จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ
เหตุการณ์บ้านเมืองในวันนี้ กำลังเข้าสู่โหมดความขัดแย้งที่รุนแรงเหมือนปี 2553
ถามว่าจุดเริ่มต้นมาจากไหน ถ้าถามฝ่ายรัฐบาล ถามคนเสื้อแดง คงได้รับคำตอบว่าสาเหตุมาจากผู้ชุมนุมที่ไม่ยอมรับกติกาประชาธิปไตย ไม่ยอมจำนนให้กับจำนวนมือที่มีจำนวนมากในสภา
แต่ถ้าถามฝ่ายค้านหรือผู้คนที่ชุมนุมกันอยู่ในขณะนี้ หรือคนอีกจำนวนมาก ซึ่งไม่ทราบว่ามากเท่าไร เพราะแสดงออกแต่ในโซเชียลมีเดีย (ที่เรียกกันว่า ไทยเฉย) เราจะได้คำตอบตรงกันว่า สาเหตุเป็นเพราะรัฐบาลใช้เสียงข้างมากลากไป ไม่ฟังเสียงข้างน้อย ออกกฎหมายเพื่อคนคนเดียว
สำหรับผมเห็นว่า สาเหตุมาจากนักโทษชายหนีคดีทนไม่ไหวแล้วกับสภาพสัมภเวสี ทั้งๆ ที่ตัวเองมีอำนาจเหนือรัฐบาล เหนือรัฐสภา เหนือมวลชน ไม่ว่าใครที่ต้องการตำแหน่งใดก็ต้องมาขอจากตน เรียกว่ามีอำนาจล้นฟ้าเหนือประเทศไทย แต่กลับต้องเป็นเปรตเร่ร่อน กลับเมืองไทยไม่ได้
หรือกลับได้ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มันไม่เท่
ด้วยสภาพความกดดัน จึงสั่งผ่านขี้ข้าหัวเขียงให้เร่งผ่านกฎหมายล้างผิดให้ตัวเองโดยเร็วที่สุด และส่งสัญญาณผ่านทาสในสภาให้ลุยออกกฎหมายล้างผิดให้ได้
นักโทษหนีคุกไม่ได้ให้ความสำคัญกับฝ่ายค้านในสภา เพราะไม่มีทางที่จะขัดขวางเสียงข้างมากได้ และประเมินกำลังนอกสภาแล้วว่าจุดไม่ติด ม็อบแต่ละม็อบมีจำนวนน้อยกว่าตำรวจที่เกณฑ์มาควบคุมด้วยงบประมาณมหาศาล จึงไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว นักโทษหนีคุกจึงไม่อยากรออีกต่อไป
เมื่อสั่งทาสในเรือนเงินแล้ว ก็ข่มฝ่ายตรงข้ามโดยให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์เป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า เป็นคนดี ถูกรังแก เป็นนักสู้ ให้ Set Zero ตบท้ายด้วยความอหังการว่า สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
คนที่ไม่รู้จักแพ้ เป็นคนที่เลวยิ่งกว่าเผด็จการ ลองคิดดูซิครับ ถ้าใครทำงานกับเจ้านายที่แพ้ไม่เป็น ไม่ว่าเรื่องอะไรเจ้านายถูกหมด เราอยากจะทำงานด้วยไหม
ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยแพ้ ไม่มีใครในโลกนี้ที่ชนะตลอดกาล แม้แต่พระพุทธเจ้า ท่านก็ยอมแพ้แก่กรรม แม้ท่านรู้ว่าอาหารมื้อสุดท้ายมีพิษ แต่เมื่อเป็นกรรม พระองค์ก็ยอมแพ้ ยอมที่จะเสวย
ในโลกนี้มีเพียงสัตว์นรกและพญามารเท่านั้น ที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้ เพราะแม้จะอยู่ในอเวจีมหานรกก็ยังไม่ยอมแพ้ หรือเหมือนนักโทษที่ถูกตัดสินลงโทษ ถ้าไปถามว่าทำผิดอะไร จะได้รับคำตอบนำหน้าว่า “เขาหาว่า...” ไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองทำผิด
คนที่ไม่รู้จักแพ้ จึงเป็นพวกที่เลวร้ายยิ่งกว่าเผด็จการ เป็นคนที่ไม่ได้เคารพกติกาแต่อย่างใด ปากพูดพล่อยๆ ไปวันๆ เพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย พระท่านจึงบอกว่า แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร
คนที่ไม่รู้จักแพ้ก็คือพวกมาร
ทักษิณถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด โดยได้จ้างทนายเก่งๆ เป็นจำนวนมากเข้าต่อสู้คดี ซึ่งศาลก็ให้สิทธิต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ แต่ทักษิณก็หนีคดีไม่ยอมฟังคำพิพากษา โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ศาลเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย เป็นผู้ใช้กฎหมาย เป็นผู้ตีความกฎหมาย เป็นกติกาของประชาธิปไตยคือ ต้องยอมรับคำพิพากษาของศาล แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลก็ตาม
เช่นเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญยอมรับอำนาจของฝ่ายบริหารในการตรา พ.ร.บ.กู้เงิน โดยศาลเห็นว่าเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ไม่อาจก้าวก่ายได้ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม รัฐบาลจึงชนะคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญหลายคดี แต่คนของรัฐบาลไม่แม้แต่จะกล่าวถึง
แต่หากแพ้คดีไม่ว่าศาลใด นายใหญ่จะบอกขี้ข้าไม่ให้ยอมรับ อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม คนพวกนี้คือพวกที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้ ปัญหาในบ้านเมืองทุกวันนี้จึงเกิดจากคนพวกนี้ โดยเฉพาะนักโทษหนีคดีหัวโจก
การอ้างว่า คตส.ไม่เป็นกลางนั้น เป็นการอ้างที่ไม่มีเหตุผล คตส.ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนหรือตำรวจ คตส.ไม่ใช่เป็นผู้ใช้อำนาจ อธิปไตย ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินชี้ขาดคดี ไม่ว่า คตส.จะเป็นกลางหรือไม่ก็ตาม แต่การพิจารณาคดี ศาลได้ให้สิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ และข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า ทักษิณจ้างทีมทนายเก่งๆ หลายคนเข้าสู้คดีอย่างเต็มที่ จึงไม่มีสิทธิที่จะอ้างถึงการทำงานของ คตส.ว่าไม่เป็นกลาง
ความเป็นกลางในความหมายของทักษิณ คือการที่ทักษิณได้ประโยชน์ ตำรวจ-ดีเอสไอ-อัยการในวันนี้เป็นกลางหรือไม่ อัยการไม่ฎีกาคดีหนีภาษีของคุณหญิงพจมาน-คุณบรรณพต อัยการสั่งไม่ฟ้องทักษิณที่ยุยงให้เผาบ้านเผาเมืองในคดีก่อการร้าย แต่อัยการสั่งฟ้องอภิสิทธิ์-สุเทพ ในคดีมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผลก่อให้ฆ่าผู้อื่น ในการสลายการชุมนุมของทาสในเรือนเงินของทักษิณ นี่คือความเป็นกลางแบบทักษิณ
คดีอย่างนี้ อภิสิทธิ์-สุเทพ จะอ้างว่าดีเอสไอและอัยการไม่เป็นกลางได้หรือไม่
ระบบกฎหมายของเราเป็นระบบกล่าวหา พนักงานสอบสวนมีหน้าที่กล่าวหา ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาหลักฐานเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่หาหลักฐานช่วยผู้ต้องหา แต่ถ้าหาหลักฐานเอาผิดไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป ส่วนพยานหลักฐานต่างๆ จะรับฟังได้หรือไม่ เป็นหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ
ฉะนั้น โดยระบบงานด้านกฎหมาย ผู้ที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวน จึงไม่ต้องเป็นกลาง แต่ต้องมีความเป็นธรรม
คตส.จึงมีหน้าที่หาพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดผู้ถูกกล่าวหา เมื่อพยานหลักฐานเพียงพอก็ส่งฟ้องศาล โดยศาลจะต้องให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
โทษที่ทักษิณได้รับ จึงถูกต้องตามหลักนิติรัฐแล้ว ไม่มีเหตุที่ต้องยกเลิก ไม่มีเหตุผลต้องปรองดองกับคนที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง คนที่ใส่ชุดดำฆ่าคน คนที่เผาบ้านเผาเมือง มีแต่ต้องเอาตัวมาลงโทษ
การเรียกร้องให้ Set Zero เหตุผลที่แท้จริงคือต้องการทำผิดให้เป็นถูก ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง เพราะแพ้ไม่เป็น
ถ้าจะ Set Zero จะให้เริ่มต้นตรงไหน ย้อนไปแค่ปี 2549 มันน้อยเกินไป ผมว่าเอาย้อนกลับไปถึง รสช.ปี 2535 จะดีกว่า เพราะ รสช.ก็เป็นเผด็จการ ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ด้วยความอหังการว่า "ถ้าสุไม่เอาให้เต้"
ยังจำกันได้ไหมครับ รสช.2535 เป็นเผด็จการไม่แพ้ 2549 แล้วครั้งนั้น เปรตตัวใดที่ได้ประโยชน์จากอำนาจปฏิวัติ ต้องเอาคืนให้หมด ใครที่เคยไปยืนกุมเป้ากางเกงขอสัมปทานโทรคมนาคม ก็ต้องคืนให้กับรัฐ เพราะได้มาจากอำนาจเผด็จการ เป็นผลที่เกิดจากต้นไม่เป็นพิษ จึงย่อมเป็นพิษไปด้วย
Set Zero กันอย่างนี้ดีกว่าไหม เพราะเห็นท่องคาถารังเกียจปฏิวัติกันทุกวัน
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน