เหตุเกิดที่รามคำแหง
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ฑิฆัมพร ศรีจันทร์
ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ วันที่ 30 พ.ย. จนกระทั่งถึงช่วงสายวันที่ 1 ธ.ค. บริเวณด้านหน้า และด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง
เกิดการปะทะกันระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กับผู้ชุมนุมกลุ่มนปช. ที่ชุมนุมบริเวณสนามราชมังคลากีฬาสถาน
มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายและผู้สูญเสียชีวิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความสูญเสียจากเหตุการณ์ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากแนวคิดที่ไม่ตรงกัน
เหตุการณ์เริ่มต้นจากการชุมนุมสองฝ่าย เจอกัน พูดจายั่วยุกันก่อนนำไปสู่ความรุนแรง มีนักศึกษามากกว่าสามพันคนต้องอยู่ภายในมหาวิทยาลัย หลบอยู่ในอาคารเรียนมหาวิทยาลัยไม่สามารถออกมาได้ เพราะมีการซุ่มโจมตีด้วยอาวุธ มีผู้ถือปืนแฝงตัวและยิงลงมาจากตึกสูง จากสะพานลอยหน้ามหาวิทยาลัย
ตำรวจที่ตรึงกำลังโดยรอบ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ มีการใช้อาวุธ และยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำการก่อเหตุได้
รามคำแหง แปรเปลี่ยนเป็นสมรภูมิ ตลอดคืนวันที่ 30 พ.ย. บอกว่าเป็นสมรภูมิดูเหมือนจะไม่ถูกนัก ดูเหมือนเป็นการกระทำจากฝ่ายเดียวมากกว่า พวกเขามาจากไหนกัน นำอาวุธมากมายเข้ามาก่อเหตุการณ์กลางกรุง เล็ดลอดหูตาเจ้าหน้าที่เข้ามาได้อย่างไร
ขณะที่นักศึกษาส่วนใหญ่มีเพียงสองมือเปล่า น่าแปลกใจที่เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ไม่สามารถระงับเหตุการณ์ความรุนแรงได้เลย ประหนึ่งว่าปล่อยให้เหตุการณ์พัฒนาไปเอง คลี่คลายลงเอง โดยขาดความมุ่งมั่นในการระงับยับยั้ง และมองเพียงเป็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท
จนกระทั่งถึงช่วงเช้า ทาง นปช. ได้ประกาศสลายการชุมนุม ส่งผู้ชุมนุมกลับภูมิลำเนา ขณะที่ยังมีนักศึกษาติดอยู่ภายในมหาวิทยาลัยไม่สามารถออกมาได้ หลังจากมีความพยายามออกมา แต่ก็ถูกซุ่มโจมตี เสียงปืนยังคงดังระงมเป็นระยะๆ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.11รอ.) จำนวน 1 กองร้อย เข้าตรึงพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยและบริเวณโดยรอบ พร้อมช่วยเหลือโดยการทยอยนำนักศึกษาที่ยังคงติดค้างอยู่ภายในมหาวิทยาลัยออกจากพื้นที่ ลำเลียงนักศึกษาขึ้นรถทหารคันละประมาณ 40 คน และรถบัสของมหาวิทยาลัย โดยมีรถของทหารนำขบวนไปสลับกับรถเทศกิจของกทม. ไปยังวัดพระราม 9 บ่ายแก่ๆ จึงขนย้ายออกมาได้หมด
รามคำแหง สงบลงบ้างชั่วคราว
รามคำแหง เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมืองหลายครั้ง ในยุคสมัย 14 ตุลา 2516 ผู้ปกครองสั่งจับกุมแกนนำนักศึกษาก่อนเหตุการณ์บานปลายเริ่มต้นที่นี่
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อปี 2535 การต่อสู้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ การล้อมปราบ ที่สะพานผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน สนามหลวง ทัพประชาชนนักศึกษาแตกพ่าย ได้มารวมกันขึ้นมาใหม่และอาศัยหลบภัยที่นี่
รามคำแหง เป็นพื้นที่ประชาชน เป็นที่พึ่งที่มั่นสุดท้ายในสถานการณ์วิกฤติ
ต้องเป็นพื้นที่ปลอดอาวุธ ปลอดความรุนแรง
ต้องไม่เป็นพื้นที่ห้ำหั่นและเข่นฆ่า เพื่อนำไปสู่ชัยชนะของใครบางคนหรือบางกลุ่ม
เป็นชัยชนะบนคราบเลือดและน้ำตาของผู้สูญเสีย
2หญิงถูกล้อมที่รามที่แท้แม่มือเผาศาลากลาง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
คลิป 2 หญิงชาวอุดรฯถูกล้อมที่ม.รามฯ ที่แท้แม่มือเผาศาลากลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.56 ได้ติดตามข่าวผ่านสื่อออนไลน์ กรณีเหตุความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงและราชมังคลากีฬาสถาน เป็นภาพคลิปวีดีโอ ที่ระบุชื่อว่า "จากปากชาวอุดร ส.จ....จ้างเที่ยวกรุงเทพ 200" เป็นผู้หญิงสูงอายุ และวัยเกือบกลางคน 2 คน อยู่ในอาการหวาดกลัวตัวปากสั่น ถูกล้อมด้วยนักศึกษาหนุ่ม มหาวิทยาลัยรามคำแห่งนับ 10 คน รุมสอบถามด้วยน้ำเสียงรุนแรง ก่อนจะมอบขวดน้ำดื่มให้
ตรวจสอบพบว่าผู้หญิงวัยที่อายุน้อยกว่า คือ นางคำแสน ไชยเทพ สมาชิกสภา อบจ.อุดรธานี เขต 8 อำเภอเมือง ภรรยาของนายกองชัย ชัยกัง ผญบ.บ้านหนองหูลิง ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี และเป็นแม่นายกิตติพงษ์ ชัยกง อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาต้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำคุก 11 ปี 3 เดือน (ในฐานะเป็นผู้เยาว์ขณะก่อเหตุ) ข้อหาเผาศาลากลาง จ.อุดรธานี และเทศบานครอุดรธานี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 โดยทั้งนางคำแสนฯ สามี ร่วมต่อสู้คดีจนบุตรชายได้รับการประกันตัว
ส่วนภาพที่ปรากฏในข่าวโทรทัศน์สีช่อง 7 และภาพนิ่งรถตู้โตโยต้า 2 คัน สีขาวทะเบียน นข-4086 อุดรธานี และสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน นข-5164 อุดรธานี ถูกทุบทำลายเสียหายทั้งคัน และยังช่วยกันล้มรถให้ตะแคง ตรวจสอบพบว่า รถทะเบียน นข-4086 อุดรธานี จดทะเบียนชื่อนายพลวัฒน์ อ่อนตาจันทร์ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 67 ม.2 ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี และรถทะเบียน นข-5164 อุดรธานี. นายสันติ พิมพ์ศรี 54 ปี 766 ม.10.บ้านตาด ต.บ้านตาด จ.อุดรธานี
ผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามนางคำแสนฯ ทางโทรศัพท์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงคนใกล้ชิด (สามี) ทราบว่า นางคำแสนฯเดินทางไปร่วมชุมนุมกับ นปช. ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อ นปช.ประกาศหยุดการชุมนุม และให้ประชาชนเดินทางกลับ นางคำแสนฯและชาวบ้านก็เดินทางกลับ มากับรถตู้คันสีบรอนซ์เงินของเพื่อน โดยรถวิ่งออกมาด้วยกัน 2 คัน โชเฟอร์ซึ่งไม่รู้จักเส้นทางออก พอดีกับมี จยย.รับจ้างในพื้นที่ ขับขี่รถขึ้นมาอยู่หน้ารถตู้ ทำทีโบกไม้โบมือให้รถขับตาม
"โชเฟอร์และคนในรถคิดว่า จยย.รับจ้างเป็นพวกเดียวกัน จึงขับรถตามมาเรื่อยๆจนมาอยู่ในซอย จึงรู้ว่าน่าจะถูกหลอกเข้ามา เพราะมีกลุ่มนักศึกษาชายจำนวนมาก ขวางถนนอยู่ด้านหน้ารถไปไม่ได้ ได้เฮโลเข้ามาหารถจึงจอด วิ่งลงจากรถหนีไปคนละทิศละทาง นางคำแสนกับชาวบ้านวิ่งมาสักพัก ก็พบกลับกลุ่มนักศึกษาเข้ามารุมสอบถามอีก น่าจะถูกถ่ายภาพมาลงเป็นคลิป ขณะนี้เดินทางกลับมาถึงบ้านปลอดภัยดี"
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน