มาร์ค" ยันไม่เซ็ทซีโร่ ไม่เอาผงซักฟอกพิเศษ ขจัดคราบเลือด
จากประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 31 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายคำปรารภของ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ว่า ทำไมการแปรญัตติชื่อร่างจึงสำคัญ เพราะมันเริ่มต้นด้วยเหตุผลว่าเราจะทำกฎหมายเพื่ออะไร แล้วก็มากำหนด ซึ่งจะล้อคำปรารภไปตามชื่อร่าง ที่ผ่านมาร่างนี้สร้างความขัดแย้งให้ประชาชนมาตลอด เราไม่รู้ว่านิรโทษอะไรให้ใครบ้าง หลักการนั้นแก้ไขไม่ได้ แต่โดยปกติเหตุผลเราจะถกเถียงกัน ซึ่งจะสอดรับกับร่างที่เราพิจารณา บางครั้งมีเป็นข้อสังเกตเพื่อปรับเหตุผลให้ตรงเนื้อหาในร่าง ซึ่งร่างนี้ประกอบ 2 ส่วน 1.การอธิบายความจริงที่เกิดขึ้น 2.การอธิบายเจตนาของการเสนอร่างฉบับนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ นายกฯ บอกอยากให้สภาช่วยกันพิจารณาร่างนิรโทษกรรม เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ตนอยากถามว่าเดินหน้าอะไร ประเทศเดินหน้าไม่ได้จริงหรือไม่ ถ้าบอกว่าเดินไม่ได้เพราะมีคนติดคุก มีคนหนีคุกเพราะไม่อยากติดคุก แล้วก็ให้ปล่อยคนเหล่านั้นไปอย่างนั้นหรือ คนที่ฆ่าคน คนที่ศาลตัดสินในฐานความผิดเดียวกัน เราบอกว่าเขาติดคุกแล้วต้องเห็นใจเอาเขาออกมาหมด อย่างนี้ไม่ใช่ กฎหมายในอดีตเราก็เคยทำมาแล้ว เช่นครั้งที่ ประชาชนเข้าต่อสู้ร่วมกับขบวนการคอมมิวนิสต์ แล้วก็นิรโทษกรรมให้ แต่ยกเว้นว่าถ้าการกระทำใดๆเป็นความผิดอาญาก็ไม่ให้ ตนยึดถือหลักการนี้ แต่อย่างการเผาที่ไม่ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบสันติ ไม่ควรนิรโทษฯให้ เพราะสหประชาชาติก็เตือนว่าร่างนี้ขัดหลักสิทธิมนุษยชน เพราะการนิรโทษต้องไม่ให้แก่คนที่ละเมิดสิทธิของคนอื่น โดยเฉพาะชีวิต และรัฐไม่ใช่เจ้าของชีวิตประชาชน ที่จะมาบอกว่าชีวิตที่เสียไปนั้นรัฐไม่ติดใจแล้ว ไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอให้รอดูตอนลงมติว่า ใครลงมติเห็นชอบให้ร่างนิรโทษกรรมคนนั้นแหละสั่งเผา สั่งฆ่า แต่ใครที่ยกมือคัดค้านคือผู้ที่เอาจริงเอาจังกับการหาความจริง เรามีประชาธิปไตยมากว่า 80 ปี ตนเดินหน้ามาตลอด ไม่ต้องเซ็ทซีโร่ ถ้าหากเอาตามที่ตนพูดว่านิรโทษฯแต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง ประเทศชาติถึงจะเดินหน้าจริง ผู้สั่งการ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ในการดูแลการชุมนุม การก่อการร้าย กบฏ ก็จะมีบรรทัดฐานที่ชัดเจน ประเทศไทยก็จะไม่ตกอยู่ในวังวน ที่ว่าพออรัฐประหารเสร็จก็มาออกกฎหมายนิรโทษกรรมตนเอง ผู้นำสั่งฆ่าประชาชนและก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ ตนพูดได้เต็มไปเต็มคำ เพราะตนเดินทางไปพบอสส.มาแล้ว ถ้าที่สุดศาลมองว่า การชุมนุมที่มีการใช้อาวุธ แล้วสิ่งที่ นายอภิสิทธิ์ สุเทพ ทำไม่ถูก ถ้าศาลสั่งอย่างนี้ ตนก็ยอมติดคุก บ้านเมืองต้องอยู่กันอย่างนี้
"ถ้ากระบวนการยุติธรรมบอกผมผิด ผมยอมรับ เพราะระบบมันต้องใหญ่กว่าตัวเรา ส่วนคนที่กระแนะกระแหนว่าผมพูดไม่จริงหรอก ก็ให้พูดกันไป แต่ผมยืนยันว่าประเทศนี้ต้องมีการพิสูจน์เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่บางคนที่มาจากตระกูลที่มีสันดานเอาแต่ได้ก็คงไม่คิดแบบนี้ เพราะถ้าผู้ชุมนุมจงใจใช้อาวุธละเมิดสิทธิคนอื่น แล้วก็มาออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปแก้รัฐธรรมนูญที่ระบุว่าการชุมนุมสามารทำได้ โดยสงบและปราศจากอาวุธ ดังนั้นการแปรญัตติของตนจึงทำให้ชัด ว่าการออกกฎหมาย ไม่ใช่จะให้ใครที่มีอำนาจและจะมายกความผิดให้คนนั้นคนนี้ก็ได้ ส่วนการโกงนั้นไม่ใช่ใช่การแสดงออกทางการเมืองจะมารวมอยู่ด้วยกันไม่ได้ เราต้องเดินหน้าไม่เซ็ทซีโร่ ไม่มาใช้บรรทัดฐานเดิมๆ ว่าใครมีอำนาจและจะทำอะไรก็ได้ ตนไม่การผงซักฟอกพิเศษ มาขจัดคราบโกง ขจัดคราบเลือด"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายของ นายอภิสิทธิ์ มีส.ส.เพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ในประเด็นว่า นายอภิสิทธิ์ หน้าตาดีจบเมืองนอกมีความรู้ แต่ใช้คำพูดไม่สุภาพ ใช้คำว่าตระกูลสันดาน แบบนี้ไม่ได้ และมองว่านายอภิสิทธิ์ อภิปรายใส่ร้ายว่า ผู้ที่ลงมติเห็นชอบกับร่างคือผู้ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิต ส่วน นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบโต้ว่า ตนไม่ได้ใช้คำไม่สุภาพ ตนก็มีสันดาน จ่าประสิทธิ์ก็มีสันดาน แต่แตกต่างกัน ขณะที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานฯ คนที่ 1 ในฐานะประธานการประชุม วินิจฉัยว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะเป็นการอภิปรายเพื่อโน้มน้าวให้เพื่อสมาชิกเห็นด้วยกับที่เขาเสนอ
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
“มติชน” กลับลำ จวกนิรโทษสุดซอยสร้างเงื่อนไขเหตุรุนแรงซ้ำ วอนพรรคร่วมถอย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
“มติชน” ได้ฤกษ์สับ กมธ.นิรโทษเสียงข้างมากเแปลงเนื้อหา ม.3 ปล่อยผีเหมาเข่ง ส่อแกนนำเพื่อไทยได้ประโยชน์ด้วย ทำสังคมตึงเครียด สร้างเงื่อนไขซ้ำรอยเดิม หนุนให้ศาลตัดสินคดีเผาเมือง อย่าตีตนไปก่อนไข้ ผลักมิตรเป็นศัตรู วอนพรรคร่วมถอย ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม
วันนี้ (31 ต.ค.) นสพ.มติชนรายวัน ได้ออกบทบรรณาธิการในชื่อ หมายเหตุมติชน: หยุดเพื่อส่วนรวม โดยระบุว่า ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ.... หรือเรียกย่อๆ ว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เดิมมีหลักการตามที่ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และพวกเสนอ คือให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีเสื้อที่กระทำความผิดในเหตุการณ์ความ รุนแรงทางการเมือง โดยหลักการดังกล่าวมีการตอกย้ำหลายครั้ง ทั้งที่เป็นมติของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่เป็นคำอภิปรายในการพิจารณาวาระ 1 ของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
แต่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาในมาตรา 3 ขยายขอบเขตการนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมถึงผู้สั่งการ และแกนนำการชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดโดยองค์กรที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร 2549 ที่เรียกกันว่า “สุดซอย” หรือ “เหมาเข่ง” ซึ่งอาจมีแกนนำพรรคได้รับประโยชน์ด้วย และแตกต่างจากเนื้อหาเดิมที่เสนอต่อสภา จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ข้อเสนอที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในเบื้องแรก คือนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชน ไม่รวมผู้สั่งการและแกนนำ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการนิรโทษกรรมผู้สั่งการและแกนนำด้วย สังคม และสาธารณชน ไม่ได้รับรู้ ไม่ได้เตรียมความคิดมาก่อน ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ จึงเกิดปฏิกิริยาและคำถาม ทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งควรจะเป็นร่างกฎหมายที่นำไปสู่ความปรองดอง กลับกลายเป็นเงื่อนไขให้เกิดเหตุการณ์ตึงเครียด กระทั่งน่าหวาดวิตกว่า จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงซ้ำรอยเดิม
“มติชน” มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การเมืองที่เกิดจากความเห็นต่าง และผลกระทบที่จะเกิดจากร่าง พ.ร.บ.นี้ โดยเฉพาะคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งกระบวนการยุติธรรมกำลังทำหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง บางคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน บางคดีอยู่ในชั้นอัยการ และบางคดีกำลังเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ผลการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแต่ละคดีจะออกมาเช่นไรย่อมขึ้นอยู่กับการพิจารณา ของกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ หรือคาดการณ์ในเชิงลบ เพื่อใช้เป็นข้ออ้าง ปฏิเสธกระบวนการนี้
สังคมไทยผ่านความขัดแย้งอย่างรุนแรงมาแล้ว ขณะนี้อยู่ในห้วงเวลาการฟื้นฟูความบอบช้ำ เสียหายในด้านต่างๆ ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างเงื่อนไข ผลักมิตรเป็นศัตรู เพิ่มบรรยากาศของความเป็นปฏิปักษ์
“มติชน” จึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลในฐานะพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภา ผู้แทนราษฎร ทบทวน ยุติ ระงับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในแนวทางที่เป็นปัญหานี้ทันที และกลับคืนสู่แนวทางอันเป็นที่ยอมรับ หรือแนวทางที่สภารับหลักการในวาระที่ 1 โดยคำนึงถึงเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น และยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาอันแท้จริงในการสร้างสังคมไทยให้กลับคืนสู่ความ ปรองดองอย่างแท้จริง
“ประแสง” ด่าเรียงตัว “จ่าประสิทธิ์-ก่อแก้ว-วิภูแถลง” หนุนนิรโทษฯ-ขออาสารุมถ่มน้ำลาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
อดีต ส.ส.อุทัยธานี แกนนำแดงของขึ้นด่ากราด ส.ส.แดงขี้เรื้อน ไล่ส่งลาออก นปช.ขึ้นรูปเรียงตัว “จ่าประสิทธิ์-ก่อแก้ว-วิภูแถลง” ขออาสา 20 คนรุมถ่มน้ำลายใส่พวกทรยศ สาวกฮือชื่นชมจุดยืนอื้อ
วันนี้ (31 ต.ค.) นายประแสง มงคลศิริ อดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคไทยรักไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ “ประแสง มงคลศิริ” ในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาโจมตีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่แสดงจุดยืนสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งด้วยถ้อยคำรุนแรง ทั้งยังมีการโพสต์ภาพ ส.ส.นปช.รายบุคคล ทั้ง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายพายัพ ปั้นเกตุ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท เป็นต้น โดยปรากฏข้อความว่า “ชี้เป้าหน่อยครับ นปช.ผู้ยอมจำนน มีใครอีกครับ?”
รวมทั้งยังมีการโพสต์ข้อความอื่นๆ หลายข้อความ อาทิ “นปช.เทียม” หรือ “นปช.กะหรี่”
“The Oak (นายพานทองเเท้ ชินวัตร) ลูกในใส้นายกฯทักษิณ ยังยอมกลืนเลือด เห็นแก่วิญญาณคนเสื้่อแดงที่ตาย อยากให้พ่ออดทน พวกมึงยังทำบัดซบโหวตผ่าน มึงเป็นคนหรือสัตว์นรกกันแน่วะ?”
“พวกมึงกลัวพรรคจะไล่มึง ไอ้สถุน!”
“พรุ่งนี้มึงถ้าโหวตผ่าน น้ำหน้ามึงคือไอ้หมาขี้เรื้อน ลาออกจาก นปช.ไป”
รวมไปถึงโพสต์หนึ่งที่ขออาสาสมัคร 20 คน เพื่อไปถ่มน้ำลายใส่หน้า ส.ส.นปช.ที่ทรยศวิญญาณผู้เสียชีวิตด้วย โดยระบุว่า “ได้เวลาพักผ่อน ตี 5 เช้าต้องปลุกและแบกลูกยัดใส่รถไปส่งโรงเรียนอีก ..... ก่อนนอน ขออาสาสมัครสัก 20 ท่านได้ป่าวไม่ต้องการ 10,000 อย่างหนูหริ่ง (นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด) แค่ไปรุมถ่มน้ำลายใส่หน้าไอ้พวก นปช.ทรยศวิญญาณผีตายโหงที่พวกมันไปพาเขามาตายเป็นร้อย ...... ล่ามันเรียงตัวเลย ลงชื่อมาเลยครับ”
ทั้งนี้มีได้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มีแนวคิดไม่เห็นด้วยต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับดังกล่าวเข้ามาโพสต์ข้อความให้กำลังใจ และชื่นชมในจุดยืนของนายประแสงจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประแสง มงคลศิริ เคยเป็นอดีต ส.ส.อุทัยธานี 2 สมัย ช่วงรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ระหว่างปี 2545-2549 หลังจากนั้นได้มีบทบาทเป็นแกนนำ นปช.เคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนร่วมกับคนเสื้อแดง และเป็นผู้ประสานงานภาคเหนือของ นปช.นำคนเสื้อแดงภาคเหนือเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ในเหตุการณ์นองเลือด เดือน เม.ย.-พ.ค.53 ก่อนทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ นปช.แทน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.ในขณะนั้น ซึ่งเข้ามอบตัวและถูกกักขังระหว่างต่อสู้คดีข้อหาก่อการร้าย
โดยปัจจุบัน นายประแสง ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีชื่อในการเลือกตั้งในปี 2554 ในระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 83 ของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการและที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ในสมัยที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็น รมว.ศึกษาธิการ
ประยุทธ์” ยันชายชุดดำมีจริง ให้กำลังใจ “มาร์ค-เทือก” สู้คดีสลายม็อบแดง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยัน “ชายชุดดำ” ในแก๊งแดงมีจริง ต้องไปต่อสู้ในศาล พร้อมให้กำลังใจ “อภิสิทธิ์-สุเทพ” สู้คดีสลายม็อบแดง
วันนี้ (31 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ตนอยากให้ประชาชนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าละเมิด หรือก้าวล่วงซึ่งกันและกัน ทหารทำหน้าที่ได้แค่เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์เท่านั้น ตนก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ทุกอย่างมีบทเรียนมาแล้วในปี 53 และก็เป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบันนี้ ตนขอให้เป็นการชุมนุมอย่างสงบ ไม่กีดขวางการจราจร
ส่วนกรณีที่ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ นั้น เราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ตนคงไม่ไปก้าวล่วง จะผิดจะถูกอย่างไร มีกระบวนการในการต่อสู่อยู่แล้ว เราก็เฝ้าติดตามดู และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางอัยการสูงสุดได้ตัดประเด็นเรื่องชายชุดดำออกไป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อมวลชนก็เห็นว่ามีจริง หนังสือพิมพ์ก็ลงภาพกันหลายฉบับ และกำลังพลของตนก็ยืนยันว่ามีชายชุดดำจริง แต่จะมาจากไหนก็ขอให้ไปพิสูจน์กัน ซึ่งก็คงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล
ประแสงเดือด!อัดสส.แดงหมาขี้เรื้อน
จาก โพสต์ทูเดย์
"ประ แสง"โพสต์อัดสส.แดงหมาขี้เรื้อนทรยศวิญญาณ นปช. ฉุนหนุนนิรโทษเหมาเข่งโพสต์ประจานรูป ส.ส.รายคน แดงไซเบอร์แห่ไลค์ให้กำลังใจเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กในนาม “ประแสง มงคลศิริ” สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตเลขานุการและที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊กโจมตี สส.นปช.พรรคเพื่อไทยที่แสดงจุดยืนสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งด้วยถ้อยคำรุนแรง พร้อมโพสต์ภาพ สส.นปช.รายบุคคลทั้งนายพายัพ ปั้นเกตุ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท โดยนายประแสงโพสต์ว่า “ชี้เป้าหน่อยครับ นปช. ผู้ยอมจำนน มีใครอีกครับ?”
ทั้งนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีแนวคิดไม่เห็นด้วยต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับดังกล่าวเข้ามาโพสต์ให้กำลังใจ และชื่นชมในจุดยืนของนายประเเสงจำนวนมาก
ประแสง มงคลศิริ ได้โพสต์ข้อความหลายครั้ง เช่น “นปช.เทียม”
“The Oak (นายพานทองเเท้ ชินวัตร) ลูกในใส้นายกทักษิณยังยอมกลืนเลือด เห็นแก่วิญญาณคนเสื้่อแดงที่ตาย อยากให้พ่ออดทนพวกมึงยังทำบัดซบโหวตผ่าน มึงเป็นคนหรือสัตว์นรกกันแน่วะ?”
“พรุ่งนี้มึงถ้าโหวตผ่าน น้ำหน้ามึงคือไอ้หมาขี้เรื้อน ลาออกจาก นปช.ไป”
“ได้เวลาพักผ่อน ตี 5เช้าต้องปลุกและแบกลูกยัดใส่รถไปส่งโรงเรียนอีก ..... ก่อนนอน ขออาสาสมัครสัก 20 ท่านได้ป่าวไม่ต้องการ 10,000 อย่างหนูหริ่ง (สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด) แค่ไปรุมถ่มน้ำลายใส่หน้าไอ้พวก นปช.ทรยศวิญญาณผีตายโหงที่พวกมันไปพาเขามาตายเป็นร้อย ...... ล่ามันเรียงตัวเลย ลงชื่อมาเลยครับ”
ทั้งนี้นายประแสง เคยเป็นอดีต สส.อุทัยธานี พรรคไทยรักไทย ในช่วงปี 2551-2553 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการศึกษา สภาฯ ช่วงเวลาดังกล่าวได้เข้าร่วมกับกลุ่ม นปช.เคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนร่วมกับคนเสื้อแดง และเป็นผู้ประสานงานภาคเหนือของนปช. นำคนเสื้อแดงภาคเหนือเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ ในเหตุการณ์นองเลือด เมษา-พฤษภาฯ ปี 53 จากนั้นได้ทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ นปช.แทนนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เลขาธิการ นปช.ซึ่งเข้ามอบตัวและถูกกักขังระหว่างต่อสู้คดีข้อหาก่อการร้าย
ต่อมาในการเลือกตั้งในปี 2554 ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในนามพรรคเพื่อไทย ในระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 83 ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน