สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

นับแต่เหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 เรายังไม่เคยเห็นฝูงชนนับแสนออกมาแออัดอยู่บนถนนราชดำเนินกลางและราชดำเนิน นอกเช่นเวลานี้ ทั้งฝูงชนจากม็อบสามเสน สวนลุมพินี และอุรุพงษ์ที่ออกมารวมตัวโดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือการคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาลเผด็จการในเบื้องต้น  แต่การต่อสู้ของขบวนการประชาชนเดือนพ.ย. 2556 จะยุ่งยาก สลับซับซ้อนมากกว่าการต่อสู้กับเผด็จการทหารที่ถือปืนปี 2516  เพราะครั้งนี้เป็นการต่อสู้กับเผด็จการทุนสามานย์ที่มีเงินเป็นอาวุธและ พยายามรักษาอำนาจทีได้มาอย่างถึงที่สุด

เสียงนกหวีดของชาวสีลมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาดังไปถึงทำเนียบรัฐบาล กรีดลึกเข้าไปในหัวใจของนายกปูยิ่งลักษณ์ที่มีอาการหงุดหงิดกับคนใกล้ชิดแบบ เก็บอาการไม่อยู่  ประชาชนทุกสาขาอาชีพในจังหวัดต่างๆ ได้ออกมาคัดค้านอย่างเปิดเผยประสานกับม็อบกรุงเทพ อาจกล่าวได้ว่า เวลานี้ มีม็อบต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นทั่วประเทศแล้ว และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งไม่เคยปรากฎเช่นนี้มาก่อน เป็นการร่วมมือร่วมใจกันของประชาชนโดยไม่มีใครไปบังคับกะเกณฑ์

แม้พยายามทำสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจของนายกปูยิ่งลักษณ์คงอกสั่นขวัญแขวน หงุดหงิด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คนใกล้ชิดเข้าหน้าไม่ติด หลังจาก “ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ” ออกมาอ่านแถลงการณ์ที่ขี้ข้าเขียนให้ แทนที่สถานการณ์จะดีขึ้น นางกลับโดนด่าจากคนทั้งบ้านทั้งเมือง ป่านนี้นางคงเตรียมหอบลูกหอบผัวไปอยู่กับพี่ชายในต่างประเทศ หรืออาจเลือกไปอยู่อย่างสงบ ๆ ที่เกาะมัลดีฟว์

อย่าไปโทษใครเลย ต้องโทษพี่ชายและตัวนางเองนั่นแหละที่เป็นคนจุดไฟ และเป็นคนเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ ใครเตือนอย่างไรก็ไม่ฟังเพราะเชื่อในอำนาจเงินของตัวเอง อย่างไรก็ดี ต้องขอบคุณทักษิณและยิ่งลักษณ์ที่ช่วยทำให้คนไทยที่มีความเห็นต่าง แบ่งเป็นเสื้อสีต่าง ๆ หันกลับมาจับมือสามัคคีกันได้เป็นคร้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา ร่วมมือต่อต้านร่างกฎหมายฟอกผิดฉบับสุดซอย ที่ทำลายน้ำใจคนไทยทั้งประเทศ

เวลานี้คนไทยตื่นแล้ว ไทยหลับตื่นขึ้นมาอย่างมีพลัง ไทยเฉยก็ไม่เฉยอีกต่อไป ซ้ำยังคึกคักผิดคาด คนหนุ่มสาวและนักศึกษาได้ขยับตัวแล้ว ผู้ชุมนุมเหล่านี้เป็นอารยะชน ที่ออกมาชุมนุมอย่างสงบ สันติ ไม่เผาบ้านเผาเมือง ไม่ปล้นทรัพย์สินของคนอื่น ไม่ใช่อาวุธในการทำร้ายประชาชนและทหารเช่นที่พวกเสื้อแดงทำในปี 2552 และ 2553 รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาด้วยความกลัวเพราะเคยทำกับคนอื่นมาก่อน มีการระดมกำลังตำรวจมา 44 กองร้อย และสำรองไว้อีก 40 กองร้อย เตรียมบดขยี้ประชาชน เกมนี้มีแพ้กับชนะเท่านั้น ไม่มีเสมอ

ในประวัติศาสตร์ไทยนับแต่ปี 2475 ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนที่สามารถต้านทานพลังมวลมหาประชาชนขนาดนี้ได้ ครั้งนี้จะเป็นการทดสอบอีกครั้งหนึ่งว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ ประชาชนออกมาเป็นเรือนแสนเช่นนี้ รัฐบาลอยู่ได้ให้มันรู้ไป

ทหารไม่ต้องออกมา การที่ทหารออกมาในปี 2552 และ 2553 เพราะขณะนั้นตำรวจไม่ทำหน้าที่ของตน จึงต้องใช้ทหารมารักษาความสงบเรียบร้อยแทน แต่ครั้งนี้ รัฐบาลคุมตำรวจได้เต็มที่ และตำรวจก็กระเหี้ยนกระหือรือที่จะปราบปรามประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของประชาชนสู้กับรัฐบาลและตำรวจเอง ทหารคอยดูแลไม่ให้ตำรวจทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์แค่นั้นก็พอ

ทั้งหมดเป็นเรื่องของ “ประชาชน” กับ”รัฐบาล” เป็นเรื่องของ “ผู้อยู่ใต้ปกครอง” กับ “ผู้ปกครองเผด็จการ” เป็นเรื่องของประชาชนที่เป็นฝ่าย “เทพ” สู้กับรัฐบาลที่เป็นฝาย “มาร” ประชาชนมี“ความชอบธรรม”ในการต่อสู้เรียกคืนอำนาจกลับคืนมาจากรัฐบาลเผด็จการ ทุนนิยมสามานย์ ที่ทำความฉิบหายให้กับบ้านเมืองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศต่อไป บ้านเมืองคงจะฉิบหายมากกว่านี้ ขณะที่รัฐบาลพยายามรักษาอำนาจของตนไว้เต็มที่

กฎหมายฟอกผิดเป็นเพียงโรคหนึ่งในตัวเรา แม้รัฐบาลยอมถอย แต่เชื้อโรคร้ายยังอยู่ในร่างกายซึ่งก็คือประเทศของเรานั่นเอง ประชาชนต้องขจัดเชื้อมะเร็งร้ายออกจากร่างกายเราให้หมดสิ้น เวลานี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการให้หมอประชาชนรักษาโรคร้ายทั้งหมดในร่างกาย หากจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ก็ต้องทำ แล้วซ่อม สร้าง ร่างกายให้เข้ากับสู่สภาพปกติดังเดิม เป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะเป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศและปฏิรูปนักการเมือง กันเสียที

เวลานี้ ความเคลื่อนไหวของประชาชนไปไกลเกินกว่าการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมแล้ว จากที่ตะโกนว่าไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรมในระยะแรก ม็อบทั้งสามแห่งเริ่มตะโกน “ยิ่งลักษณ์ ออกไปๆๆๆๆ” ต่อไปอาจได้ยินเสียงตะโกน “ชินวัตร ออกไปๆๆๆ” ประชาชน ต้องไม่หลงกลหากรัฐบาลถอยร่างกฎหมายนิรโทษกรรม  เพราะนั่นเป็นเพียงการถอยทางยุทธวิธีของรัฐบาลเท่านั้น แต่ระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์หรือระบอบทักษิณยังดำรงอยู่ ประชาชนต้องการ “การเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์” ที่มีประชาชนเป็นผู้กำหนดทิศทางและอนาคตของประเทศ หากประชาชนชนะ ไม่เพียงล้มล้างกฎหมายฟอกผิดเท่านั้น แต่ยังสามารถล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา การแก้ไข ม.190 ที่ตัดทอนอำนาจของประชาชนอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณี และไม่ต้องมานั่งใช้หนี้อีก 50 ปี โครงการระยำต่าง ๆ ที่ทำให้บ้านเมืองฉิบหายจะได้ล้มเลิกกันเสียที การคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะได้ยุติ คนที่มีความเห็นต่างจะได้มีที่ยืนในสังคมอย่างสง่าผ่าเผย

เวลานี้เราเดินมาถึง “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” แล้ว อย่าปล่อยให้ผ่านจุดนี้ไปโดยไม่ทำอะไรเพราะจะเป็นการเสียโอกาสที่ดีที่สุด เวลานี้ ประชาชนเดินนำหน้าพรรคการเมืองแล้ว ประชาชนเจ้าของประเทศต้องเปลี่ยนประเทศเชิงยุทธศาสตร์ กำหนดทิศทางของประเทศ ด้วยตัวเอง ประชาชนต้องเป็นผู้นำในการยกเครื่อง ซ่อม สร้าง ประเทศให้ไทยกลับมายืนอยู่แถวหน้าของอาเซียนอีกครั้งหนึ่ง เราเสียโอกาสไปมากแล้วเพราะรัฐบาลชุดนี้และจากนักการเมืองชั่วทั้งหลาย ฝ่ายการเมืองต้องตามหลังมวลมหาประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ต้องฟังเสียงประชาชน

ชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะเอื้อมมือไปคว้าหรือไม่  โอกาสเช่นนี้มีไม่มากนัก ขอย้ำว่า เกมนี้ให้ทหารอยู่ในที่ตั้ง ให้เป็นเรื่องของประชาชนกับรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ต้องเดินตามหลังมวลมหาประชาชน ถ้าทำได้อย่างนี้ “ไทยสปริง”คงมีโอกาสเกิดขึ้นในประเทศแน่


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม

view