จากประชาชาติธุรกิจ

การเมืองไทย กลับมาเป็นเป้าสายตาของสื่อต่างชาติหลายสำนักอีกครั้งหลังพรรคเพื่อไทย พยายามผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ "เหมาเข่ง" จนนำไปสู่การต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ โดยกลุ่มประชาชนที่มองว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นเครื่องมือ "ล้างผิด" ให้แก่อดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 

ขณะ ที่ฝั่งขบวนเสื้อแดง ก็คัดค้าน พ.ร.บ.เหมาเข่งเช่นกัน เนื่องจากจะเป็นการล้มกระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาผิดบรรดา ผู้สั่งการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ บาดเจ็บ 2 พันคน

ความ เห็นของสื่อต่างชาติส่วนใหญ่มองตรงกันว่า พ.ร.บ.นิรโทษฯฉบับเหมาเข่ง มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับคืนสู่อำนาจในไทยอีกครั้ง

ดิ อิโคโนมิสต์ นิตยสารชื่อดังที่เกาะติดการเมืองไทยมานาน ระบุว่าพ.ร.บ.นิรโทษฯ ดังกล่าวได้จุดกระแสต่อต้านทักษิณให้ลุกลามขึ้นมาอีกครั้ง และว่ารัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ถูกมองว่าเอาแต่พยายามพาพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน อีกทั้งรัฐบาลไทยยังคาดการณ์กระแสต่อต้านต่อพ.ร.บ.ฉบับนี้ผิดพลาดอย่าง มหันต์ 

นิตยสาร ชื่อดังนี้ยังวิเคราะห์ด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์กับขบวนการเสื้อเหลืองได้กลับมาเป็นแกนนำการประท้วงต่อต้าน รัฐบาล อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสความไม่พอใจจากคนเสื้อแดงที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลมายาวนานเช่นกัน

ดิ อิโคโนมิสต์ ทิ้งท้ายว่า ขึ้นอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าใจสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้หรือไม่ เพราะแม้แต่ขบวนการเสื้อแดงก็ยังทิ้งอดีตนายกฯ ผู้นี้ไว้เบื้องหลัง และต้องจับตาว่าจะมีรัฐประหารอีกครั้งในไทยหรือไม่

ด้าน สำนักข่าว บลูมเบิร์ก ตีพิมพ์บทความว่า กรณีพ.ร.บ.นิรโทษฯ เหมาเข่ง แสดงให้เห็นว่าพ.ต.ท. ทักษิณยังเป็นประเด็นใหญ่ในประเทศไทย โดยบลูมเบิร์กเปรียบเทียบว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นอดีตผู้นำประเทศที่ใช้บุคลิกและสไตล์การบริหารอันโดดเด่นเป็น ปัจจัยสำคัญในการครองอำนาจ แต่ได้สร้างความไม่พอใจให้ผู้คนจำนวนมากเพราะมีการผูกขาดอำนาจที่ตัวบุคคล มากเกินไป คล้ายอดีตนายกฯ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี แห่งอิตาลี

ทั้ง นี้ ยังวิจารณ์ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทำตัวเป็นเพียง พร็อกซี่ (ตัวแทน) ของอดีต นายกฯ ทักษิณ โดยนอกจากการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อลบล้างคดีคอร์รัปชั่น ของพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว รัฐบาลยังดำเนินแนวทาง "ประชานิยม" เลียนแบบพรรคไทยรักไทยในอดีต จนบางนโยบายก็ทำให้เกิดความเสียหาย เช่น โครงการจำนำข้าว


บลูมเบิร์กแสดงความเห็นว่า รัฐบาลไทยควรเลิกเอาแต่ให้ความสนใจแก่พ.ต.ท.ทักษิณ และหันมาเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง

ขณะ ที่สำนักข่าว ไทม์ ระบุว่า วิกฤตการเมืองล่าสุดทำให้ทั้งฝั่งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงกลับกลายมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเดียวกัน พร้อมกล่าวว่า ดูเหมือนพ.ต.ท. ทักษิณ จะเป็นผู้นำที่ยังมีอำนาจต่อรัฐบาลไทยอย่างมาก

สำหรับ สำนักข่าว บีบีซี ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ของ โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวประจำประเทศไทยที่มีประสบการณ์โชกโชน โดยระบุว่า การผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เพราะทำให้ความสงบทางการเมืองที่ดำรงอยู่มานานกว่า 2 ปีที่ผ่านมา พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง


"ความ แตกแยกที่ฝังรากลึกในสังคมไทยได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง" นายเฮดระบุ และเสริมว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้สถาปนาตนเองเป็น แกนนำการประท้วงครั้งใหญ่ ซึ่งมวลชนจำนวนมากมีจุดประสงค์ต้องการขับไล่รัฐบาล ไม่ใช่เพียงแค่ต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 

อย่างไรก็ตาม นายเฮดชี้ว่าขบวนการต่อต้านรัฐบาลอาจสะดุดได้ หากรัฐบาลยอมถอยเพื่อลดอุณหภูมิการเมืองขณะนี้

นอก จากนี้ นายเฮดยัง ฟันธงว่า ความขัดแย้งในปัจจุบันจะไม่บานปลายกลายเป็นรัฐประหารแบบปี 2549 เพราะกองทัพมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต่างจากเมื่อช่วงปี 2549

ด้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า ตนได้รับเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ใช่เข้ามาเล่นการเมือง

น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ยังยืนยันต่อซีเอ็นเอ็นด้วยว่า ตนไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของพี่ชายตนเอง และไม่ได้เอาผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ มาเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ

แต่ เห็นได้ชัดว่า คำยืนยันของน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวความเข้าใจของสื่อมวลชนต่างชาติหลายสำนัก ตามที่เห็นในบทวิเคราะห์และคำวิจารณ์ที่นำเสนอไว้ข้างต้น

ที่มา ข่าวสดออนไลน์

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน