จากประชาชาติธุรกิจ
ใน เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ผมอยู่ห่างจากสี่แยกคอกวัวและสี่แยกราชประสงค์กว่า 800 กม. ไม่มีญาติคนใดเข้าไปอยู่ในการประท้วงที่ชอบด้วยหลักการของกฎหมายสักคนเดียว แต่ผมเจ็บปวดกับการล้อมปราบด้วยอาวุธ จริง จนเป็นเหตุให้ผู้คนเสียชีวิตเกือบร้อย และบาดเจ็บกว่า 2,000 รวมทั้งการใช้ (abuse) กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมแก่ผู้คนอีกร่วม 1,000 หลังจากนั้น
จึง อยากเรียนให้ ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทราบว่า ผมไม่มีความ ?เจ็บปวด? (เจ็บแค้น) ส่วนตัวกับใครแต่อย่างใดทั้งสิ้น แม้กระนั้นผมก็ค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะผมห่วงลูกหลานในอนาคตว่าจะอยู่กันต่อไปในสังคมที่ผู้มีอำนาจใช้ความ รุนแรงเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ถ้าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป ก็ต้องเดินหน้าไปสู่ความเป็นสังคมที่มีหลักประกันว่าประชาชนจะมีสิทธิ เสรีภาพอย่างเต็มที่ในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย (ไม่ใช่เพียงอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับใดก็ได้)
ผู้มีอำนาจไทย ใช้ความรุนแรงป่าเถื่อนกับประชาชนมาหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะได้รับการนิรโทษกรรม ด้วยข้ออ้างอย่างเดียวกับที่คุณยิ่งลักษณ์ใช้ คือเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่สนใจว่าแล้วจะเดินหน้าไปสู่อะไร ถ้าเห็นแก่ลูกหลานจริง ต้องหยุดความป่าเถื่อนของผู้มีอำนาจลงให้ได้ ไม่ใช่การให้อภัยตั้งแต่ผู้ทำผิดยังไม่สำนึกผิดเลย ดังร่าง พ.ร.บ.ซึ่งผ่านสภาผู้แทนฯไปด้วยการสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคุณยิ่งลักษณ์เป็นสมาชิกคนสำคัญอยู่
ผมพูดเรื่องนี้เพื่อบอกว่า คำประกาศถอยหลังสุดซอยของท่านนายกฯ ไม่ช่วยให้คะแนนเสียงของรัฐบาลดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะคนที่ค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ด้วยความคิดเหมือนกับผม คือไม่ใช่ความเจ็บแค้นส่วนตัว แต่เป็นความห่วงใยต่ออนาคตของสังคมไทย คงรู้สึกถูกสบปรามาสเหมือนกัน ผมเชื่อว่านอกจากผมแล้ว ยังมีคนอย่างนี้อีกมาก แม้เราไม่มีกำลังออกไปเดินประท้วงในถนนให้ทีวีรายงานข่าวก็ตาม
ผมไม่ รู้ว่ากุนซือคนไหนที่ร่างแถลงการณ์ให้คุณยิ่งลักษณ์ แต่เมื่อออกจากปากของคุณยิ่งลักษณ์ได้ ก็เป็นสิ่งที่พวกเราควรเรียนรู้และจดจำไว้ ว่าคุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยมีความเห็นต่อเราอย่างไร
ทั้งนี้ ยังไม่พูดถึงปฏิปักษ์ของคุณยิ่งลักษณ์ซึ่งอาจใช้ความกำกวมในการประกาศถอย หลังครั้งนี้ ไปในทางให้ร้ายคุณยิ่งลักษณ์ได้ถนัด เช่นข่าวของสำนักข่าวอิศราในสังกัดสมาคมนักข่าว ที่รายงานข่าวว่าคุณยิ่งลักษณ์ประกาศสู้สุดซอย ถ้านักข่าวอ่านหนังสือไทยไม่แตกได้ถึงแค่นี้ สิ่งที่สมาคมน่าจะฝึกอบรมนักข่าวก่อนอื่นคือวิชาอ่านเอาเรื่อง
ผมก็ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกุนซือถึงไม่ร่างประกาศให้ตรงไปตรงมาว่า จะถอยโดยมติของวุฒิสภา เพราะความคิดของรัฐบาลในเรื่องนี้ ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนจำนวนมาก... ทั้งที่แสดงออกในถนน และนอกถนน
ใน ขณะเดียวกัน ข้อค้านของกลุ่มที่ต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นี้ก็น่าสังเวชพอๆ กัน นักกีฬา, ดารา, ป.ป.ช., ตุลาการ, และผู้บริหารมหาวิทยาลัย พากันออกมาประท้วงให้เป็นข่าวทั่วไป แต่เกือบทั้งหมดของแถลงการณ์หรือคำให้สัมภาษณ์ที่ผมได้อ่านและฟัง ล้วนต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นี้ด้วยเหตุผลที่ร่าง พ.ร.บ.นี้ปล่อยให้คุณทักษิณ ซึ่งต้องโทษในกรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รอดพ้นจากการถูกลงโทษทั้งสิ้น
ยก ตัวอย่างจากคำให้สัมภาษณ์ของอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นตัวอย่างก็ ได้ ท่านบอกว่าร่าง พ.ร.บ.ทำลายระบบนิติรัฐ ส่งเสริมการคอร์รัปชั่น เพราะถึงโกงไปก็จะไม่เป็นไร เพราะจะได้รับนิรโทษกรรม ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยรู้สึกเดือดร้อน เพราะจะสอนลูกศิษย์ให้มีคุณธรรมได้อย่างไร ถ้าการคอร์รัปชั่นกลายเป็นเรื่องที่สังคมถูกบังคับให้ไม่เอาโทษ
แต่ ท่านไม่พูดถึงการรัฐประหาร ว่าทำลายระบบนิติรัฐไปอย่างไร ท่านไม่พูดถึงรายละเอียดของคดีที่ดินรัชดาฯ ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (โดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครได้ประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนี้) ท่านไม่พูดถึงรายละเอียดในคดียึดทรัพย์ และข้อฉงนของนักกฎหมายอีกมากที่สงสัยว่าหลักฐานเหล่านั้นประกอบกันขึ้นเป็น ความผิดทางกฎหมายได้หรือไม่ และแน่นอนท่านไม่พูดถึงกระบวนการของคดี ซึ่งเกิดขึ้นจากผลของการรัฐประหาร
ผมไม่ต้องการให้เข้าใจว่าคุณ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะมีเหตุการณ์ที่สำคัญกว่านั้นอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างที่คุณ ทักษิณเป็นนายกฯ เช่น กรณีกรือเซะ, ตากใบ, ฆ่าตัดตอน, การหายตัวไปของคุณสมชาย นีละไพจิตร ฯลฯ ล้วนยังไม่มีการสอบสวนให้กระจ่างสักเรื่องเดียว แม้แต่การปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อต่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นต่ออุปกรณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ หรือราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตของหุ้นบริษัทมือถือของชินวัตร ฯลฯ ล้วนยังไม่มีการสืบสวนจนกระจ่าง หรือมีคำอธิบายที่พอจะรับได้จากใครทั้งสิ้น
คุณทักษิณนั้นรอดตัวกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ไปทันที ที่กระบวนการทำคดีกลายเป็นผลมาจากการรัฐประหาร (ทั้งด้วยอาวุธและตุลาการภิวัฒน์)
เพราะใครๆ ก็อาจเคลือบแคลงได้ว่าทั้งหมดคือการกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยไม่เป็นธรรมต่อคุณทักษิณ
ท่าน อธิการบดีกำลังพูดถึงนิติรัฐด้านเดียว และกำลังพูดถึงการเว้นโทษแก่คนโกงโดยไม่ใส่ใจต่อรายละเอียดที่คนอื่นอาจใช้ เพื่อสามารถใช้วิจารณญาณของตนเองได้ ถ้าเราเป็นครู ให้ข้อมูลด้านเดียวเพื่อนำมาสู่ข้อสรุปตามอคติส่วนตน จะถือว่าเป็นการโกงนักศึกษาหรือไม่ และนี่ใช่การคอร์รัปชั่นหรือไม่ เพราะครูไม่ใช่นักปลุกระดม
ยิ่งกว่านี้ ท่านอธิการไม่พูดถึงความสูญเสียที่ประชาชนได้รับ ไม่ว่าในกรณีกรือเซะ ตากใบ การอุ้มหาย การสังหารหมู่กลางเมืองที่สี่แยกคอกวัวและสี่แยกราชประสงค์เลย ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับให้สังคมเว้นโทษแก่ฆาตกรด้วย ทั้งๆ ที่การสืบสวนสอบสวนของบางเหตุการณ์กำลังดำเนินไปอย่างรัดกุมและโปร่งใส (เพราะสาธารณชนอาจตรวจสอบได้) นี่คือเรื่องชีวิตจริง เลือดเนื้อจริง และความทุกข์ยากจริงที่ครอบครัวญาติมิตรของเหยื่อได้รับ ลืมไปได้เฉยๆ เลย เหี้ยมไหมครับ
คุณธรรมที่จุฬาฯ อยากปลูกฝังให้ลูกศิษย์ของตนคืออย่าโกง แต่เหี้ยมโหดอย่างไรก็ได้ใช่หรือไม่
การ ต่อต้านกลางถนนที่ดำเนินไปในกรุงเทพฯ จึงช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้แก่พรรคเพื่อไทย เพราะเสื้อแดงที่ค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นอันมาก ไม่เคลื่อนไหวอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมนัก เพราะความเหี้ยมของขบวนการต่อต้านกลางถนนเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อหันกลับมาดูทางฝั่งพรรคเพื่อไทย การก้าวพลาดทางการเมืองในครั้งนี้ มีราคาที่ต้องจ่ายหรือไม่ และมีราคาสักเท่าไร
ผมคิดว่ามีแน่ และเท่าที่จะพอประเมินได้ในขณะนี้ คงมีดังนี้
1.ร่าง พ.ร.บ.ช่วยชุบชีวิตของพรรคคู่แข่งคือ ปชป.ให้กลับมากระปรี้กระเปร่าในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่อื่นๆ ได้อีกครั้ง แนวทางทางการเมืองของคุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพที่เผชิญหน้าอย่างไม่ลดละนั้น ผมเชื่อว่าไม่เข้ากับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของคนในเขตเมืองเสียแล้ว และการเมืองภายในของพรรคทำให้หันเหออกจากแนวทางนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลานี้ แต่แนวทางนี้กลับดูมีเหตุผลมากขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับการหักด้ามพร้าด้วยเข่าของพรรคเพื่อไทย
ปชป.ก็คง รู้ว่าตัวได้รับส้มหล่น และคงพยายามยืดเวลาบทพระเอกในท้องถนนของตนออกไปให้นานที่สุด เช่น คุณสุเทพเพิ่งประกาศเมื่อเขียนบทความนี้ว่าจะไม่เลิกการชุมนุมจนกว่าร่าง พ.ร.บ.ต้องตกไปจากรัฐสภาโดยสิ้นเชิง... คือวุฒิฯไม่รับร่าง ต้องส่งกลับมาสภาผู้แทนฯ ต้องโหวตให้ตกไป (หรือแก้ไขตามที่วุฒิฯเสนอ)... ทั้งหมดนี้กินเวลาพอสมควร
2.ความเนิ่นนานหมายถึงเหยื่อของฝ่ายเสื้อ แดงต้องทนทุกข์ในคุกต่อไป อย่าลืมว่าพรรค พท.เองก็ปล่อยให้คนเสื้อแดงอยู่ในคุกมานานแล้ว คนเสื้อแดงที่ค้านร่าง พ.ร.บ.นี้กลุ่มแรกที่จะได้รับผลกระทบจากการเหมาเข่ง คือญาติมิตรของคนที่อยู่ในคุก ถ้าพวกเขายัง ?เจ็บปวด? ไม่พอ ก็จะได้รับความ ?เจ็บปวด? มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็แสดงให้เสื้อแดงทุกฝ่ายเห็นได้ชัดมากขึ้นว่า เพื่อแลกกับการกลับบ้านของคุณทักษิณนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมแลกแม้แต่คุณค่าชีวิตของ ?ไพร่? เท่าไรก็ได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยเชื่ออย่างจริงใจว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่ ?ควายแดง? เขาคงเรียนรู้พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณไปได้มากทีเดียว ดังนั้น จะหวังให้เขามีพฤติกรรมทางการเมืองเหมือนเดิม จึงไม่พึงคิด
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนเสื้อแดงกลุ่มนี้จะไม่เลือกพรรค พท. แต่จำนวนไม่น้อยจะเลือก พท.ในเชิงยุทธศาสตร์ ในฐานะนักการเมืองสมาชิก พท.น่าจะรู้ดีว่าการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์นั้นแตกต่างจากการเลือกตั้งเชิง ความภักดีอย่างไร
3.ผมเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้คะแนนเสียงน้อยลง แม้ยังเป็นฝ่ายที่ได้คะแนนสูงสุด และเพื่อไทยจะได้เรียนรู้การเป็นรัฐบาลผสมที่ตัวไม่ได้มีเสียงเด็ดขาด ในขณะที่ปฏิปักษ์ของเพื่อไทยในสังคมยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม พท.จะดำเนินนโยบายในการบริหารได้ยากขึ้น จนทำให้โครงการดีๆ เช่นปรับโครงสร้างพื้นฐาน ไม่อาจทำได้ราบรื่นยิ่งขึ้นไปอีก จนถึงอาจทำไม่ได้เลย ซึ่งย่อมทำให้คะแนนนิยมของพรรคเสื่อมลงไปอย่างหลีกไม่พ้น
4.ราคาที่ ต้องจ่ายสูงไม่น้อยเหมือนกันคือคุณทักษิณ ชินวัตร โอกาส ?กลับบ้าน? คงจะเนิ่นนานออกไป ชัยชนะของฝ่ายต่อต้านคุณทักษิณในครั้งนี้ ทำให้ผู้มีอำนาจนอกและเหนือการเมืองทั้งหมด ต้องต่อรองการ ?กลับบ้าน? ในราคาที่สูงขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก เช่นคุณทักษิณอาจต้องยอมเข้าคุก อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆ อันหนึ่ง
ที่มา นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 11 พ.ย.
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน