จากประชาชาติธุรกิจ

คิดไม่ถึงว่าทัพเดินเท้าคัดค้าน "รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ "อีเอชไอเอ? เขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ได้รับการต้อนรับจากประชาชนเนืองแน่น อันที่จริงโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์มีความพยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี 2525 โดยนักการเมืองในพื้นที่ แต่ติดปัญหาไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสิ่งแวดล้อมถึง 4 ครั้ง แล้วเงียบหายไป

มาโผล่อีกทีหลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กรมชลประทานเพิ่งจับยัดเข้าไปในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทใหม่อีกครั้ง แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยว่าได้ไม่คุ้มเสีย โดยเปรียบเทียบปริมาณน้ำจากน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เขื่อนแม่วงก์จะเก็บน้ำได้เพียง 1% เทียบกับน้ำถังใหญ่เขื่อนแม่วงก์เสมือนแก้วใบหนึ่งเท่านั้น เพราะเขื่อนมีขนาดเล็กมากความจุราวๆ 200 ล้านลูกบาศก์เมตรเทียบไม่ได้กับน้ำบ่าในปี 2554 ที่มีปริมาณนับหมื่นๆ ลูกบาศก์เมตร

คงต้องมานั่งชั่งน้ำหนักดูว่าคุ้มหรือไม่ที่จะ สร้างเขื่อนเพื่อกักน้ำแค่นิดเดียว แต่ต้องสูญเสียป่า สูญเสียธรรมชาติที่เอากลับคืนไม่ได้ เปิดทางให้มีการสร้างถนนหนทางเข้าไป ความเจริญเข้าไปนายทุนจะฉวยโอกาสบุกรุกป่า

ต้องยอมรับความจริงว่า ต้นเหตุน้ำท่วมหนักในปี 2554 ส่วนหนึ่งเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพและไร้เอกภาพในการบริหารจัดการน้ำของ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกทม.รวมถึงให้ความสำคัญกับพื้นที่เศรษฐกิจ มากกว่าพื้นที่อยู่อาศัย

หากจะคิดว่าเขื่อนเล็กๆ อย่างเขื่อนแม่วงก์ป้องกันน้ำท่วมได้ก็อยากจะให้ดูตัวอย่างน้ำท่วมใหญ่ในมล รัฐโคโลราโดของสหรัฐไม่กี่วันที่ผ่านมามีคนตายหลายสิบรายเป็นตัวอย่าง มลรัฐโคโลราโดเคยเป็นมลรัฐที่มีเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก (ตอนนี้เขื่อนใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่จีน) และไม่ใช่มีเขื่อนเดียว แต่มีตลอดแม่น้ำโคโลราโด ขนาดนั้นยังเอาไม่อยู่

เมื่อกลางปีที่ผ่าน มาน้ำท่วมใหญ่ในเยอรมนี และอีกหลายประเทศในลุ่มแม่น้ำดานูบทั้งที่มีเขื่อนตลอดแนวแม่น้ำแต่ก็เอาไม่ อยู่จนรัฐบาลเขาบอกว่าเลิกที่จะสู้กับน้ำแต่จะหันมาอยู่กับน้ำแทนทั้งที่ ประเทศเหล่านี้เก่งเรื่องสร้างเขื่อนแค่ไหนใครๆ ก็รู้

หากใครคิดจะสร้างเขื่อนน่าจะเอาเวลาไปคิดว่าจะอยู่กับน้ำอย่างไรดีกว่าไปสู้กับน้ำ



ที่มา : นสพ.ข่าวสด

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน