จากประชาชาติธุรกิจ
โดย วรรณโชค ไชยสะอาด
"ชูวิทย์ I?m No.5" คือชื่อเเฟนเพจของ "นักการเมือง" อดีต "เสี่ยอ่าง" นามชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เป็นแฟนเพจที่มีคนกดถูกใจ (Like) มากถึง 370,829 คน
อะไรที่ทำให้ "หัวหน้าพรรครักประเทศไทย" ได้รับความสนใจมากมายถึงเพียงนี้? แน่นอนการเป็น "จอมแฉ" ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ที่ผ่านมา ชูวิทย์มักนำเรื่องราวที่สังคมรู้ เเต่เเก้ไขไม่ได้ออกมาแฉ รวมทั้งลงพื้นที่ในเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ มาเปิดเผยต่อสาธารณะ โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กเเละยูทูบเป็นประจำ อาทิ การแฉบ่อนใหญ่หลายสิบเเห่งทั้งในเมืองกรุงเเละต่างจังหวัด หักหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จนโดนย้ายไปหลายราย
ไม่นานมานี้ ก็ลงไปแหวกว่ายน้ำพิสูจน์คราบน้ำมันอย่างสำเริงสำราญที่หาดพร้าว เกาะเสม็ด หลังวิกฤตน้ำมั่นรั่วไหล
หรืออย่างล่าสุด ในการประชุมร่วมของสองสภา เพื่อพิจารณากฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะในการเเก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งมีเหตุชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น ส.ส.จอมแฉ สวมวิญญาณนักข่าว ถ่ายทำบรรยากาศในช่วง "สภาป่วน" ชนิดคลุกวงในเกาะติดทุกสถานการณ์ จากนั้นก็รีบโพสต์ลงยูทูบ แฉให้คนไทยได้เห็นบรรยากาศในสภาอันทรงเกียรติอีกมุมหนึ่ง ซึ่งไม่มีในการถ่ายทอดสด
เกิดเป็นคลิป การปะทะกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ฝ่ายค้านกับตำรวจสภา ที่มีคนเข้าชมในเว็บไซต์ยูทูบถึง 105,000 วิว
จึงน่าสนใจว่า ก่อนประชุมสภาแต่ละครั้ง
ชูวิทย์เขาเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง?
"ขอขึ้นรถ สำรวจก่อนเลยครับ" เช้าวันหนึ่งที่ ส.ส.หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กำลังจะเดินทางไปทำหน้าที่ในสภา เราจึงเปิดเกมรุกด้วยประโยคนี้
อุปกรณ์จอมเเฉ
ขึ้นรถปุ๊บ ชูวิทย์ก็คุยโทรศัพท์ปั๊บ ได้ยินเสียงใสๆ จากหญิงสาวปลายสายเเว่วๆ มาว่า "พ่อ เย็นนี้พ่อจะกินอะไรเหรอ?"
รู้ทันทีเลยว่าเจ้าของเสียงคือ "น้องต๊ะ" ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ลูกสาวคนสวยของชูวิทย์นั่นเอง
"ผมชอบใช้หูโทรศัพท์เเบบนี้ต่อคุยกับมือถือ" ว่าพลางโชว์ชุดหูฟังสีเขียวสะท้อนแสงขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนโทรศัพท์ประจำบ้าน (ดูได้จากในภาพประกอบ) "คุยผ่านมือถือโดยตรงผมว่ามันร้อนหู" ชูวิทย์ว่า
สายตาสอดส่องภายในรถไม่ทันครบ เจ้าของรถก็เริ่มหยิบจับอุปกรณ์ในการทำงานเเต่ละชิ้นขึ้นมาอธิบาย
"ปืนใช้ป้องกันตัว กล้องถ่ายภาพ มีกล้องสปายลักษณะเหมือนรีโมตรถยนต์ มีกล้องกระดุม เวลาสืบเรื่องอะไรก็เนียนเข้าไป มีไอเเพด 2 เครื่อง มีโน้ตบุ๊กไว้พิมพ์เรื่องราวลงเฟซบุ๊ก"
ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นอุปกรณ์ทั้งหมดตรงหน้า คิดดูแล้วนี่น้องๆ เจมส์ บอนด์ ในภาพยนตร์เรื่อง 007 ชัดๆ (ฮา)
นอกจากอุปกรณ์เหล่านี้เเล้ว ภายในกระโปรงท้ายยังมีสิ่งของอีกมาก ตั้งเเต่บุหรี่, เหล้า, ยาเเก้ปวดหัว (หากใครเคยเห็นป้ายหาเสียงของชูวิทย์เมื่อเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้ว คงจำได้ดีกับภาพกุมขมับปวดหัว ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับยาตัวนี้หรือเปล่า) ตะเกียบ, ช้อนส้อม, น้ำยาบ้วนปาก และอื่นๆ อีกที่คิดว่าหากให้สาธายายจนหมด คงต้องใช้พื้นที่ 3 หน้ากระดาษเอ 4
สำหรับอุปกรณ์ภายใต้ชุดสูท ชูวิทย์มีกระเป๋าสตางค์ใบเล็กๆ ติดตัวถึง 6 ใบ แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ทุกช่องกระเป๋าของเสื้อและกางเกง บางใบใส่แบงก์ บางใบใส่เหรียญ บางใบใส่บัตรเครดิต ฯลฯ ดูแล้วน่าวุ่นวายปวดหัว
นอกจากนี้ ที่กระเป๋าเสื้อสูทยังมีแว่นดำที่มักใช้ประจำ รวมถึงโทรศัพท์ไอโฟนที่พร้อมยกถ่ายทันทีเมื่อมีเหตุการณ์น่าสนใจ
ชาวบ้านชอบเรื่องใกล้ตัว
"สิ่งที่ทำให้ชูวิทย์ได้รับความสนใจจากใครหลายคน เป็นเพราะว่าอะไร?" ยิงคำถามจบ ชูวิทย์ก็ตอบกลับมาทันทีว่า "ผมรู้ว่าชาวบ้านต้องการข่าวอะไร"
ที่สำคัญเขาชอบเข้าถึงผู้คนที่หลากหลายอาชีพด้วยเหตุผลว่าเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อดูความเคลื่อนไหวของสังคม
"การเจอผู้คนที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่นักการเมืองต้องทำ เพราะหากอยู่กับชนชั้นการเมืองด้วยกันเอง สมองคุณก็จะได้เเต่เรื่องซ้ำๆ ทัศนคติเดิมๆ ผมต้องคุยตั้งเเต่วินมอเตอร์ไซค์ ชาวบ้าน พ่อค้าเเม่ขาย ไปจนเศรษฐีบนคอนโดฯหรู ว่าพวกเขากำลังมีความรู้สึกหรือคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องราวนั้นๆ" รอยยิ้มปรากฏใต้หนวดเรียวงาม
ก่อนจะพูดถึงการทำหน้าที่ถ่ายคลิปวิดีโอการปะทะกันระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้านเเละตำรวจสภา
"การอัดคลิปวันนั้น ผมต้องเลือกเก็บข้อมูลที่สำคัญ โดยเลือกถ่าย ส.ส.ที่กำลังฮอตระหว่างนั้นของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างคุณวัชระ เพชรทอง คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ คุณบุญยอด สุขถิ่นไทย พวกนี้ถือเป็นทัพหน้าของ ปชป. ผมต้องตามอยู่เเล้ว...วันนั้น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าฝ่ายค้านนั่งเฉยผมจะตามถ่ายทำไม"
วิธีการเลือกนำเสนอข้อมูลของชูวิทย์ ต้องเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของชาวบ้าน
"ขณะในรัฐสภากำลังพูดเรื่องเเก้รัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าประชาชนไม่สนใจฟังหรอก นอกจากเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเเล้ว พวกเขายังมีเรื่องใกล้ตัวที่ต้องสนใจมากกว่านี้ เพราะฉะนั้น หากจะนำเสนอเรื่องการเมือง ต้องเป็นการเมืองเเบบชาวบ้าน ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนลึกซึ้ง ที่สำคัญรู้สึกใกล้ตัว"
ว่าแล้วชูวิทย์ก็ยกตัวอย่างการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย
"ถ้าพูดเเจงงบกระทรวงนั้น กระทรวงนี้เท่าไหร่ เเบ่งเป็นอะไรบ้าง คนฟังเบื่อตายเลย เเต่ผมเลือกไปถ่ายรูปเก้าอี้หลุยส์ เเล้วบอกชุดละหลายล้านบาท เเบบนี้ชาวบ้านจะเห็นภาพเเละเข้าใจ เป็นความจำเป็นที่ต้องสื่อสารเเบบง่ายๆ กับประชาชนระดับชาวบ้าน"
นอกจากนี้ จังหวะในการนำเสนอข่าวสารก็สำคัญ
ชูวิทย์บอกว่า เมื่อคุณรู้ว่าชาวบ้านเขาฟังอะไร จังหวะเวลาที่เผยข้อมูลออกไปเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเเต่ละเรื่องมีกระแสที่ต้องติดตาม หากเราพูดนอกกระเเสเหนื่อยเปล่า เพราะไม่ได้ลงข่าว พูดไปทั้งวันสื่อไม่ออก
แต่กระนั้น อดีต "เสี่ยอ่าง" ผู้ล้างมือในอ่างทองคำก็ยังออกตัวว่าตัวเองยัง "ละอ่อน" ในเรื่องนี้
"เราทำตัวเป็นผู้สื่อข่าว เหมือนเราเล่นเซิร์ฟโต้คลื่น การเล่นตามคลื่นมันง่ายกว่า การเล่นขวางคลื่นคุณอาจจะล้ม ความหมายคือว่า เมื่อคุณจับกระเเสได้ คุณจะรู้ว่าทิศทางข่าวกำลังไปทางไหน คุณจะได้ข่าว เเละคุณจะได้ลงข่าว ก็อย่างเช่น การเอาเก้าอี้หลุยส์มาพูดช่วงระหว่างอภิปรายเรื่องงบประมาณ หากพูดเมื่อเดือนก่อนอาจไม่มีคนสนใจ" ชูวิทย์กล่าวหนวดกระดิก
และเหมือนเขาจะเข้าใจอาชีพผู้สื่อข่าวดีพอสมควร เห็นได้จากคำเปรียบเปรยที่บอกว่า ผู้สื่อข่าวเหมือนเด็กที่กำลังโต ต้องกินตลอด วันไหนไม่มีข่าวก็หิว
"วันไหนข่าวเยอะ ผมคิดเเล้ว เก็บของตัวเองไว้ดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ดีกว่า เพราะรู้ว่าผู้สื่อข่าวต้องกินข่าวทุกวัน บางทีเรามองออกว่า วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้อาจไม่มีข่าว เราเลือกพูดเรื่องที่มีวันศุกร์ดีกว่า เพราะดีไม่ดีอาจถูกอ่านลากยาวไปถึงวันเสาร์อาทิตย์ด้วย" ชูวิทย์เผยเทคนิคสร้างกระเเสของตัวเอง
เฟซบุ๊กสุดจี๊ด
เฟซบุ๊กเป็นช่องทางที่ชูวิทย์ใช้สื่อสารกับประชาชนด้วยเหตุผลที่ว่าง่ายสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญมีคอมเมนต์หรือการแสดงความคิดเห็นที่ถือเป็นการสื่อสารสองทาง
แต่โลกออนไลน์ก็มีสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งอย่างเช่น"ภาษาเฉพาะ" เจ้าของฉายาเสี่ยอ่างยอมรับว่า ภาษาวัยรุ่นแปลกๆ ที่ใช้ในงานเขียนที่ทุกคนเห็น ส่วนหนึ่งมาจากลูกน้องผู้ใกล้ชิดช่วยเเนะนำ เพื่อให้ภาษาอินเทรนด์ โดนใจวัยโจ๋
"คอมเมนต์เฟซบุ๊ก ผมอ่านตลอด เพราะเป็นสิ่งออกมาจากใจ บางอันอ่านเเล้วผมด่ากลับ (ในใจ) ก็มี ถือเป็นการสื่อสาร 2 ทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากที่มีคนมาวิพากษ์วิจารณ์เรา เเละคอมเมนต์เป็นหมื่นเป็นเเสนมากมายนั้น ยังบอกทิศทางหรือเทรนด์ของสิ่งที่เรานำเสนออีกว่า คนเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร สังคมกำลังคิดอะไรอยู่
"และในหลายๆ ครั้งก็ยังให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมอีก ทุกวันนี้เราอยู่หน้าจอ บางทีได้ข้อมูลเยอะกว่าการไปตระเวนหาซะอีก" ชูวิทย์บอกเเละว่า คอมเมนต์ต่างๆ ล้วนเป็นความจริงใจที่หลายคำไม่กล้าพูดบอกกันต่อหน้า
ชูวิทย์คิดไม่เหมือนใคร เขาบอกว่า เรื่องเหล่านี้สำคัญ คอมเมนต์ต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่นักการเมืองหลายคนมองข้าม ทั้งที่เป็นเสียงสะท้อนของประชาชน นอกจากนี้ยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันด้วย ดีกว่าการไปพูดกันเองภายในกลุ่มโดยไม่เคยเเลกเปลี่ยนกับคนอื่นเลย
ทั้งนี้เสี่ยอ่างบอกว่า ตนใช้วิญญาณของสื่อ โดยเอาข้อมูลของเเต่ละพรรคนำเสนอให้ผู้คนตัดสินกันเอง ไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่ได้เสริมเเต่ง หรือด่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
"บางคนบอกผมสร้างภาพ... ผมถามหน่อย ถ้าผมไม่ทำให้เห็น ไม่ออกข่าว เเล้วคุณจะรู้ไหมว่าผมทำงาน เเล้วคุณก็บอกว่า ชูวิทย์มันหายหัวไปไหน ไม่ทำงาน... จริงไม่จริง?" ชูวิทย์พูดไปหัวเราะไป เว้นแต่ประโยคคำถามในตอนท้ายที่ย้อนถามกลับมา ซึ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหนวดกระดิก ไม่รู้ว่าต้องการคำตอบกลับไปจริงหรือไม่
แฟนคลับ มาไง งง?
เดินทางถึงสภา และกำลังจะลาจากกันอยู่แล้วแท้ๆ จู่ๆ หนุ่มในชุดนักศึกษา อรัญ ถนอมศร อายุ 27 ปี ก็เดินตรงเข้ามาหาเมื่อเห็นรถของชูวิทย์จอดอยู่ พลอยทำให้การสนทนาดำเนินต่อไปอีก
อรัญเป็นแฟนคลับของชูวิทย์ ที่ติดตาม ส.ส.จอมแฉตั้งแต่ยังไม่มีเฟซบุ๊ก
เขาบอกว่า ชอบความกล้าของชูวิทย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ที่เป็นข่าวเรื่องโดนอุ้ม เขาออกมาต่อกรกับเจ้าหน้าที่รัฐ ตอนนั้นติดตามจากข่าวจากหนังสือพิมพ์ ตอนนี้พอมีเฟซบุ๊กก็กดถูกใจเเฟนเพจ เเละตามกดไลค์ อ่านโพสต์ต่างๆ ที่เขียนตลอด
"สำหรับชาวบ้านอย่างเรา มันคือเรื่องจริงที่ไม่ค่อยมีใครกล้าถ่ายทอดเรื่องราว"
อรัญตั้งใจเดินทางมาหาชูวิทย์ เพราะอยากเจอเเละเพื่อมอบพระบูชารูปเหมือนหลวงปู่ทวดให้
อะไรจะ ประจวบเหมาะขนาดนี้กับการมาของชายหนุ่มดังนั้นจึงต้องหันไปถามชูวิทย์ให้หาย สงสัย"นี่ไม่ได้มีการเตรียมกันมานะ...ไม่ใช่รู้ว่าจะขอดูกระเป๋า ขอตรวจข้าวของวันนี้เลยเตรียมหน้าม้ามา"
"ไม่มีครับ พูดจริงๆ สาบาน" แฟนคลับหนุ่มรีบตอบแทน
ขณะที่ชูวิทย์ยิ้มแล้วขำ ก่อนจะบอก "ไม่มีๆ ผมก็พึ่งเคยเห็นเขาเนี่ยเเหละ"
หลังการเกาะติด "ส.ส.จอมแฉ" กลับมาถึงสำนักงาน เปิดคอมพิวเตอร์เตรียมตัวนั่งเขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ไปประสบพบมา หากแต่สิ่งแรกที่ทำ คือการเข้าไปในเฟซบุ๊ก "ชูวิทย์ I?m No.5"
พบว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดชูวิทย์ รู้เพราะข้อความที่เข้ามา "แฮปปี้เบิร์ธเดย์"
รวมถึงข้อความที่เขาโพสต์ในวันนั้นก็คือ "ผมเป็นฝ่ายค้าน ติติงรัฐบาลด้วยความจริงใจแบบชาวบ้าน หากใครจะอวยพร หรือด่าผม ยินดีรับฟัง เพราะแม้วันนี้เป็นวันเกิดผม ผมยังคงทำงานตามหน้าที่ เป็นตัวแทนของทุกคนเหมือนเดิม"
การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณากฎหมายต่างๆ ยังไม่จบ และอีกหลายฉบับที่ถือว่าเป็น "ของร้อน" ก็ยังไม่ได้เริ่มต้น
ต้องติดตามการทำงานของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" กันต่อไปว่า จะมีคลิปเด็ดอะไรจากในสภาออกมาแฉให้ประชาชนได้ชมกันอีก
ที่มา นสพ.มติชน
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน