จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ธนพล บางยี่ขัน
เปิดเกมรุกรอบใหม่กับปฏิบัติการชัตดาวน์กรุงเทพฯ เมื่อคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่ประกาศตั้งเวทีชุมนุม 7 จุดสำคัญในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. ด้วยเป้าหมายทำให้เมืองหลวงกลายเป็นอัมพาต ต่อเนื่องด้วยกิจกรรมกดดันให้กระทรวง ทบวง กรม ทำงานไม่ได้
แน่นอนว่าการตัดสินใจใช้ “ยาแรง” ยกระดับจากการปักหลักชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาเป็นยุทธการปิดกรุงเทพฯ เพื่อหวังปิดเกมให้เร็วที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ กปปส. เมื่อแนวร่วมมวลมหาประชาชนบางกลุ่มบางฝ่ายเริ่มมองว่าจะเกินขอบเขตที่ยอมรับได้ และส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชน รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจในเมืองหลวง
สะท้อนผ่านเครือข่ายรถตู้กรุงเทพฯ หลายร้อยคันรวมตัวออกมาประท้วงที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประท้วงปฏิบัติการปิดประเทศที่จะกระทบต่อผู้ประกอบกิจการรถตู้ 5,000 คัน ไม่รวมกับป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก คัดค้านการปิดประเทศ ที่ผุดขึ้นหลายจุด ไปจนถึงการรณรงค์คัดค้านการปิดกรุงเทพฯ ในโซเชียลมีเดียที่แพร่หลายมากขึ้น
หนำซ้ำกระแสไม่เอา “เทือกตั้ง” แต่ต้องการเดินหน้าไปสู่กระบวนการตามระบบคือ “เลือกตั้ง” ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ เริ่มก่อตัวขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นจากกิจกรรม “จุดเทียนสันติภาพ” ของนิสิตนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและรณรงค์เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งมีคนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต่างจากอีกด้านหนึ่ง ฟากฝั่งนักวิชาการและแนวร่วมบุคคล องค์กรในนามเครือข่าย “สองเอา สองไม่เอา” ที่ออกแถลงการณ์คัดค้านรัฐประหาร คัดค้านการใช้รูปแบบ เคารพการใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ สนับสนุนปฏิรูปบนวิถีทางประชาธิปไตย
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับ กปปส. โดยเฉพาะเมื่อส่องดูรายชื่อในเครือข่าย “สองเอา สองไม่เอา” หลายคนไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกันกับรัฐบาล หลายองค์กรเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือทางสังคม นั่นย่อมทำให้การออกมาประกาศจุดยืนรอบนี้มีน้ำหนักเพียงพอที่จะสั่นคลอนการเคลื่อนไหวของ กปปส. ยิ่งในวันที่การปักหลักต่อสู้ทอดเวลานานออกไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลานี้เป้าหมายของ กปปส.กับการเดินหน้า “ปฏิรูป” ก่อน “เลือกตั้ง” จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นทิศทางความชัดเจนทั้งในแง่รายละเอียดหรือข้อกฎหมายที่จะนำมาใช้ประกอบการตั้ง “สภาประชาชน” จนทำให้เส้นทางดูตีบตัน และยากจะฝากความหวังว่าเส้นทางนี้กำลังจะนำไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้จริง
หนำซ้ำเส้นทางการเคลื่อนไหวบางก้าวย่าง เสมือนเป็นการทอดสะพานไปยัง “กองทัพ” ส่งสัญญาณหวังยืมมือใช้การ “ปฏิวัติ” ทำลายกรอบอุปสรรคต่างๆ เพื่อเปิดให้เส้นทางที่ตีบตันเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ สอดรับกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในระยะหลังที่ดูจะแบ่งรับแบ่งสู้แบบไม่ปิดประตูตาย
นั่นเป็นผลให้แนวร่วมของมวลมหาประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้รถถังสลายความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มถอยออกมาตั้งหลัก เพราะชัดเจนว่านอกจากจะไม่อาจสะสางปัญหาแล้วยังมีแต่จะเพิ่มความซับซ้อนของปัญหาเพิ่มเติม
ดังนั้น ลึกๆ การตัดสินใจ “เปิดเกมเสี่ยง” ปิดกรุงเทพฯ รอบนี้ จึงหวังผลมากกว่าแค่การปิดกรุงเทพฯ ให้หน่วยงานราชการเป็นอัมพาตจนตกอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลวเท่านั้น แต่ยังหวังผลต่อไปถึงภาคธุรกิจที่ย่อมได้รับผลกระทบจากการปิดกรุงเทพฯ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะหากปฏิบัติการชัตดาวน์กรุงเทพฯ กินเวลานานออกไปเรื่อยๆ ความสูญเสียในภาคธุรกิจที่เกิดขึ้นตีเป็นมูลค่าวันละหลายล้านบาทนั้น ย่อมกลายเป็นแรงบีบสะท้อนกลับมายังรัฐบาลในที่สุด
เมื่อส่องดูรายละเอียดใน 7 จุด ที่ยึดเป็นทำเลตั้งเวทีของ กปปส. หลายพื้นที่ล้วนแต่เป็นย่านธุรกิจสำคัญ อาทิ สวนลุมพินี ถนนสีลม แยกอโศก แยกราชประสงค์ แยกปทุมวัน ยิ่งเมื่อรวมกับการตั้งเวทีที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้าแยกลาดพร้าว ที่ถือเป็นประตูการสัญจรของคนกรุงที่สำคัญ ผลที่ตามมาย่อมกระทบต่อธุรกิจตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศ
แรงบีบจากภาคธุรกิจนี้จึงถือเป็นปัจจัยใหม่ที่จะไปเพิ่มน้ำหนักกดดันรัฐบาล หรืออาจส่งผลไกลเลยไปถึงกองทัพให้ตัดสินใจออกมาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นหากการชุมนุมปิดเมืองยืดเยื้อยาวนานออกไป ซึ่งไม่เฉพาะแต่ความสูญเสียต่อชีวิตของมวลมหาประชาชนหรือเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสูญเสียต่อธุรกิจ
ยิ่งในวันที่สภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างทุกวันนี้ การคาดการณ์จีดีพีที่ปรับลดลงไปทุกวันๆ ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ไปจนถึงสภาพกระเป๋าแฟบของรัฐบาล ที่กำลังเริ่มเป็นปัญหาจากนโยบายประชานิยมที่อาการฝีแตกกำลังส่งผลเสียรุนแรง การปล่อยให้สภาพธุรกิจต้องมาสะดุดในเวลานี้ จึงย่อมไม่เป็นผลดีและซ้ำเติมสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่
ปฏิบัติการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ครั้งนี้ จึงมองว่าเป็นการดึงภาคธุรกิจมาเป็นตัวประกันสร้างแรงบีบไปถึงรัฐบาล ในวันที่กระแสมวลมหาประชาชนเริ่มแผ่ว
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน