การเผยแพร่คลิปฉาวถั่งเช่า ที่กลุ่มสว. นักกฎหมายกำลังพิจารณาเนื้อหาข้อความ ส่อให้เห็นถึงการแทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดินโดยบุคคลที่ไร้อำนาจแถมมีโทษ หนีคดี ซึ่งนายกฯยิ่งลักษณ์ ระบุว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ ฝ่ายตรวจสอบดังกล่าวคงหนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลรับผิดชอบไอทีต้องเข้า มาช่วยตรวจสอบ แต่ถึงป่านนี้ยังไม่สามารถแถลงข้อเท็จจริง และดำเนินคดี หากพบว่าการสนทนานั้น ทั้งแทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งการกล่าวพาดพิงสถาบัน
นับประสาอะไร กับคนที่ออกมาพูดเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารต้องถูกดำเนินคดียึดมาตรฐานแบบ ไหน หรือยึดตามหลักกู ทั้งที่ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เช่น เมื่อวันที่ 1 ส.ค.56 นพ.เหวง โตจิรการ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวว่า “อาจจะมีการควบคุมตัวนายกฯ ประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้งสองคน จึงอยากจะเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้กระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย และอยากร้องขอให้มีการจัดกำลังคุ้มครองความปลอดภัยให้กับนายกฯ”
หรือ จาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 56 "พรรค ประชาธิปัตย์พยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร หลังสุดมาพูดว่าจะมีการยึดอำนาจโดยประชาชน ถ้ามีการรัฐประหารขึ้นจริง ก็จะเกิดความรุนแรงครั้งใหญ่ในประเทศและพวกที่รัฐประหารอยู่ไม่ได้อยู่ดี"
ทั้งสองราย กล่าวถึงเหตุการณ์จะมีการยึดอำนาจ ปฏิวัติ อย่างนี้ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้รับฟังใช่ไหม หรือว่า ผู้โพสต์ข้อความ 4รายที่ถูกเรียกสอบสวนเท่านั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน มาตรฐานของการสร้างความสับสนให้บ้านเมืองอยู่ตรงไหน
แม้ "เป็ปซี่" เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ออกมาระบุว่า การโพสต์ข้อความของเขาเป็นการวิเคราะห์ข่าวสถานการณ์บ้านเมือง ยิ่งทำให้ชวนคิดต่อไป หากสื่อสาขาต่างๆทำการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้หรือไม่ได้จะมีการปฏิวัติ รัฐประหาร ก็คงต้องถูกเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ในประเทศปกครองในระบอบประชาธิปไตยดำเนิน คดี แต่ถ้าเป็นนักการเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลเอ่ยอ้างถึงการปฏิวัติไม่มีความผิด
ยิ่งเป็นถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศได้รับรู้พร้อม เพียงกัน แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปราบปรามการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ก็น่าจะได้รับ ชมรับฟังผ่านคลิป หรือทางโซเชียลมีเดียกับข้อความที่ว่า “…. มีการยั่วยุ กระตุ้นเพื่อนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรียกร้องให้มีการปฏิวัติรัฐประหารและใช้ความรุนแรง…”
ข้อความดังกล่าว เป็นถ้อยแถลงของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 56 สื่อสารชัดเจนขนาดนี้ ส่งผลให้ผู้รับฟังบอกต่อกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ทั้งที่เหตุการณ์ยังไม่เกิด แต่ก็ขวัญผวาตามที่นายกฯแถลง ดีไม่ดีถึงขึ้นต้องกักตุนน้ำและอาหารให้พร้อมกันแล้ว
คำถามว่าต้องแถลงแบบนายกฯใช่ไหมถึงไม่มีความ ผิด ไมต้องเชิญมาสอบสวน หรือ การปล่อยข่าวปฏิวัติรัฐประหาร ยกเว้นให้นายกฯและนักการเมืองรัฐบาลในประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยแห่ง นี้ แถลงสร้างความตื่นตระหนกได้เท่านั้น
เสริมสุขยันโพสต์ข้อความแค่วิเคราะห์สถานการณ์
จาก โพสต์ทูเดย์
บก.ไทยพีบีเอสปัดโพสต์ข้อความปลุกระดม ชี้แค่การวิเคราะห์สถานการณ์จากการให้ข่าวของฝั่งรัฐบาล
นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย เปิดเผยว่า จะเข้าไปตามหมายเรียกของตำรวจ ปอท.ในวันที่ 8 ส.ค. ที่ระบุว่าได้กระทำการโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จในเรื่องของการปฏิวัติรัฐ ประหารรัฐบาลเพื่อชี้นำให้ประชาชนตื่นตระหนกอีกทั้งยังโพสต์ข้อความที่อาจจะ ก่อให้เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง โดยจะเข้าไปรายงานตัวและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การโพสต์ข้อความต่างๆที่ผ่านมาเป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์ โดยครั้งนี้เป็นการตั้งคำถามว่า จะเกิดการปฏิวัติจริงหรือไม่ อีกทั้งกระแสข่าวต่างๆก็มาจากฝั่งรัฐบาลด้วยซ้ำ อาทิ กรณี นพ.เหวง โตจิราการ บอกว่าจะมีถึงขั้นการจับตัวนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงกระแสข่าวหลายข่าวก็ล้วนมาจากคนในรัฐบาลทั้งสิ้น
"การโพสต์ของผมถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว คือโพสต์เรื่องที่มันเป็นประเด็น อาทิ เรื่องรถไฟเหาะของกองทัพบก ก็มีการตั้งคำถามว่ามันใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ ข้อมูลต่างๆไม่ได้กุขึ้น มันมีที่มาที่ไหนทุกเรื่อง ครั้งนี้ก็เช่นกันในการเอากระแสข่าวมาตั้งคำถามว่าจะเกิดปฏิวัติไหม ใครอ่านข้อความของผมก็จะทราบได้ว่าไม่ได้เป็นการปลุกกระแสให้ออกมาเคลื่อน ไหวอย่างไรเลย ทางรัฐบาลคงกลัวข้อมูลทางโซเซียลเน็ทเวิร์คมาก ถ้าจะคนจะตื่นตูมก็ตื่นตูมจากตัวรัฐบาลเอง เช่นประกาศพ.ร.บ.มั่นคง ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุอะไรบ่งบอกถึงความรุนแรง ทั้งนี้จะไปชี้แจงเหตุผลกับตำรวจซึ่งคิดว่าคงไม่มีมาก" นายเสริมสุข กล่าว
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน